“เที่ยวอเมริกา” เป็นหนึ่งในความฝันสูงสุดของนักท่องเที่ยวหลายคน เพราะแม้ว่าประเทศในแถบยุโรปจะสวยงาม เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณอันน่าประทับใจ และ ประกอบไปด้วยแผนผังเมืองที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากโลกในเทพนิยายแค่ไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ได้จากการเดินทางไปเที่ยวอเมริกานั้น ยากที่จะเอาชนะ
“เที่ยวอเมริกาที่ไหนดีนะ” “เมืองไหนในแเมริกาที่ควรค่าแก่การเยี่ยมเยือน” เชื่อว่าคำถามนี้ เป็นคำถามที่นผู้อ่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยากได้คำตอบกันไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อพูดถึงประเทศอเมริกาแล้ว นอกจากความงดงามของทัศนียภาพทางธรรมชาติ ระดับรางวัลยูเนสโก และ แลนด์มาร์กอันโด่งดังที่ใครๆ ก็รู้จักแล้ว อีกหนึ่งชื่อเสียงของประเทศนี้ คือความกว้างใหญ่ และ ความหลากหลายของเชื้อชาติประชากร ส่งผลให้รัฐ และ เมืองต่างๆ ของประเทศ มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป
วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวต่างประเทศชั้นนำของไทย จึงได้รวบรวม 18 สถานที่เที่ยวอเมริกา ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวอเมริกา ซึ่งใน 18 รายการที่เที่ยวอเมริกานี้จะมีที่เที่ยวที่ไหน รัฐอะไร และ เมืองไหนบ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เสน่ห์ของการเที่ยวอเมริกา
“ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ The United States of America” นั้น เป็นประเทศที่มีผู้เดินทางมาเยี่ยมเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจาก ประเทศฝรั่งเศส (France) และ ประเทศแม็กซิโก (Mexico) โดยในปี 2023 ที่ผ่านมาได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ (International Tourists) เดินทางมาเที่ยวอเมริกากว่า 62 ล้านคน และ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ประเทศอเมริกายังคงครองต่ำแหน่งประเทศน่าเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลกนั้น คือ ‘ความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว (Diverse Landscapes) ภายในประเทศ’
ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางมาเที่ยวอเมริกาเพื่อเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติของอเมริกาอันโด่งดัง อย่าง Yellowstone National Park ในทางตรงกันข้ามก็มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่ชื่นชอบบรรยากาศของเมืองสุดไอคอนิก เช่น Las Vegas, Los Angeles, และ มหานคร New York ในขณะที่นักท่องเที่ยวประเภทครอบครัวต่างชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงกิกจรรม อย่าง Disneyland เป็นต้น ดังนั้น “เที่ยวอเมริกา” จึงเป็นประสบการณณ์การท่องเที่ยวที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้หลากหลายสไตล์นั่นเอง
หากให้เลือกเสน่ห์ที่ทำให้ประเทศอเมริกาแห่งนี้ แตกต่างจากที่อื่นนั้น คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก ปัจจัยดังนี้
1. Vibrant American Cities : สีสันของเมือง
แม้ว่าเมืองท่องเที่ยวอเมริกา จะไม่ได้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ หรือ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ได้คงอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ในอดีตเหมือนกับประเทศในฝั่งยุโรป อย่างประเทศสเปน อิตาลี หรือ เยอรมัน อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รัฐ และ เมืองท่องเที่ยวทุกเมืองของประเทศอเมริกานั้น ต่างมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ซึ่งสะท้อนความเป็นอเมริกันออกมาได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ในเรื่องของ ‘Entertainment’ และ ‘Lifestyle’ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะคงไม่มีประเทศไหนที่ทำได้ดีกว่าประเทศสหรัฐอเมริกัน ดินแดนแห่งเสรีภาพอีกแล้ว ดังนั้นการไปเที่ยวอเมริกา จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศตะวันตก (Western World) อย่างแท้จริง ทั้งชีวิตความเป็นอยู่แบบ On-A-Go, วัฒนธรรม, สถานบันเทิง, อาหารการกิน และ อีกมากมาย
2. Incredible Diverse Landscape : ความหลากหลายทางทัศนียภาพ
Without a Doubt ความงามของทัศนียภาพทางธรรมชาตินั้น ได้ปีนขึ้นไปเป็นเหตุผลหลักของนักท่องเที่ยวในการตัดสินใจมาท่องเที่ยวอเมริกา เพราะต้องยอมรับเลยว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในทุกๆ แนวรวมกันอยู่ในดินแดนแห่งเดียวเหมือนที่ประเทศอเมริกา ซึ่งดินแดนอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ที่มีนามว่า “สหรัฐอเมริกา” นั้น มีทั้ง เทือกเขา, ทะเลทราย, ทะเลทรายหิน, แม่น้ำอันยิ่งใหญ่, ธารน้ำแข็ง, โคลนภูเขาไฟ, หาดทรายหลากสี, ทุ่งหญ้าแพรรี และ อีกมากมาย
20 ที่เที่ยวอเมริกา ที่ไม่ควรพลาด!
