วันนี้เรามารีวิวการเที่ยวเหนือคนเดียวยังไงให้สนุก สร้างทริปที่ไม่มีรถยนต์ก็ไปเที่ยวได้ ขึ้นเหนืออย่างสะดวกปลอดภัย ประหยัดงบได้แต่ไม่ต้องจำกัดความสุขของการเดินทาง กินอยู่แบบสบายๆ เพื่อทริปพักกายพักใจจากความวุ่นวายที่ต้องเจอทุกวัน ชาร์จพลังให้เต็มร้อย กับการเที่ยวแบบที่พักหลักร้อยแต่นอนได้แบบสบายใจ อยากไปที่ไหนก็ฟังเสียงหัวใจแล้วออกเดินทางได้เลย
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
การเริ่มต้นทริปเที่ยวเหนือคนเดียว
การเที่ยวคนเดียวจะไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อน หรือยุ่งยากเท่าการเดินทางไปเที่ยวเป็นกลุ่ม แต่ก่อนจะออกเดินทางพักกายใจคนเดียวนั้นสิ่งแรกที่ต้องรู้คือ ความต้องการของตัวเอง อยากจะเที่ยวแบบไหน เพื่อวางแผนการเดินทางให้ตรงใจคุณที่สุด อยากจะเที่ยวแบบกิจกรรมผจญภัย หรือนั่งจิบกาแฟสบายๆ แล้วนอนเอนกายมองพระอาทิตย์ตกดิน จะได้วางแผนการเดินทางถูกว่าจะไปที่ไหน และจะไปในช่วงเดือนอะไรถึงจะได้บรรยากาศที่น่าประทับใจที่สุด
สำหรับทริปเที่ยวคนเดียวทริปนี้จะพาไปเที่ยวชิลๆ เก็บภาพถ่ายระหว่างทางให้เป็นความทรงจำดีๆ ในจังหวัดแถบภาคเหนือ เดินทางช่วงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่อากาศกำลังดี และยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก โดยเริ่มต้นจากการจองตั๋วรถไฟตู้นอนเที่ยวดึก นอนกันยาวๆ เวลาในการเดินทาง 12-14 ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพมหานครก็หลับกันไปเลย รู้ตัวอีกทีก็เข้าเหนือแล้ว ตื่นมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้าบนทิวเขาของภาคเหนือ หมอกจางๆ สลับกับทิวเขาอย่างสวยงาม รถไฟสายเหนือจะสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ คึกคักเหมือนที่คิดไว้เลย
วันแรกทริปเที่ยวคนเดียวด้วยการแอ่วเชียงใหม่
ลงรถไฟเก็บภาพเป็นที่ระลึกเรียบร้อยก็แบกเป้ขึ้นหลัง โบกรถแดงไปยังที่พัก จองผ่านอินเทอร์เน็ตไว้แถวๆ ถนนนิมมานเหมินทร์ ทริปเที่ยวคนเดียวครั้งนี้ไม่ได้เอาสี่ล้อคู่ใจมาด้วย เพราะอยากจะลองผจญภัยดู ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟมาถึงโรงแรมใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงโรงแรม โรงแรมนี้มีห้องพักสไตล์ล้านนาที่อยู่ในซอยเล็กๆ เงียบสงบตั้งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าเมญ่า ราคาไม่แพงมากสำหรับการเดินทางคนเดียวจ่ายไป 1,600 บาทสำหรับการพัก 2 คืน การเดินทางสะดวกสบาย ติดถนน เรียกรถสะดวก และทางที่พักยังมีบริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์รายวันเพียงวันละ 150 บาท (ราคาสำหรับแขกที่พักที่โรงแรม) เพื่อขับท่องเที่ยวรอบเมืองด้วยตัวเอง เก็บของเข้าที่พักแล้วก็เริ่มสตาร์ทมอเตอร์ไซค์มุ่งตรงสู่ตัวเมืองเชียงใหม่
หาอะไรใส่ท้องที่ถนนนิมมานเหมินทร์
