สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) ประตูสู่มรดกโลกนิกโก้ ความงามอมตะที่ต้องไปเยือน

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) และเสน่ห์แห่งนิกโก้ เมื่อเอ่ยถึงเมืองนิกโก้ (Nikko) จังหวัดโทจิงิ ประเทศญี่ปุ่น ภาพจำของหลายคนคงหนีไม่พ้นทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า และหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุด เปรียบเสมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็คือ สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) สะพานไม้สีแดงสดทอดข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ที่ใสสะอาด รายล้อมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าใครที่มาเยือนนิกโก้ ต่างก็ต้องแวะมาชมความงามและถ่ายภาพคู่กับสะพานแห่งนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ด้วยความงดงามเป็นเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้สะพานชินเคียวไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางข้ามแม่น้ำ แต่เป็นถึงสมบัติทางวัฒนธรรมและเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสำรวจมรดกโลกแห่งนิกโก้ที่น่าประทับใจ

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

ทำความรู้จักสะพานชินเคียว ตำนานและความสำคัญ

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สะพานชินเคียว (神橋, Shinkyo Bridge) มีความหมายตรงตัวว่า “สะพานเทพ” หรือ “สะพานศักดิ์สิทธิ์” ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสู่พื้นที่ศาลเจ้าและวัดต่างๆ ของนิกโก้ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก (World Heritage) โดย UNESCO ในปี ค.ศ. 1999 ในนาม “ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโก้” (Shrines and Temples of Nikko) ซึ่งประกอบด้วยศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine), ศาลเจ้าฟูทาราซัง (Futarasan Shrine) และวัดรินโนจิ (Rinno-ji Temple)

ความพิเศษของสะพานชินเคียวไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในสามสะพานที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกับสะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge) ที่เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยะมะงุชิ และสะพานซารุฮาชิ (Saru-hashi Bridge) ที่เมืองโอสึกิ จังหวัดยามานาชิ การได้รับการยอมรับในระดับประเทศเช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความงามอันโดดเด่นที่ไม่ควรพลาดชม

ตำนานสะพานงู จุดกำเนิดอันน่าอัศจรรย์

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

เบื้องหลังความงามของสะพานชินเคียว มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยนารา (Nara Period, ค.ศ. 710-794) กล่าวกันว่า พระโชโด โชนิน (Shodo Shonin) ผู้ก่อตั้งวัดและศาลเจ้าในนิกโก้ ได้เดินทางมาถึงบริเวณแม่น้ำไดยะ แต่ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้ท่านไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ ท่านจึงได้สวดมนต์อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้า ทันใดนั้น เทพจินจะ ไดโอ (Jinja Daio) ผู้พิทักษ์ก็ได้ปรากฏกายขึ้น พร้อมปล่อยงูยักษ์สองตัวออกมา งูทั้งสองได้ขดตัวทอดข้ามแม่น้ำกลายเป็นสะพานให้พระโชโดและคณะสามารถเดินทางข้ามไปได้ ว่ากันว่ามีต้นหญ้ายามะสุเกะ (Yamasuge – หญ้าชนิดหนึ่ง) งอกขึ้นบนหลังของงูเหล่านั้นด้วย ด้วยเหตุนี้ สะพานชินเคียวจึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “สะพานงูแห่งยามะสุเกะ” (Yamasuge’s Snake Bridge) หรือ “สะพานงูคู่” ตำนานนี้ยิ่งเสริมให้สะพานแห่งนี้ดูศักดิ์สิทธิ์และเปี่ยมมนต์ขลังยิ่งขึ้น

โครงสร้างและประวัติศาสตร์การก่อสร้าง

โครงสร้างสะพานชินเคียวที่เราเห็นในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1636 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการบูรณะครั้งใหญ่ของศาลเจ้าโทโชกุ ตัวสะพานสร้างจากไม้ มีความยาวประมาณ 28 เมตร กว้าง 7.4 เมตร และสูงจากระดับผิวน้ำราว 10.6 เมตร เอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือการทาสีแดงสด ซึ่งเป็นการเคลือบด้วยยางไม้ (Lacquer) ตามแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ เพื่อความสวยงามและช่วยรักษาเนื้อไม้

ในอดีต สะพานชินเคียวสงวนไว้สำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น เช่น โชกุน หรือผู้แทนพระองค์ที่เดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สะพานนี้ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1902 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้สะพานดั้งเดิมถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหายไป แต่ก็ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1904 ให้มีลักษณะใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด และหลังจากนั้นได้มีการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1973 จึงได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานได้ โดยเสียค่าเข้าชมเล็กน้อย

ที่มาข้อมูล : https://www.visitnikko.jp/en/spots/shinkyo-bridge/

สัมผัสความงามของสะพานชินเคียวในแต่ละฤดู

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

เสน่ห์ของสะพานชินเคียวไม่ได้มีเพียงสถาปัตยกรรมและตำนานเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ทัศนียภาพอันงดงามที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทำให้ไม่ว่าจะมาเยือนในช่วงเวลาใด ก็จะได้พบกับความประทับใจที่แตกต่างกันไป

  • ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม) สัมผัสอากาศที่สดใส ต้นไม้รอบข้างเริ่มผลิใบเขียวชอุ่ม ตัดกับสีแดงของสะพานอย่างสวยงาม
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ความเขียวขจีของต้นไม้ยิ่งเพิ่มความสดชื่น เสียงน้ำไหลในแม่น้ำไดยะช่วยคลายร้อน สีแดงของสะพานจะดูโดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
  • ฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม – พฤศจิกายน) นี่คือช่วงเวลายอดนิยมที่สุดในการมาเยือนนิกโก้และสะพานชินเคียว เพราะทัศนียภาพจะงดงามตระการตาด้วย ใบไม้เปลี่ยนสี (Autumn leaves)เป็นสีเหลือง ส้ม และแดง สลับกันไปทั่วหุบเขา ภาพสะพานสีแดงสดตัดกับสีสันของใบไม้และท้องฟ้าสีคราม เป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) แม้อากาศจะหนาวเย็น แต่ทิวทัศน์ก็งดงามไปอีกแบบ เมื่อหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาปกคลุมหลังคาสะพานและทิวเขาโดยรอบ สะพานสีแดงจะดูโดดเด่นตัดกับพื้นหลังสีขาวโพลน สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและน่าประทับใจ

การข้ามสะพานชินเคียว ประสบการณ์ที่น่าจดจำ

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เดินข้าม “สะพานศักดิ์สิทธิ์” แห่งนี้ สามารถซื้อตั๋วเพื่อเดินข้ามได้ โดยมีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่บริเวณใกล้ทางขึ้นสะพาน

  • ค่าเข้าชม (อาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทาง)
    • ผู้ใหญ่ 300 เยน (ประมาณ 75 บาท)
    • นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน (ประมาณ 50 บาท)
    • นักเรียนประถมและมัธยมต้น 100 เยน (ประมาณ 25 บาท)
    • (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 เมษายน 2025 100 เยน ≈ 25 บาท)

เมื่อเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งจะเป็นทางตัน นักท่องเที่ยวจะต้องเดินกลับมาทางเดิม การเดินบนสะพานจะทำให้ได้ชมทิวทัศน์ของแม่น้ำไดยะและธรรมชาติโดยรอบอย่างใกล้ชิด และยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ชื่นชมรายละเอียดของโครงสร้างสะพานไม้โบราณ

กิจกรรมเสริม ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ยังมี “เครื่องบินกระดาษขอพร” (願い事が叶う紙飛行機) จำหน่ายด้วย เชื่อกันว่าหากเขียนคำอธิษฐานลงบนเครื่องบินกระดาษ แล้วร่อนลงสู่แม่น้ำไดยะจากบนสะพาน คำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเล็กๆ ที่น่าสนใจและสร้างความทรงจำที่ดีในการมาเยือน

มุมถ่ายภาพยอดนิยม แม้การเดินข้ามสะพานจะต้องเสียค่าเข้าชม แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็นิยมถ่ายภาพสะพานชินเคียวจาก สะพานข้ามถนนหลัก ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งเป็นมุมมหาชนที่สามารถเก็บภาพความงามของสะพานแดงทอดข้ามแม่น้ำ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาและธรรมชาติได้อย่างเต็มตาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

การเดินทางไปยังสะพานชินเคียว

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

การเดินทางมายังสะพานชินเคียวค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางได้หลายวิธี

  • จากสถานีรถไฟ JR Nikko หรือ Tobu Nikko 
    • รถบัส Tobu เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ขึ้นรถบัส Tobu สาย World Heritage Meguri Bus (สาย W, สีน้ำตาล ไม่ใช่สีเขียวตามข้อมูลเดิม) หรือสายที่มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) หรือ ยูโมโตะออนเซ็น (Yumoto Onsen) ลงที่ป้าย “Shinkyo” (ป้ายหมายเลข 7) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-7 นาที จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อยก็จะถึงสะพาน
    • เดิน หากมีเวลาและอากาศดี สามารถเดินจากสถานีรถไฟมายังสะพานได้ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที ระหว่างทางมีร้านค้าและร้านอาหารให้แวะชม
  • จากโตเกียว 
    • โดยรถไฟ Tobu (แนะนำสำหรับผู้ใช้ Nikko Pass) ขึ้นรถไฟสาย Tobu จากสถานี Tobu-Asakusa ในโตเกียว ไปลงที่สถานี Tobu Nikko (อาจต้องเปลี่ยนขบวนที่ Shimo-Imaichi)
    • โดยรถไฟ JR และ Shinkansen ขึ้นรถไฟชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานี Tokyo หรือ Ueno ไปลงที่สถานี Utsunomiya จากนั้นต่อรถไฟ JR Nikko Line ไปลงที่สถานี JR Nikko (วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ถือ JR Pass)

 