หลักจากที่เราทราบถึงเสน่ห์ของประเทศอเมริกา และ ปัจจัยที่ทำให้การเที่ยวอเมริกานั้น Worth Your Time and Money กันไปแล้ว เชื่อว่าคำถามที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากรู้กันมากที่สุดนั้น หนีไม่พ้น คำถามที่ว่า “เที่ยวอเมริกาที่ไหนดี” “อเมริกา เมืองไหนน่าเที่ยว” “อเมริกา เมืองสวยน่าไปมีที่ไหนบ้าง” อย่างไรก็ตามด้วยความที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ จนนอกจากจะเป็นประเทศแล้ว ดินแดนแห่งนี้ ยังเป็นทวีปอีกด้วย ดังนั้น จึงเป็นไปได้ยากมากที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเที่ยวอเมริกาในทุกแลนด์มาร์กดังได้ในหนึ่งทริป ดังนั้น ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปเที่ยวอเมริกากันนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวางแผน ว่าจะไปเที่ยวอเมริกาฝั่งไหน “West coast” (ตะวันตก) หรือ “East coast” (ตะวันออก) เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินทางบินไป-บินมานั่นเอง
โดยความแตกต่างที่เด่นชักที่สุดของ อมเริกาฝั่งตะวันตก (West coast) และ อเมริกาฝั่งตะวันออก (East Coast) นั้น คือ สไตล์การใช้ชีวิต (LifeStyle) และ สภาพอากาศ (Weather) ซึ่งสำหรับสไตล์การใช้ชีวิตนั้น เมืองชายฝั่งตะวันออกหลายแห่ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่มหานครนิวยอร์ก) นั้น ขึ้นชื่อในเรื่องการใช้ชีวิตด้วยความรวดเร็ว ผู้คนมักจะเร่งรีบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เดินอย่างรวดเร็วเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินหรือรถบัส เพื่อที่จะสามารถทำทุกอย่างในรายการ To Do list ให้สำเร็จในแต่ละวัน ในขณะที่ประชากรทางฝั่งตะวันตก จะมีลักษณะนิสัยที่ผ่อนคลายมากกว่า และมักจะให้ความสำคัญกับสุขภาพ และ ธรรมชาติ พวกเขาจะใช้เวลาว่างไปกับการผักผ่อนตามสวนสาธารณะ หรือ การปีนเขา (Hiking) นั่นเอง
ในส่วนของสภาพอากาศนั้น อเมริกาตะวันออก (East Coast) นั้น จะมีอากาศที่หนาวเย็นมากกว่า และ จะได้สัมผัสกับฤดูกาลทั้ง 4 ฤดู ในขณะที่ทางฝั่งของ อเมริกาตะวันตก (West Coast) นั้น จะมีสภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดทั้งปี ในหน้าหนาว อาจจะพบเจอกับฝน หรือ พายุบ้างในบางพื้นที่
สะพาน Brooklyn Bridge – รัฐ New York
สถานที่ท่องเที่ยวอเมริกาที่แรกที่ทาง Artralux อยากจะแนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมให้ได้นั้น คือที่ สะพาน Brooklyn Bridge (สะพานบรูคลิน) ที่เมือง New York City ณ รัฐ New York โดยสพานบรูคลินแห่งนี้ เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งของประเทศอเมริกา มีความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 135 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1869 และ แล้วเสร็จใช้การได้ในปี ค.ศ. 1883 โดยสะพานแกงนี้ มีความยาวกว่า 1,825 เมตร และ สูงกว่า 133 ฟุต ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว สะพานแห่งนี้เอง ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างนิวยอร์กฝั่ง Manhattan (แมนแฮตตัน) และ ฝั่ง Brooklyn (บรูคลิน) เข้าด้วยกัน โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินข้ามสะพานจากฝั่งบรูคลินไปยังฝั่งแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นฝั่งเมืองใหญ่ เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ตระการตา ดังนั้น ระหว่างทางเดิน คุณจะได้สัมผัสกับวิว Skyline อันน่าทึ่งของเมือง Manhattan (แมนแฮตตัน) ในตำนานนั่นเอง
ความพิเศษของสะพานบรูคลิน คือ สถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมากจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค ซึ่งเข้ากับบรรยากาศนิวยอร์กได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงเรื่องของความใหญ่โต โดยจะมี 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นบนเป็นชั้นสำหรับคนเดิน ปูทางเดินด้วยพื้นเป็นไม้แผ่นเล็ก แผ่นยาว วางเรียงกันเป็นแนวอย่างคลาสสิค และ ชั้นล่าง เป็นส่วนของรถยนต์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 เลนส์ สำหรับการสันจรด้วยรถยนต์นั่นเอง
ย่าน Times Square – รัฐ New York
ยังคงอยู่กันที่มหานครนิวยอร์ก (New York City) กับอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นแลนด์มาร์กซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของนิวยอร์กก็ว่าได้ ซึ่งที่แห่งนั้นคือย่านไทม์สแควร์ (Time Square) ย่านท่องเที่ยวอเมริกาอันสำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 50 ล้านคนต่อปี (สี่แสนคนต่อวัน) จนทำให้ย่านนี้ได้รับฉายาว่าเป็น ‘จุดตัดของโลก’ หรือ ‘The Crossroad of the World’ ก็ว่าได้ โดยจุดเด่นของถนนเส้นนี้ คือ แสงไฟจากป้ายโฆษณา ที่สว่างไสวจากตึกต่างๆ ตลอดข้างทาง ซึ่งแน่นอนว่าจะมาอยู่ในป้ายบิลบอร์ดของย่านไทม์สแควร์ได้นั้น ค่าเช่าสูงมากๆ ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนคิดว่าย่านท่องเที่ยวอเมริกาแห่งนี้ คือ ย่านช้อปปิ้ง และ ย่านท่องเที่ยวเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า ย่านไทม์สแควร์ (Time Square) เป็นจุดตัดของถนนเส้นสำคัญของเมืองแมนแฮตตัน นั่นคือ ถนนบรอดเวย์( Broadway), ถนนเซเวนท์ เอเวนิว Seventh Avenue, และ ถนน 42nd Street. อีกทั้งยังเป็นตั้งของอาคารสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรวละครเทียร์เตอร์ Boardway, สถานีรถไฟแกรนด์เซ็นทรัล (Grand Central Terminal), ตึกไครสเลอร์ (Chrysler Building), และ ห้องสมุดสาธารณะนิวยอร์ก อาคารสตีเฟน เอ ชวาร์ซแมน (New York Public Library – Stephen A. Schwarzman Building) นั่นเอง