ถนนเส้นนี้เป็นที่รู้กันของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติว่ามีร้านอาหารหลากหลายให้ได้เลือกรับประทาน หลายร้านหลายราคาเลือกได้ตามความชอบ ถนนเส้นที่ไม่เคยหลับใหล เพราะเป็นที่ตั้งของผับชื่อดังอันเป็นแลนด์มาร์กของเมืองเชียงใหม่นั้นเอง ร้านที่เลือกฝากท้องมื้อแรกก็เป็นร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ในซอยหนึ่งของถนน ด้วยเมนูที่เพิ่งเจอที่เชียงใหม่คือ “ฉูฉี่ไข่ดาว” ราคาเหมาะมากสำหรับการเที่ยวคนเดียวงบน้อย อาหารตามสั่งรสชาติใช้ได้เลย ราคาจานละ 50-70 บาทเท่านั้น ก่อนที่จะกลับที่พักรอเที่ยวต่อช่วงเย็น หาพิกัดร้านดังได้จากโลกออนไลน์เช่นเคย ความสะดวกสบายของสมัยนี้คือทุกอย่างหาข้อมูลได้จากอินเทอร์เน็ต เพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็เหมือนมีเพื่อนร่วมทางที่พร้อมให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลาแล้ว
ทริปเที่ยวคนเดียวยามเย็น ณ นครพิงค์เชียงใหม่
เลือกมาให้ตรงกับวันที่มี “ตลาดนัดถนนคนเดิน” เพราะอยากจะถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศศิลปวัฒนธรรมเมืองล้านนาให้มากที่สุด ออกจากที่พักขับรถมาตามทางเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง จอดรถหน้าวัดพระสิงห์ แล้วเข้าไปสักการบูชาพระประธานกันเสียก่อน ร้านค้าเริ่มตั้งเรียงราย เดินช้อปปิ้งทั้งของกิน ของที่ระลึกเพลินๆ มองเวลาอีกทีก็ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง
เดินจนเมื่อยก็แวะผ่อนคลายกับร้านนวดเท้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินอนเรียงรายใช้บริการกันหลายคน นวดเบาๆ ชั่วโมงละ 200 บาท แล้วก็ออกเดินต่อ ถนนคนเดินมีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง แต่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นของทำมือที่ซื้อหาไปเป็นของฝากให้เพื่อนๆ ที่กรุงเทพได้ เสร็จจากการเดินชิลๆ ซื้อของแล้วก็ไม่พลาดที่จะไปผับแลนด์มาร์กดังที่รวมนักเที่ยวราตรีไว้อย่างแน่นหนา ฟิลการมาเที่ยวผับคนเดียวก็สนุกไปอีกแบบไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องจองโต๊ะ เพียงแค่เบียร์ขวดน้อยขวดเดียวก็อยู่ได้ทั้งคืน ฟังเพลง โยกเบาๆ เป็นการผ่อนคลายที่ดีจริงๆ แต่ไปคนเดียวก็เลี่ยงการดื่มเยอะเน้นเก็บบรรยากาศ ออกมาก็หาอะไรใส่ท้องก่อนนอนกับร้านดัง “ไก่ทอดประตูดิน” ร้านที่เปิดเพื่อให้นักท่องราตรีที่หมดพลังมาฝากท้องก่อนกลับไปนอนพักร่างที่โรงแรม
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ทริปขึ้นดอยคนเดียวที่ไม่เปลี่ยวอย่างที่คิด
เมื่อคืนถึงที่พักดึกไปหน่อยเลยนอนยาว ตื่นมาก็เกือบเที่ยง รีบอาบน้ำแต่งตัวจับมอเตอร์ไซค์ออกมาหาอาหารขึ้นชื่อที่หน้าวัดสวนดอก แล้วเดินทางต่อไปที่เชิงดอยสุเทพ เพื่อขึ้นรถแดงไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ หากมาคนเดียวก็สามารถไปพร้อมคันอื่นที่มีจุดหมายปลายทางเหมือนกันได้ แต่ไม่ควรเสี่ยงขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นไป ถ้าหากไม่ชินเส้นทางก็มีโอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุสูง ฝากรถไว้ที่รับฝากรถด้านล่าง แล้วไปกับขบวนนักท่องเที่ยวเหมารถแดงจะดีกว่า
