สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden) เป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (Nihon Sanmeien) ร่วมกับ สวนเคนโรคุเอน (Kenrokuen Garden) และ สวนโคราคุเอน (Korakuen Garden) โดยตั้งอยู่ใน เมืองมิโตะ (Mito City) จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki Prefecture) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เที่ยวใกล้โตเกียว (Travel near Tokyo) และอยากสัมผัสความงดงามของ จุดชมดอกไม้ญี่ปุ่น (Flower Viewing Spots in Japan) แบบที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จักมากนัก
สิ่งที่ทำให้สวนไคราคุเอนแตกต่างจากสวนอื่น ๆ ก็คือความลับที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่สีเขียวอันกว้างใหญ่ ไม่ใช่เพียงความสวยของ ดอกบ๊วยญี่ปุ่น (Japanese Plum Blossom) และต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ แต่ยังรวมถึง ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (Japanese History) วัฒนธรรม และ การออกแบบสวนญี่ปุ่น (Japanese Garden Design) อันงดงาม ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาและ วัฒนธรรมญี่ปุ่น (Japanese Culture) ที่ถูกถ่ายทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ประวัติ โทกูงาวะ นาริอากิ ผู้สร้างสวนไคราคุเอน
สวนไคราคุเอนสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1841 โดย โทกูงาวะ นาริอากิ (Tokugawa Nariaki) ไดเมียวแห่งแคว้นมิโตะ (Mito Domain) ใน ยุคเอโดะ (Edo Period) ซึ่งท่านเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและต้องการให้สวนแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับทุกชนชั้น ไม่ใช่เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น คำว่า “ไคราคุเอน” มีความหมายว่า “สวนที่สร้างขึ้นเพื่อความสุขของทุกคน” สะท้อนถึงแนวคิดก้าวหน้าของโทกูงาวะ นาริอากิ ที่ต้องการเปิดสวนให้ประชาชนได้เข้าถึงธรรมชาติอย่างเท่าเทียม (ข้อมูลจาก สวนไครากุ-วิกิพีเดีย)
สวนแห่งนี้ยังเกี่ยวพันกับตระกูลโทกูงาวะ (Tokugawa) ซึ่งเป็นตระกูลโชกุนที่มีอำนาจมากในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกว่า 250 ปี การก่อสร้างสวนไคราคุเอนจึงไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความมั่งคั่งของตระกูลนี้อีกด้วย
สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ เทศกาลดอกบ๊วย จุดเด่นที่ไม่ควรพลาด!
หนึ่งในจุดเด่นของสวนไคราคุเอนคือ ดอกบ๊วยญี่ปุ่น (Japanese Plum Blossom) กว่า 3,000 ต้น ซึ่งมีมากถึง 100 สายพันธุ์ โดยจะบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ทำให้มีการจัด เทศกาลดอกบ๊วย (Ume Festival) หรือที่หลายคนเรียกว่า “เทศกาลดอกบ๊วยเมืองมิโตะ” กันอย่างครึกครื้น มีการประดับไฟยามค่ำคืนและการแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ (ข้อมูลจาก สวนไคระคุเอ็ง-JNTO)
เทศกาลดอกบ๊วยเมืองมิโตะจัดขึ้นเมื่อไหร่? โดยทั่วไปจะจัดขึ้นราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องจนถึงปลายเดือนมีนาคม ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสวนไคราคุเอนสำหรับสายรักธรรมชาติ นอกจากนี้ ใครที่เล็งภาพสวย ๆ ห้ามพลาดไปในช่วงเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ ๆ เพราะแสงธรรมชาติจะยิ่งขับความงดงามของดอกบ๊วยให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
อาคารโคบุนเตะ (Kobuntei) สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น (Japanese Architecture) อันทรงเสน่ห์