สวนสาธารณะ Central Park – รัฐ New York
ขอปิดท้ายที่เที่ยวอเมริกา ณ เมืองนิวยอร์ก กันที่สวนสาธารณะ Central Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ณ เกาะแมนฮัตตัน (Manhatton) เป็นเสมือนปอดของเมืองใจกลางเมืองแสนวุ่นวาย และ เสียงแตร่รถยนต์ตลอดทั้งวัน โดยจุดเด่นของสวนสาธารณะแห่งนี้ คือ ควาใลมใหญ่โตของสวน ซึ่งกินพื้นที่ไปกว่า 750 ไร่ เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ต้นไม่สูงใหญ่ ดอกไม้นานพันธุ์ และ ทะเลสาบอันงดงาม ซึ่งทะเลสาบเหล่านี้ในหน้าหนาวจะกลับกลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ ให้นักท่องเที่ยว และชาวเมือง New Yorker ทั้งหลาย ได้เดินทางมาเล่นไอซ์สเก็ตกันอย่างสนุกสนาน
ซึ่งบอกเลยว่าในแต่ละฤดูกาล สวนสาธารณะ Central Park แห่งนี้ ให้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ในหน้าร้อน จะเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง ท่ามกลางทุ้งหญ้าที่เขียวอันสดใส, ในฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นช่วงที่คุณได้สัมผัสกับความสวยงามของการเปลี่ยนสีของใบไม้จากสีเขียว เป็นสีเหลือง ส้ม อย่างดงาม ในขณะที่หน้าหนาว จะให้บรรยากาศแสนโรแมนติก ทั่วทั้งสวน ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวอย่างสวยงาม ทะเลสาบกลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ
ถนน The Strip – รัฐ Nevana
นักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบ และ รักแสงสีเสียง หลุดโลกไปกับแหล่งบันเทิง และ ชอบบรรยากาศ City Life แบบสุด ๆ และอยากได้ที่เที่ยวอเมริกาที่ไม่เคยหลับใหล จะตื่นกี่โมงก็มีที่เที่ยวนั้น สถานที่ท่องเที่ยวอเมริกาที่คุณไม่ควรพลาดเลยนั้น คือ ที่ เมือง Las Vegas ณ รัฐเนวาด้า (Nevada) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเดินทางมาถึงเวกัส สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปหนีไม่พ้น ถนน The Las Vegas Strip ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองเวกัส ทอดตัวยาวกว่า 6.8 กิโลเมตร รายล้อมไปด้วยโรงแรม แหล่งบันเทิง และ แหล่งคาสิโนชื่อดังระดับโลกมากมาย และนอกจากถนนเส้นนี้จะเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองแล้ว ถนน The Strip ยังมาพร้อมกับบรรยากาศที่พิเศษไม่เหมือนที่ไหนในโลก โดยโรงแรมส่วนใหญ่จะมีกการจัดแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น โชว์น้ำพุอันโด่งดัง อย่าง “Fountains of the Bellagio” เป็นต้น
นอกจากนี้ ถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของโปรเจคตึกทรงกลม ความสูง 250 ฟุต ซึ่งเป็นตึกที่ติดตั้งลำโพงรอบด้านมากกว่า 160,000 ชุด ภายนอกมาพร้อมกับแสงไฟ LED แสดงภาพกราฟฟิกต่างๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งตึกดังกล่าว มีชื่อเรียกว่า The MSG Sphere นั่นเอง นอกจากที่ตึกทรงกลมจะมีขนาดใหญ่ รูปทรงแปลกตาแล้ว สถานที่แห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับการจัดงานดนตรี คอนเสิร์ต การแข่งขัน MMA และ หารแข่งขันรถ Formula 1 อีกด้วย
น้ำตก Niagara Falls – รัฐ Buffalo
เชื่อว่าเมื่อพูดถึงน้ำตกไนแองการ่า หรือ Niagara Falls นักท่องเที่ยวหลายคนคงนึกถึงหนึ่งในสถานที่เที่ยวเชิงธรรมชาติที่งดงามแห่งหนึ่งของประเทศแคนนาดาอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า เที่ยวอเมริกาก็สามารถสัมผัสความงดงามของน้ำตกแห่งนี้ได้ เพราะน้ำตกไนแองการ่านั้น ตั้งอยู่บริเวณขอบประเทศ ขาบเกี่ยวระหว่างขอบประเทศแคนนาดา และ รัฐนิวยอร์ก เมืองไนแองการ่า ประเทศ สหรัฐอเมริกา ซึ่งหากคุณมาเที่ยวอเมริกา การจะเดินทางไปดูความมหัศจรรย์ และ ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้ คุณจะต้องเดินทางไปยังรัฐนิวยอร์ก ณ เมือง Buffalo ซึ่งน้ำตกจะตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Niagara Falls State Park ซึ่งเป็นอุทยานอันเก่าแก่ที่สุดอีกหนึ่งแห่งของประเทศอเมริกา โดยในอุทยานจะมีจุดชมน้ำตก ซึ่งมีทั้งแบบเป็นรูปแบบทาวเวอร์ และ แบบพื้นที่ที่ยื่นออกไปหาน้ำตก ซึ่งจุดนี้คุณจะได้ชมทั้ง 3 น้ำตก wม่ว่าจะเป็น น้ำตก Horseshoe Falls, น้ำตก American Falls, และ น้ำตก Bridal Veil Falls ซึ่งได้รวมตัวกันเป็น Niagara Falls ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีแรงดันน้ำมากที่สุดในโลกนั่นเอง ดังนั้น หากมาเที่ยวอเมริกา การมาเที่ยว Niagara Fall คือ กิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาด
หุบเขา Antelope Canyon – รัฐ Arizona
หุบเขา Antelope Canyon ที่เมืองเพจ (Page) รัฐอริโซน่า (Arizona) ประเทศสหรัฐอเมริกา (United State of America) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอเมริกาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยี่ยมชม โดยหุบเขาหน้าตาประหลาด สีน้ำตาลอมแดง แห่งนี้ แท้จริงแล้ว คือ หุบเขาที่ได้ชื่อว่าอัตรายที่สุดในโลก ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว สามารถเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเกดิน้ำท่อมแล้ว ระดับน้ำสามารถสูงได้มากถึง 10 เมตรเลยทีเดียว หุบเขา Antelope Canyon เป็นพื้นที่หินทรายแดง ประเภท Navajo Sandstone ที่ได้ถูกกัดเซาะจากกระแสน้ำ ลม และ พายุอย่างเฉียบพลัน เกิดเป็นรูปร่างที่แปลกประหลาด และ สวยงาม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสีส้ม สีแดง และ เงาคลื่น ที่สวยงาม ซึ่งได้เกิดจากการกระทบของแสงอาทิตย์ลงมาตกกระทบที่ตัวหิน ผ่านช่องลอดต่างๆ นั่นเอง
ตึก Empire State Building และ ตึก Rockefeller Center – รัฐ New York
ตึก Empire State Building หรือ ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเรียกกันอย่างติดปากว่า ตึกเอ็มไพร์ นั้น เป็นหนึ่งในไอคอนการท่องเที่ยวอเมริกา และ นิวยอร์กที่ไม่ควรพลาด ซึ่งไม่เพียงแต่ตึกแห่งนี้จะเป็นจุกชมวิวมหานครนิวยอร์กยอดนิยมแล้ว ความงดงามที่ตราตรึงใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ สถาปัตยกรรมของตึกที่มาพร้อมกัยสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco (สถาปัตยกรรมที่ใช้เส้นตรง และ เส้นโค้งอย่างเรียบง่าย แต่แข็งแรง เน้นการใช้ประโยชน์เป็นหลัก ) มีความมากกว่า 1,454 ฟุต และ เป็นตึกที่มีความสูงมากกว่า 100 ชั้นแห่งแรกของโลกอีกด้วย ซึ่งจุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 86 ของตึก โดยในชั้นนี้ นักท่องเที่ยวจะสามารถชมทัศนียภาพของมหานครนิวยอร์กได้แบบ 360 องศาจากส่วนจุดชมวิว Observation Deck กลางแจ้ง รอบนอกตึก ซึ่งในส่วนของค่าเข้าชมนั้น จะอยู่ที่ 44 ดอลล่าห์สหรัฐ และอีกชั้นที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ ที่บริเวณชั้น 102 โดยในชั้นนี้ คุณจะสามารถดื่มด่ำไปกับวิวนิวยอร์กไปแบบ 360 องศาจากความสูงที่เพิ่มขึ่นจากชั้น 86 กว่า 16 ชั้น โดยในชั้นนี้ประกอบไปด้วยกระจกสูงใหญ่แบบ Floor-to-Ceiling นั่นเอง สำหรับค่าเข้าชม หากนักท่องเที่ยวต้องการขึ้นไปยังชั้น 102 ด้วยนั้น จะอยู่ที่ราคา 77 ดอลล่าห์สหรัฐ
ตึก Rockefeller Center – รัฐ New York
แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการจะชื่นชมความงดงามของตึก Empire State Building จากที่สูงนั้น เราขอแนะนำให้ท่านเดินทางมายังที่ตึก Rockefeller Center ซึ่งเป็นตึกที่ตั้งอยู่ในฝั่งตรงข้ามของ Empire State Building โดยที่ชั้น 70 จะเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อว่า “Top of The Rock ” นั่นเอง นอกจากตึกแห่งนี้จะเป็นชุดชมวิวแล้ว ยังเป็นห้างสรรพสินค้า ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ลานสเก็ต (The Ring) หน้าตึก ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะมีความครึกครื้นเป็นอย่างมาก
อุทยานแห่งชาติ Yellowstone National Park
ที่เที่ยวอเมริกาที่คนรักธรรมชาติต้องไม่พลาดนั้น คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากที่อุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน (Yellow Stone) ประเทศ สหรัฐอเมริกา สาเหตุที่สถานที่แห่งนี้ เป็นที่เที่ยวอเมริกาที่พบาดไม่ได้นั้น เป็ฯเพราะที่แห่งนี้เอง เป็นอุทยานแห่งชาติที่แรกของสหรัฐอเมริกา และ ที่แรกของโลก มีอาณาเขตกว้างใหญ่ กินพื้นที่ 3 รัฐด้วยกัน ได้แก่ ไวโอมิง (Wyomin), มอนแทนา (Montana) และไอดาโฮ (Idaho) ภายในอุทยานมาพร้อมกับความงดงามทางธรรมชาติมากกว่า ไม่ว่าจะเป็ฯที่ราบ ภูเขาสูงใหญ่ ทะเลสาบ น้ำตกกว่า 300 แห่ง และ ที่สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของอุทยานนี้ก็ว่าได้นั้น คือ บ่อน้ำพุร้อน ที่มีมากกว่า 10,000 แห่ง และ กว่า 250 แห่งนั้น เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีแมกมาใต้ดินที่พุ่งออกมาเป็นระยะๆ
ซึ่งมาเที่ยวอเมริกา ณ อุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน (Yellowstone) ทั้งที จุดท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดนั้น คือที่บ่อน้ำพุร้อน ‘Grand Prismatic’ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยาน และ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย มีลักษณะเป็นสีรุ่ง ไร่สีตั้งแต่สีเข้ม ลงไปยังสีอ่อนได้อย่างงดงาม ความมหัศจรรย์นี่เอว เกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย สาหร่ายและพืชนานาชนิด ที่รวมตัวกันในความร้อนของบ่อน้ำพุนั่นเอง