ก่อนขึ้นรถแดงก็สักการะครูบาศรีวิชัยเสียก่อน ขอพรให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต และเลือกรถแดงที่ใกล้ถึงคิวออกเดินทาง ราคาไปกันหลายคนก็ตกคนละ 40 บาทเท่านั้นเอง บนรถแดงได้เพื่อนใหม่เป็นชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน สาวน้อยเพิ่งเรียนจบไฮสคูลเก็บเงินมาเที่ยวเมืองไทย เดินทางมาเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเบาๆ ก่อนที่จะพากันไปสักการะ และถ่ายภาพวิวสวยๆ บนพระธาตุดอยสุเทพ ผลัดกันถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็มานั่งมองวิวจากที่สูงๆ มองวิวผ่านเลนส์กล้องก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลย
ลงมาถึงเชิงดอยก็โบกมือลามิตรภาพใหม่ แล้วขับมอเตอร์ไซค์คันน้อยมุ่งตรงกลับที่พัก แวะซื้อของกินระหว่างทาง อาหารหน้า-หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็มีให้เลือกเยอะแยะ ได้เดินหาของกินคนเดียวในบรรยากาศเย็นๆ ของหน้าหนาวให้ฟิลแฮปปี้สุดๆ ได้ของกินก็กลับที่พักแล้วนอนดูรูปสวยๆ จากทริปเที่ยวคนเดียววันนี้และก็อาบน้ำพักผ่อน ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวอีกในวันพรุ่งนี้ โปรแกรมต่อไปกางเต็นท์บนดอย!
ทริปเที่ยวคนเดียว ณ ขุนสถาน เมืองน่าน
ตื่นมาช่วงสายแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นๆ อยู่การมาเที่ยวพักผ่อนไม่ต้องรีบร้อนทำอะไรมันดีแบบนี้นี่เอง วันนี้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเมืองเสร็จก็โบกรถแดงไปอาเขตเพื่อจับกรีนบัสมุ่งตรงสู่จังหวัดน่าน ความตั้งใจคือขึ้นไปกางเต็นท์จุดพิกัดสวยอย่าง “ขุนสถาน” และเที่ยวชมเมืองน่าน มาถึงก็ช่วงเย็นแล้วบรรยากาศเงียบสงบ แบบสนิท ด้วยความเป็นเมืองเล็ก ประกอบกับเป็นวันธรรมดาเลยไม่มีแสงสีมากนัก เอาจริงๆ มาน่านก็หวังอยากเจอธรรมชาติสวยๆ นั่งอ่านหนังสือชิลๆ บนดอยมากกว่าอยู่แล้ว พอถึงก็หาอะไรใส่ท้องก่อนเข้าพักที่โรงแรม เป็นอันจบวันที่ 3 ของทริปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก นอนพักเอาแรงเพื่อขึ้นไปยัง “ขุนสถาน” ในวันต่อไป
“ขุนสถาน” การเดินทางไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ตั้งใจไม่เอารถมาเพราะอยากสร้างความทรงจำ “ทริปเที่ยวคนเดียวไม่มีรถ” อยากลองต่อรถ หรือเจออะไรยากๆ ดูบ้าง การเดินทางไปยังขุนสถานจากตัวเมืองน่านนั้น หาข้อมูลมาว่าต้องเหมารถ หรือโบกรถไป ยังแอบรักความสบายอยู่ก็ตรงไปหารถที่จะเหมาไป แต่ก็คิดอีกทีไหนๆ ก็ตั้งใจมาผจญภัยแล้วลองใช้ทักษะการเข้าสังคมสักหน่อยคือ การโบกรถ! ด้วยความเป็นคนที่สื่อสารภาษาเหนือพอได้ ก็ใช้มนุษยสัมพันธ์สักนิด ทำให้การเดินทางมากางเต็นท์ที่นี่ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย นอกจากจะไม่เสียค่าเดินทางแล้ว ยังได้รับมิตรภาพดีๆ จากเจ้าของรถที่มีน้ำใจให้เราติดรถมาด้วย