ภายในสวนมี อาคารโคบุนเตะ (Kobuntei) ซึ่งเป็นอาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่นโดดเด่นตามแบบ สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น (Japanese Architecture) ที่ผสมผสานเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นได้อย่างลงตัว จุดนี้เป็นไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะเมื่อขึ้นไปยังชั้นบนของอาคาร จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของสวนได้กว้างขวาง โดยเฉพาะช่วง ฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น (Spring in Japan) ที่ดอกบ๊วยเบ่งบาน หรือช่วงปลายปีที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
การออกแบบสวนด้วยเทคนิค Shakkei ความสมดุลระหว่างธรรมชาติและมนุษย์
สวนไคราคุเอนถือเป็นตัวอย่างชั้นเลิศของ การออกแบบสวนญี่ปุ่น (Japanese Garden Design) แบบดั้งเดิม ซึ่งเน้นความสมดุลระหว่างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและธรรมชาติ หนึ่งในเทคนิคสำคัญที่ใช้คือ การออกแบบสวนด้วยเทคนิค Shakkei (Borrowed Scenery) หรือการดึงทิวทัศน์ภายนอก เช่น ภูเขาหรือทะเลสาบ ให้กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสวน
นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น สะพานโค้ง สวนไผ่ หินจัดสวน และทางเดินคดเคี้ยวไปตามทุ่งดอกไม้ ซึ่งสอดประสานกับหลัก การอนุรักษ์ธรรมชาติ (Nature Conservation) อย่างลงตัว ให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำบรรยากาศของ สวนญี่ปุ่นใกล้โตเกียวที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก แห่งนี้อย่างเต็มที่
กิจกรรมที่น่าสนใจในสวนไคราคุเอนสำหรับนักท่องเที่ยว
1.เทศกาลดอกบ๊วย (Ume Festival)
นอกจากจะมีดอกบ๊วยบานสะพรั่งแล้ว ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองของ เมืองมิโตะ (Mito City) และการแสดงดนตรีหรือศิลปะท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ชม
2.การชมสวนในเวลากลางคืน (Night Illumination)
ในช่วงเทศกาลดอกบ๊วยและฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะมีการประดับไฟอย่างสวยงาม เพิ่มมิติใหม่ในการเที่ยวชมสวน
3.พิธีชงชาที่สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ
สัมผัส วัฒนธรรมญี่ปุ่น (Japanese Culture) อย่างใกล้ชิดผ่านพิธีชงชาแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบ
4.ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวนไคราคุเอนช่วงเดือนพฤศจิกายน
บรรยากาศโรแมนติกของใบไม้สีแดง ส้ม และเหลือง เหมาะแก่การเดินเล่นหรือถ่ายรูปเก็บความทรงจำ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสวนไคราคุเอน
1.ปลายเดือนกุมภาพันธ์ – ต้นเดือนมีนาคม
เพื่อชม ดอกบ๊วยญี่ปุ่น (Japanese Plum Blossom) และร่วมงาน เทศกาลในญี่ปุ่น (Festivals in Japan) อย่างเทศกาลดอกบ๊วย
2.เดือนพฤศจิกายน
สำหรับใครที่ชื่นชอบบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงนี้นับเป็นอีกหน้าหนึ่งของความงามที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สวนไคราคุเอนเหมาะกับการถ่ายรูปช่วงเวลาไหนมากที่สุด? หลายคนแนะนำช่วงเช้าตรู่และบ่ายแก่ ๆ เพื่อให้ได้แสงอ่อน ๆ ที่ช่วยขับให้สีของดอกไม้หรือใบไม้โดดเด่น
3.เวลาปิดทำการ
- กลางเดือนกุมภาพันธ์ – 30 กันยายน 6:00~19:00 น.
- 1 ตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์ 7:00~18:00 น.
3.ค่าเข้าชม
- รายบุคคล ผู้ใหญ่ อายุ 15 ปีขึ้นไป ราคา 320 เยน เด็ก 160 เยน
- แบบกลุ่มจำนวน 20 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ อายุ 15 ปีขึ้นไป ราคา 240 เยน เด็ก 130 เยน
- สำหรับอายุ 70 ปีขึ้นไป ค่าเข้าชมจะลดลงครึ่งราคา
- ช่วงเทศกาลดอกบ๊วย เข้าชมฟรีตั้งแต่เวลาเปิดประตูจนถึง 09.00 น.