ป้าย Hollywood Sign – รัฐ California
แน่นอนว่ามาเที่ยวอเมริกาทั้งที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากท่านเดินทางมาเที่ยวยังฝั่งอเมริกาตะวันตก ณ รัฐแคร์ริฟอร์เนีย (California) เมืองลอสแอนเจลิส (Los Angeles) จะไม่เดินทางมาถ่ายรูปคู่กับ ป้าย Hollywood Sign คงเหมือนมาไม่ถึงที่ เพราะป้าย Hollywood Sign ในตำนานแห่งนี้เอง เป็นป้ายที่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ LA ไปเสียแล้ว ซึ่งเดิมทีป้ายนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นป้ายเพื่อบ่งบอกถึงการก่อสร้าง และ พัฒนาหมู่บ้าน Hollywoodland แต่ในปัจจุบัน ป้ายนี้กลับเป็นป้ายที่บ่งบอกว่าคุณได้เดินทางมาถึงเมือง Los Angelese เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
การเดินทางขึ้นไปยัง Hollywood Sign นั้น มีอยู่หลายวิธี แต่วีธีที่ง่าย และ ใช้เวลาน้อยที่สุด แถมยังได้สัมผัสวิวเมือง Los Angeles แบบ 360 องศานั้น คือ การปีนขึ้นเขา (hiking) โดยเริ่มต้นจากสวน Griffin Park บริเวณสวนสัตร์เก่า ซึ่งจะใช้ระยะทางเดินขึ้นเขาเพียงแค่ 2.5 ไมล์ และ ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงกับ 7 นาทีเท่านั้น
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
สะพาน Golden Gate Bridge – รัฐ California
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่เที่ยวอเมริกา ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศก็ว่าได้นั้น คือ ที่สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) ซึ่งเป็นสะพานยาว สีส้มแดง ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองท่าซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay) สู่เมืองมาริน (Marin County) โดยสะพานแห่งนี้ เคยเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 2.7 กิโลเมตร มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลที่ 61 เมตร และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของสะพานแห่งนี้ คือ ความแข็งแรง และ ความสามารถในการต้านกระแสลมที่สามารถทนกระแสลมได้ถึง 161 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แม้ภายนอกจากจะดูเหมือนมีน้ำหลักเบา แต่ความเป็นจริงแล้ว สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) ใช้เหล็ก และ คอนกรีต ที่มีน้ำหนักกว่า 1 ล้านตันในการก่อสร้าง โดยจุดประสงค์หลักของการสร้างสะพานโกลเดนเกต คือ การใช้เป็นทางข้ามผ่านช่องแคบซานฟรานซิสโก นั่นเอง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชมความงดงาม และ ยิ่งใหญ่ของสะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) ได้หลายจุด โดยจุกที่เรีบกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอเมริกา ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปถ่ายรูปวิวสะพานที่ทอดยาวเหนืออ่าวซานฟรานซิสโกมากที่สุดนั้น คือ ที่ Battery Spencer ซึ่งแต่เดิมเป็นค่ายฐานทัพทหารเก่า ซึ่งในปัจจุบันเป็นจุดชมวิวสะพานที่ได้รับความนิยม ตั้งอยู่ทางฝั่งเมืองมาริน (Marin County)
The Painted Ladies – รัฐ California
อีกหนึ่งที่เที่ยวอเมริกายอดนิยม ในเมือง San Francisco รัฐ California โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคอภาพยนตร์ และ นักท่องเที่ยวที่อยากได้รูปสวยๆ แสนไอคอนิกเอาไว้ลงอินสตราแกรมกันนั้น ได้แก่ The Painted Ladies หรือ บ้านสไตล์วิคตอเรีย (ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมในช่วง Queen Victoria แห่งสหราชอาณาจักร) ที่มาพร้อมกับสีพาสเทล และ มีขาวนวล ถูกสร้างเรียงตัวกันอย่างสวยงาม บนถนนที่มีลักษณะเป็นทางชัน โดยในสมัยอดีต บ้านสไตล์วิตอเรียได้รับความนิยมอย่างสูงในเขตพื้นที่เมือง San Francisco แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหม และ ไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1906 บ้านสไตล์ดังกล่าวก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างเคย เหลือ ไว้เพียงแค่บ้าน 7 หลังนี่เท่านั้น ดังนั้น นอกจากชื่อ “The Painted Ladies” แล้ว ที่เที่ยวอเมริกาแห่งนี้ ยังมีอีกฉายานั่นก็คือ “Seven Sister” นั่นเอง
ชายฝั่ง Venice Beach – รัฐ California
มาเที่ยวอเมริกาทั้งที จะพลาดไม่เดินเล่นเทียบ ชายฝั่ง Venice สุดยอดชายฝั่งขวัญใจวัยรุ่นเมกาได้อย่างไร ซึ่งสถานที่แห่งนี้ มีอะไรมากกว่าแค่ทะเล และ ชายหาดที่ขาว บริเวณชายฝั่งเวนิส มาพร้อมกับ Ocean Front Walk ที่มีความยาวกว่า 2.5 ไมล์ หรือ 4 กิโลเมตร รายล้อมไปด้วยวิวชายฝั่ง Venice อันขึ้นชื่อ และ ร้านค้าขายอาหาร และ ของฝากมากมาย และที่สำคัญระหว่างทางเดิน คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศความรื่นเริง ความสนุกสนาน และ เสียงดนตรี จากเหล่านักแสดงหลากหลายเชื้อชาติ และจุดที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ บริเวณ Venice Skate Park ซึ่งเป็นลานเล่นสเก็ตกลางชายหาดรายล้อมไปด้วยต้น Plam Tree สูงใหญ่ ครึกครื้นไปด้วยเหล่า Skateboarder และ นักท่องเที่ยวที่มานั่งปิกนิค ทานไอศรีม และ ชื่นชมความสามารถของนักสเก็ตไปพร้อมๆ กันอย่างร่าเริง ซึ่งที่แห่งนี้เองเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพระอาทิตย์ตกดินนั่นเอง