Nikko Pass ตัวช่วยเดินทางสุดคุ้มสำหรับเที่ยว Nikko

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

หากคุณวางแผนเดินทางจากโตเกียวมา เที่ยวญี่ปุ่น (Travel Japan) ที่นิกโก้ และไม่ได้ใช้ JR Pass การซื้อ Nikko Pass ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก เพราะครอบคลุมทั้งค่ารถไฟ Tobu ไป-กลับจากโตเกียว และการใช้รถบัส Tobu ในพื้นที่นิกโก้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด Nikko Pass มี 2 ประเภทหลักๆ คือ

  1. Nikko Pass All Area 
    • ราคา 4,780 เยน (สำหรับฤดูท่องเที่ยว 20 เม.ย. – 30 พ.ย.) หรือ 4,160 เยน (สำหรับนอกฤดูท่องเที่ยว) (ประมาณ 1,195 / 1,040 บาท)
    • ใช้ได้ 4 วันติดต่อกัน
    • ครอบคลุม รถไฟ Tobu ไป-กลับจาก Asakusa 1 รอบ (หากขึ้นขบวน Limited Express Spacia ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม), รถบัส Tobu ไม่จำกัดในโซนมรดกโลก, โซนทะเลสาบชูเซ็นจิ, น้ำตกเคง่อน, ยูโมโตะออนเซ็น และคินุกาวะออนเซ็น
    • เหมาะสำหรับ คนที่ต้องการเที่ยวทั่วทั้งนิกโก้ รวมถึงโซนธรรมชาติรอบนอก
  2. Nikko Pass World Heritage Area 
    • ราคา 2,120 เยน (ประมาณ 530 บาท)
    • ใช้ได้ 2 วันติดต่อกัน
    • ครอบคลุม รถไฟ Tobu ไป-กลับจาก Asakusa 1 รอบ (หากขึ้นขบวน Limited Express Spacia ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม), รถบัส Tobu ไม่จำกัดเฉพาะในโซนมรดกโลก (รวมถึงสะพานชินเคียว)
    • เหมาะสำหรับ คนที่เน้นเที่ยวเฉพาะโซนมรดกโลกในตัวเมืองนิกโก้

(ราคาและรายละเอียด Pass อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ Tobu Railway หรือผู้จำหน่าย Pass เช่น Klook, KKday ก่อนเดินทาง)

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียงสะพานชินเคียว

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สะพานชินเคียวเป็นเสมือนประตูสู่แหล่งมรดกโลก ดังนั้น เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

  • ศาลเจ้าฟูทาราซัง (Futarasan Shrine) เป็นศาลเจ้าที่สะพานชินเคียวสังกัดอยู่โดยตรง แม้จะมีพื้นที่เล็กกว่าศาลเจ้าโทโชกุ แต่ก็มีความเก่าแก่และสำคัญไม่แพ้กัน เป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งขุนเขาทั้งสามของนิกโก้
  • ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ศาลเจ้าที่อลังการที่สุดในนิกโก้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสึ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตาและงานแกะสลักไม้ที่ประณีตงดงาม
  • วัดรินโนจิ (Rinno-ji Temple) วัดสำคัญและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของนิกโก้ มีอาคารหลักคือ ซันบุตสึโด (Sanbutsudo Hall) ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ขนาดใหญ่ 3 องค์
  • ศาลเจ้าฮงงู (Hongu Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งที่เกี่ยวข้องกับศาลเจ้าฟูทาราซัง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพานชินเคียว มีบรรยากาศเงียบสงบ น่าแวะเยี่ยมชม

การเดินสำรวจบริเวณนี้จะทำให้คุณได้ซึมซับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความเชื่อของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่

Google Map : Shinkyō Bridge

บทสรุป ทำไมสะพานชินเคียวจึงเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือน

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) ไม่ใช่เป็นเพียงสะพานข้ามแม่น้ำธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ตำนาน ความเชื่อ และความงดงามทางสถาปัตยกรรม การได้มายืนชมสะพานสีแดงสดที่ทอดตัวอย่างสง่างามท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของนิกโก้ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินข้ามสะพานเพื่อสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์อย่างใกล้ชิด หรือเพียงแค่ยืนชมและถ่ายภาพจากมุมยอดนิยม ก็ล้วนแต่เป็นการเติมเต็มการเดินทางมาเยือนเมืองมรดกโลกแห่งนี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หากคุณกำลังวางแผน เที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาเยือนนิกโก้ อย่าลืมปักหมุด “สะพานชินเคียว” ไว้ในลิสต์ของคุณ รับรองว่าคุณจะต้องหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของสะพานงามแห่งนี้อย่างแน่นอน

สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

ต้องการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นที่ผสมผสานทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมที่ตรงใจ? การมีผู้เชี่ยวชาญช่วยออกแบบการเดินทางส่วนตัวก็เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม Artralux   พร้อมให้บริการออกแบบแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ ทีมงานจะช่วยสร้างสรรค์ตารางการเดินทางและกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสนใจและงบประมาณ เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเดินทางอย่างสุขสบาย คุ้มค่า และน่าประทับใจที่สุด

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)

📞 | 02-047-0083

💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42

SHARES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า