หรือตรวจสอบเวลาทำการและค่าเข้าชมจากเว็บไซต์ทางการของสวนไคราคุเอน
วิธีเดินทางจากโตเกียวไปเมืองมิโตะอย่างละเอียด
การเดินทางจากโตเกียวไปมิโตะสามารถทำได้หลายวิธี โดยตัวเลือกที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือการเดินทางโดยรถไฟ
เดินทางโดยรถไฟ
1. รถไฟด่วนพิเศษ JR Limited Express
- ขึ้นรถไฟ JR Limited Express สาย Joban Line (ขบวน Hitachi หรือ Tokiwa) จาก สถานีโตเกียว หรือ สถานีอุเอโนะ ไปยัง สถานี Mito
- ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที – 1 ชั่วโมง 30 นาที
- เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกสบายที่สุด
2. รถไฟธรรมดา JR สาย Joban Line
- หากต้องการประหยัดค่าเดินทาง สามารถใช้รถไฟธรรมดาสาย Joban Line จาก สถานีอุเอโนะ ไปยัง สถานี Mito
- ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่รีบร้อนและต้องการลดค่าใช้จ่าย
เดินทางโดยรถบัส
รถบัสทางหลวง
- มีรถบัสทางหลวงให้บริการจากสถานีขนส่งหลักในโตเกียวไปยัง สถานีมิโตะ
- ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- ข้อดีคือ ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ทำให้เดินทางได้สะดวก
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
ขับรถไปมิโตะ
- ใช้เส้นทาง Joban Expressway จากโตเกียวไปยังมิโตะ
- ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที – 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
- หากไม่มีรถยนต์ สามารถเช่ารถจาก สนามบินนาริตะ หรือในตัวเมืองโตเกียวได้
เดินทางไปสวนไคราคุเอนจากโตเกียว อย่างไรให้สะดวก? คุณอาจเลือกใช้ JR Pass (ถ้ามี) หรือจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่า
ที่อยู่ 1 Chome-3-3 Tokiwacho, Mito, Ibaraki 310-0033 ญี่ปุ่น
แผนที่เดินทางไปสวนไคราคุเอน Google Maps
พักที่ไหนดีใกล้สวนไคราคุเอน?
ใน จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki Prefecture) และเมืองมิโตะ มีที่พักหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่โรงแรมสมัยใหม่จนถึง โรงแรมแบบเรียวกังใกล้สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ซึ่งบางแห่งยังมีออนเซ็นและอาหารพื้นเมืองไว้คอยบริการ
หากยังลังเลว่า พักที่ไหนดีใกล้สวนไคราคุเอน แนะนำให้จองล่วงหน้าในช่วงเทศกาลดอกบ๊วยหรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ร้านอาหารท้องถิ่นใกล้สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ
เมื่อเที่ยวชมสวนเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะลอง ร้านอาหารท้องถิ่นใกล้สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ ซึ่งมีเมนูขึ้นชื่ออย่างนัตโตะ (Natto) หรือข้าวหน้าปลาไหล (Unadon) ที่โด่งดังในภูมิภาคนี้ ให้เราได้ลิ้มลองความอร่อยแบบต้นตำรับ และยังเป็นการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงสวนไคราคุเอน จังหวัดอิบารากิ
นอกจากสวนไคราคุเอนแล้ว ในละแวกนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น
1.ปราสาทมิโตะ (Mito Castle Ruins)
ปราสาทมิโตะที่หลงเหลือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ให้ศึกษา
2.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมิโตะ (Art Tower Mito)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมิโตะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะร่วมสมัย
สำหรับสายธรรมชาติ หรือผู้ที่สนใจ การอนุรักษ์ธรรมชาติ (Nature Conservation) ยังสามารถเดินทางไปยังเขตชานเมืองของจังหวัดอิบารากิเพื่อสัมผัสทะเลสาบหรือภูเขาใกล้เคียงได้อีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างสวนไคราคุเอนและเคนโรคุเอน
สวนเคนโรคุเอน (Kenrokuen Garden)
สวนเคนโรคุเอนในจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) เน้นความหลากหลายในองค์ประกอบของสวน มีสระน้ำขนาดใหญ่และต้นไม้เก่าแก่
สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)
สวนไคราคุเอนเน้นดอกบ๊วยจำนวนมหาศาลและเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่ยุคเมจิ อีกทั้งมีความผูกพันเชิงประวัติศาสตร์กับตระกูลโทกูงาวะอย่างลึกซึ้ง
นี่จึงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนมองว่าสวนไคราคุเอนคือ จุดชมดอกบ๊วยที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น อีกแห่งหนึ่ง
เคล็ดลับเที่ยวสวนไคราคุเอนให้สนุก
- เคล็ดลับเที่ยวสวนไคราคุเอนให้สนุก คือวางแผนเวลาให้ดี หากตรงกับเทศกาลดอกบ๊วย ควรมาช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงคนแน่นและเตรียมแบตกล้องให้พร้อม
- สำหรับผู้สนใจภาพถ่าย ควรสังเกตมุมแสงในแต่ละช่วงวัน เพื่อเก็บรายละเอียดของดอกบ๊วยและองค์ประกอบสวนให้คมชัด
- อย่าลืมทดลองร่วม พิธีชงชาที่สวนไคราคุเอน เมืองมิโตะ ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้ดื่มด่ำวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ตำนานและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับสวนไคราคุเอน
ตามตำนานท้องถิ่นมีการเล่าขานถึง ดอกบ๊วยญี่ปุ่น (Japanese Plum Blossom) ที่ปลูกในสวนว่าเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความอดทน เพราะดอกบ๊วยจะเบ่งบานแม้อยู่ในอากาศหนาว จึงเปรียบเสมือนหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าถึงการจัดงานสังสรรค์ของขุนนางใน ยุคเอโดะ (Edo Period) ที่เคยจัดขึ้นภายในสวนนี้ เพื่อแสดงถึงความรุ่งเรืองของตระกูลโทกูงาวะ
ข้อมูลที่น่าสนใจที่คนไม่ค่อยรู้!