เที่ยวแกรนด์แคนยอน – รัฐ Arizona
หากถามว่าถานที่ท่องเที่ยวอเมริกาที่ไหน ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รับรองว่าจะตราตรึงอยู่ในใจผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอนนั้น คงจะเป็นที่เที่ยวอเมริกาที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากที่แกรนด์แคนยอน (Grand Canyon) รัฐเนวาด้า (Nevada) เมืองแอริโซน่า (Arizona) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ด้วยความที่แกรนด์แคนยอน มีความกว่างใหญ่ กินพื้นที่กว่า 1,217,262 เอเคอร์ ทำให้นักท่องเที่ยวจะต้องเลือกว่าอยากจะชื่นชมความงดงามของที่เที่ยวอเมริกาแห่งนี้จากที่มุมใด
แกรนด์แคนยอนอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ และ เขตการปกครองหลายแห่ง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่นั้น จะอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ Grand Canyon National Park ซึ่งพื้นที่ในเขตอุทยานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอเมริกามากที่สุดนั้น คือในส่วนของเขต Grand Canyon South Rim โดยจุดชมวิวที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ บริเวณ Mother Point (บริเวณที่คุณจะได้เห็นทัศนียภาพ Grand Canyon ได้ในมุมแบบ Panorama ที่สุด) , Yavapai Point (ในบริเวณนี้ คุณจะเห็นทั้ง Desert Point และ Havasupai Point) และ Grandview Point (ให้คุณได้เรียนรู้ประเภทหินต่างๆ ที่ถูกตั้งชื่อตามเทพฮินดู ) นั่นเอง นอกจากนี้ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมเมื่อมาเยี่ยมเยือนแกรนด์แคนยอนนั้น คือ การนั่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อชื่นชมความยิ่งใหญ่ได้อย่างทั่วถึงนั่นเอง
ถนน Big Sur – รัฐ California
นักท่องเที่ยวสายพจญภัยคนไหนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในรูปแบบอิสระ หรือ การท่องเที่ยวในรูปแบบ Road Trip และกำลังตามหาที่เที่ยวอเมริกาที่สามารถตอบโจทย์นั้นของคุณได้ อีกทั้งยังเป็นที่เที่ยวอมเริกาที่รายล้อมไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ สวยงามเกินบรรยาย Artralux ขอแนะนำ ทางหลวงหมายเลข 1 ถนน Big Sur (บิ๊กเซอร์) ถนนที่ได้ชื่อว่ามาพร้อมกับวิวที่สวยงามที่สุดในโลก ซึ่งถนนเส้นนี้ตั้งอยู่เลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีความยาวกว่า 90 ไมล์ ทอดตัวยาวตั้งแต่ทางตอนเหนือของรัฐ ไปจรดที่ทางตอนใต้ โดยตลอดสองข้างทางเส้นถนนนั้น จะเต็มไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาสูงใหญ่ ทุ่งหญ้าเขียวขจี ชายหาดสีขาวนวล และ น้ำทะเลสีฟ้าใส ซึ่งจุดไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือที่บริเวณ สะพาน “Bixby Bridge” ซึ่งเป็นสะพานคอนกรีต อันเก่าแก่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงชัน และ และน้ำทะเลที่สาดซัดเข้าหาชายฝั่งตอนกลางของแคลิฟอร์เนียร์ เป็นอีกหนึ่งสะพานที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงกว่าระดับน้ำทะเลที่ 79 เมตร
ห้องสมุด Library of congress – รัฐ Washington, D.C
หอสมุด Library of congress หรือ หอสมุดรัฐสภา ตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอเมริกาที่ต้องมาเยี่ยมเยือนให้ได้ เพราะนอกจากสถานที่แห่งนี้ จะเป็นหอสมุดแก่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นหอสมุดที่เก่าแก่ และ มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแต่เดิม หอสมุด Library of congress แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่เพื่อการศึกษาค้นคว้าทางกฏหมายของรัฐบาลเท่านั้น แต่เมื่อภายหลังหอสมุดได้ถูกไฟไหม้ลงในปี ค.ศ 1814 ทำให้หนังสือ และ เอกสารสำคัญบางอย่างได้ถูกทำลายไป ทางรัฐบาลจึงได้ทำการซื้อหอห้องสมุดของนายกคนที่สามของอเมริกา คุณ โทมัส เจฟเฟอร์สัน ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าจากหอสมุดเดิม และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ามาใช้งานได้ ในปัจจุบันหอสมุดแห่งนี้ เป็นที่เที่ยวอเมริกาที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยความกว้างใหญ่ของหอสมุด สถาปัตยกรรมที่งดงาม และ จำนวนหนังสือที่ได้เก็บรวบรวมไว้ถึง 32 ล้านเล่มนั่นเอง
ชาวอเมริกันให้ฉายาหอสมุด Library of congress ว่าเป็น “ห้องสมุดที่พึ่งสุดท้าย” ทั้งนี้เนื่องจาก หากนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ สมาชิกสภาคองเกรส หรือ ผู้พิพากษา ไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่อวต่างๆ ได้ ว่ากันว่าในหอสมุดแก่งนี้ จะมีคำตอบให้แน่นอน
หาด Miami Beach – รัฐ Florida