ตลอดทางขึ้นมารู้สึกผ่อนคลายมากๆ ช่วงที่มาเป็นช่วง “ดอกพญาเสือโคร่ง” สีชมพูละมุนกำลังบานต้อนรับตลอดทางเลย เห็นแล้วรู้สึกใจฟูสุดๆ อากาศก็ดี วิวก็สวย พอมาถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติขุนสถานก็ตรงไปเช่าเต็นท์ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 450 บาท แอบตื่นเต้น เพราะไม่เคยกางเต็นท์มาก่อน ก็ต้องอาศัยความมีมนุษยสัมพันธ์ให้คนที่มากางเต็นท์ที่เดียวกันช่วยกาง ห้องน้ำของลานกางเต็นท์เป็นห้องน้ำแยกชายหญิง สบายใจเรื่องความปลอดภัยได้เลย อาหารการกินมีจำหน่ายไม่ต้องกลัวจะอด พีคสุดๆ คือ “อากาศดีมาก!” รู้สึกเลยว่าธรรมชาติช่วยบำบัดเราได้จริงๆ สูดอากาศได้แบบเต็มปอด สดชื่นแบบที่ร่างกายไม่ได้เจอมานาน
ช่วงเวลา 2 คืนบนขุนสถานเรียกได้ว่าเป็นการชาร์จพลังชีวิตด้วยธรรมชาติมากๆ กลางวันอากาศเย็นสบายไม่ร้อนมาก กลางคืนนอนดูดาวบนฟ้า ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย เพราะในอุทยานมีการดูแลเป็นอย่างดี อุทยานขุนสถานเป็นสถานที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามต่างกัน นอกจากลานกางเต็นท์เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ให้เดินทางไปเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็น สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน, ลานดูดาวและร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เก็บเต็นท์กลับสู่ความเป็นจริง
เวลาผ่านไปไวมากๆ 2 คืน 3 วันที่ขุนสถาน เรียกได้ว่าเป็นความสุขที่สุดของทริปการเดินทางครั้งนี้เลย เที่ยวคนเดียวต่างจังหวัดครั้งแรกมีแต่ความประทับใจจริงๆ ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องวางแผนเผื่อคนอื่น อยู่ง่ายกินง่าย อยากทำอะไรก็ทำ มันเป็นอิสระของวัยทำงานที่ช่วยให้เรามีแรงกลับไปสู่โลกความเป็นจริงได้แบบเต็มกำลัง กลับกรุงเทพมหานครด้วยเที่ยวบินจากเมืองน่านสู่เมืองใหญ่พร้อมกลับไปทำงานด้วยแบตร่างกายที่มีเกิน 100%
บทความนี้พาคุณเปลี่ยนบรรยากาศจากความ Luxury สู่สามัญบ้าง นอกจากเที่ยวดอยในประเทศช่วงหน้าหนาวแล้ว ยังมีทริปต่างประเทศที่น่าสนใจให้คุณได้ออกท่องเที่ยวพักกายใจอีกมาก ช่วงหน้าหนาวของไทยก็มีทริปออกล่าแสงเหนือที่ประเทศแถบขั้วโลกเหนือ ทาง Artralux ก็สามารถรังสรรค์คุณได้ออกเดินทางผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นทริปเที่ยวคนเดียว หรือทั้งไปเป็นแก๊ง หากอยากสัมผัสการเดินทางที่แสน Exclusive ติดต่อเราเพื่อบอกความต้องการของคุณได้เลย
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