- ต้นบ๊วย 3,000 ต้น สวนไคราคุเอนมีต้นบ๊วยมากถึง 100 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีสีสันและรูปทรงดอกที่แตกต่างกัน ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมดอกบ๊วยที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
- โคบุนเตะ (Kobuntei) อาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางสวน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของไดเมียว ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมและเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม
- เทศกาลดอกบ๊วย (Mito Ume Festival) จัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนมีนาคม มีการแสดงวัฒนธรรมดั้งเดิมและการออกร้านอาหารท้องถิ่น
- ความเชื่อเรื่องดอกบ๊วย คนญี่ปุ่นเชื่อว่าดอกบ๊วยเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความอดทน เพราะมันบานในช่วงที่อากาศยังหนาวเย็น
ความยั่งยืนและการอนุรักษ์ในสวนไคราคุเอน
ด้วยความที่สวนไคราคุเอนคือสมบัติทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ทางเมืองมิโตะจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับ การอนุรักษ์ธรรมชาติ (Nature Conservation) มีการดูแลต้นบ๊วยและต้นไม้อื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการรักษาความสะอาดและควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวในบางช่วง เพื่อให้สวนคงความงดงามตลอดทั้งปี
สรุป สวนไคราคุเอนคือสถานที่เรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด!
การมาเยือนสวนไคราคุเอนไม่ได้เป็นเพียงการมาชมสวนสวย ๆ อีกแห่งของญี่ปุ่น แต่เป็นการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (Japanese History) ผ่านการออกแบบสวนที่สะท้อนแนวคิดก้าวหน้าของ โทกูงาวะ นาริอากิ (Tokugawa Nariaki) และการเปิดรับประชาชนทุกชนชั้นตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัส วัฒนธรรมญี่ปุ่น (Japanese Culture) ผ่านกิจกรรมและงานเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชม เทศกาลดอกบ๊วย (Ume Festival) หรือพิธีชงชา
หากคุณกำลังวางแผน ท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan Travel) การเพิ่มสวนไคราคุเอนลงในลิสต์ จุดชมดอกไม้ญี่ปุ่น (Flower Viewing Spots in Japan) ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะที่นี่รวบรวมทั้งความงามของธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ และสำหรับผู้ที่อยากรู้จักมุมอื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่ต่างไปจากโตเกียวหรือเกียวโต สวนไคราคุเอนในเมืองมิโตะก็นับเป็นปลายทางหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ
ถาม-ตอบสั้น ๆ ที่หลายคนสงสัย
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสวนไคราคุเอน?
ปลายกุมภาพันธ์ – ต้นมีนาคม (ชมดอกบ๊วย) และพฤศจิกายน (ชมใบไม้เปลี่ยนสี) - เทศกาลดอกบ๊วยเมืองมิโตะจัดขึ้นเมื่อไหร่?
ปกติจะจัดช่วงปลายกุมภาพันธ์ถึงปลายมีนาคมของทุกปี - วิธีเดินทางจากโตเกียวไปเมืองมิโตะอย่างละเอียด?
นั่ง JR Limited Express Hitachi หรือ Tokiwa จากสถานีโตเกียวถึงสถานี Mito และต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปยังสวน - ความแตกต่างระหว่างสวนไคราคุเอนและเคนโรคุเอน?
ไคราคุเอนโดดเด่นเรื่องดอกบ๊วย เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ตระกูลโทกูงาวะ ส่วนเคนโรคุเอนเด่นที่ความหลากหลายในองค์ประกอบของสวน
ไม่ว่าคุณจะเป็นสายธรรมชาติ สายประวัติศาสตร์ หรือสาย สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น (Japanese Architecture) Artralux ขอแนะนำสวนไคราคุเอนที่พร้อมเปิดประตูต้อนรับคุณสู่โลกของ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (Japanese History) และความงามทางธรรมชาติอย่างแท้จริง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่คุณควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42