หากถามว่าที่เที่ยวอเมริกาที่ไหนที่เปรียบเสมือน ‘Summer Get Away’ ของชาวอเมริกันนั้น เชื่อว่าจำนวน 9 ใน 10 ของชาวอเมริกันคงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่แห่งนั้น คือ เมืองไมอามี่ (Miami) รัฐ ฟอริด้า (Florida) อย่างแน่นอน เมืองไมอามี่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวอเมริกาที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดที่งดงาม และ วัฒนธรรมละตินอันโด่งดัง โดยชายหาดไมอามี่นั้น มีลักษณะโค้งเว้าเป็นแนวยาวกว่า 7 ไมล์ หรือ เกือบ 12 กิโลเมตร ซึ่งในโซนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั้น คือ ในโซนของ South Beach ทั้งนี้เนื่องจากที่ชายหาดฝั่งนี้ เป็นที่ตั้งของ Miami South Beach Lifeguard Tower แลนด์มาร์กอันโด่งดัง ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาถ่ายรูปกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อินกับกิจกรรมทางน้ำ บริเวณเทียบชายหาดไมอามี่ยังมีทางเดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศทะเล ท้องฟ้าสีฟ้าใส รับประทานอาหารข้างทาง และ สัมผัสความครึกครื่นของผู้คนได้ ซึ่งถนนเส้นนั้นมีชื่อว่า “ Miami Beach Boardwalk ” นั่นเอง
เมืองพักตากอากาศ Aspen/Snowmass – Colorado
มาถึงที่เที่ยวอเมริกาที่สุดท้ายที่ทาง Artralux อยากแนะนำให้คุณไปเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าหนาว (Winter) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรมทางหิมะ และ ในหน้าฤดูใบไม้ผลิ (Autumn) สำหรับคนที่อยากดื่มด่ำกับความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี ที่ทำให้ทั้งเมืองเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง-ส้ม และที่แห่งนั้น คือ เมือง Aspen ในรัฐ Colorado นั่นเอง อย่างไรก็ตามแม้ว่า Winter Sport และ Ski Resort จะมีชื่อเสียงอย่างมากในเมือง Aspen เนื่องจากภูมิประเทศของตัวเมืองที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะในหน้าหนาว เมือง Aspen ยังมาพร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าประทับใจมากมาย แต่ไฮไลท์ที่เที่ยวอเมริกาองเมือง Aspen ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั้น คือที่ Silver Queen Gondola ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอเมริกายอดนิยมสหรับการเล่นสกี อีกทั้งยังเป็นจุดขึ้นกระเช้าไปยังจุดสูงสุดของภูเขาที่เรียกว่า Sun Deck ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,000 ฟีตเลยทีเดียว
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวอเมริกา
หลังจากที่เราได้ทราบถึงที่เที่ยวอเมริกาที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนทั้ง 20 ที่กันแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญมากพอๆ กับรายชื่อแหล่งท่องเที่ยวนั้น คือ การวางแผนการเดินทางเที่ยวอเมริกาอย่างรอบคอบ ตั้งแต่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวอเมริกา, เมืองไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด, งบประมาณที่ครอบคลุมตลอดการเดินทาง รวมไปจนถึง ของฝากที่ควรจะซื้อจากอเมริกากลับประเทศไทย วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำจึงได้รวบรวมคำถามที่เชื่อว่าผู้อ่านทุกคนกำลังสงสัยกันไม่ใช่น้อยมาฝาก !
Q.1 : เที่ยวอเมริกา เดือนไหนดี ?
หากถามว่า เที่ยวอเมริกา เดือนไหนดี ? จริงๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับเมือง และ รัฐที่คุณกำลังวางแผนไปท่องทเี่ยว ทั้งนี้เนื่องจากประเทศอเมริกา เป็นประเทศที่มีดินแดนกว้างขวาง ถูกแบ่งพื้นที่เป็น 7 เขตด้วยกัน ได้แก่ Northwest State, Southwest State, North Central State, South Central State, Midwest State, Northeast State และ Southeast State ดังนั้น สภาพอากาศ และ ฤดูกาลของแต่ละพื้นที่จึงมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เช่น ซึ่งรัฐ และ เมืองที่ตั้งอยู่ในฝั่งของ The Northeast นั้น จะประกอบไปด้วย 4 ฤดูกาลที่มีสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน และ ในหน้าหนาว จะมีอากาศที่หนาวเย็นมาก มีหิมะตกอย่างหนาแน่นในบางพื้นที่ และ ทะเลสาบกลายเป็นธารน้ำแข็ง ในขณะที่ทางฝั่ง The West Coast จะมีอุณหภูมิที่ Mild กว่า กล่าวคือ ในหน้าหนาวจะไม่ได้หนาวเย็นมากนัก แต่ในหน้าร้อนจะค่อนข้างอบอุ่น ไปจนถึงร้อนจัด
สำหรับเดือนท่องเที่ยวอมเริกา ที่เราแนะนำนั้น คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม ) และ ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน) ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสองฤดูนี้ เป็นช่วง ‘Shoulder Season’ ผู้คนไม่หนาแน่นเหมือนช่วง High Season และ มีเงียบเหงาเหมือนอย่างช่วง Low Season มีสภาพอากาศกำลังดี และ ทัศนียภาพของที่เที่ยวอมเริกาแต่ละที่นั้น สวยงาม เต็มไปด้วยความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี และ ดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างเต็มที่นั่นเอง
Q.2 เที่ยวอเมริกา เมืองไหนดี ?
“เที่ยวอเมริกาเมืองไหนดี ?” จริงๆ แล้ว การตัดสินใจเลือกรัฐ และ เมืองท่องเที่ยวอเมริกาขึ้นมาให้ถูกใจสักหนึ่งที่นั้น เป็นเรื่องยาก ทั้งนี้เนื่องจาก แต่ละรัฐ และ เมืองในอเมริกานั้น แม้จะอยู่ใกล้กันแค่ไหน ต่างก็มีเอกลักษณ์ และ เสน่ห์เป็นของตัวเองทั้งสิ้นดังนั้น ปัจจัยที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเมืองเที่ยวอเมริกาให้ถูกใจได้มากที่สุดนั้น คือ การเลือกเอกลักษณ์ของเมืองให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคุณ
สำหรับสายชอป ผู้ชอบบรรยากาศเมืองไฮโซ และ กล้าท้าลมหนาว
เที่ยวอเมริกาเมืองไหนดี ? หากคุณเป็นคนที่ชอบเมืองที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโมเดิร์น บ้านเมืองเต็มไปด้วยตึกราสูงใหญ่ มีไนท์ไลฟ์อันรื่นเริง เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล และ ผู้คนในเมืองมีความเป็นตัวเองสูงแล้วหละก็ เมือง และ รัฐที่เที่ยวอเมริกาที่เราอยากจะแนะนำนั้น คือ เหล่าเมืองมหานครหลักของประเทศ ได้แก่ เมือง New York City- New york , เมือง Chicago – Illinois, และ เมืองหลวงของสหรัฐ อย่าง Washington, D.C. นั่นเอง เพราะเมืองเหล่านี้ ถือเป็นเมืองศูนย์กลางของระบบเศรษฐกิจในประเทศ บ้านเมืองมีความทันสมัย เต็มไปด้วย Business Man & Woman และ ที่สำคัญ ยังเป็นเมืองที่มากไปด้วยถนนชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม
สำหรับวัยรุ่นเมกา ผู้ชอบ สีสัน และ ความครึกครื่น
แน่นอนว่าหากถามว่าเที่ยวอเมริกาเมืองไหนดี สำหรับวัยรุ่น หรือ นักท่องเที่ยวที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศวัฒนธรรม และ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันอย่างแท้จริง คำตอบนั้น คงจะหนีไม่พ้นการท่องเที่ยวอเมริกาในฝั่ง West Coast อย่าง เมือง Los Angeles – Californai และ เมือง San Francisco – California นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมือง Los Angeles รัฐ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ พอๆ กับประเทศไทยทั้งประเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศอเมริกา ในที่แห่งนี้ นอกจากจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอเมริกา สุดไอคอนิก ไม่ว่าจะเป็น ย่านโด่งดังอย่าง ‘Hollywood Walk of Fame’, สถานที่เที่ยวเช็คอินอย่าง ‘Santa Monica’, ย่านชอปปิ้งขวัญใจวัยรุ่นเมกาอย่าง ‘Melrose Avenue’ และ ที่ที่พลาดไม่ได้เลย หากมีโอกาสได้มาเที่ยวแอลเอนั้น คือ ร้านเบอร์เกอร์ IN-N-OUT ซึ่งมีขายที่เมืองแอลเอเท่านั้น
Q.3 : เที่ยวอเมริกา งบเท่าไหร่ดี ?
“เที่ยวอเมริกา งบเท่าไรดีนะ ที่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ตลอดทั้งอาทิตย์ ?” เชื่อว่าคำถามนี้ เป็นคำถามที่นักท่องเที่ยวหลายคน Concern ไม่น้อย ทั้งเนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า แม้ว่าการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวอเมริกาจะไม่ได้โหดเท่ากับการท่องเที่ยวในฝั่งยุโรป แต่ค่าครองชีพในประเทศอเมริกาก็โหดไม่ใช่น้อย นอกจากนี้ ประเทศอเมริกา เป็นประเทศที่ระบบขนส่งสาธารณะในบางเมืองนั้น ไม่ครอบคลุม ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้น ค่อนข้างสูงนั่นเอง
โดยในปัจจุบันดอลล่าห์สหรัฐ อยู่ที่ประมาณ 35.65 บาทไทย ซึ่ง อย่างไรก็ตาม อัตราค่าครองชีพนั้น จะแตกต่างกันออกไปตามรัฐ และ เมืองที่คุณได้เลือกไปท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ค่าอาหารในแต่ละมื้อ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $8.00 ต่อคน (285.26 บาทไทย) ในขณะที่ค่าเดินทาง และ ท่องเที่ยวในแต่ละวันนั้น อยู่ที่ระหว่าง $75 – $300 ต่อคน (2,xxx – 10,xxx บาท) ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวใน 1 อาทิตย์ อยู่ที่ประมาณ $500 – $1000 (17,xxx – 35,xxx บาท ) โดยไม่รวมค่าโรงแรม และ ค่าตั๋วเครื่องบิน
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวอเมริกา เพื่อชื่นชมแลนด์มาร์กที่สวยงามของประเทศ แต่เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ ประกอบไปด้วย 50 รัฐ อีกทั้งแต่ละรัฐยังมีสถานที่ท่องเที่ยว และ เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การท่องเที่ยวอเมริกาให้คุ่มค้านั้น จำเป็นต้องวางแผนการเดินทางอย่างครอบคลุม ซึ่งจะดีแค่ไหนกันนะ หากมีผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอเมริกามาวางแผนเส้นทางการท่องเที่ยวให้คุณ อีกทั้งยังทำการจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และ ทำจัดซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอเมริกาให้กับคุณ และ คนพิเศษ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำมาพร้อมกับบริการโปรแกรมท่องเที่ยวอเมริกาแบบส่วนตัว ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น บริการของเราครอบคลุมทุกรายละเอียดในการท่องเที่ยว ตั้งแต่การยื่นวีซ่า วางแผนการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม รวมไปจนถึงบริการเช่ารถพร้อมคนขับ สนใจท่องเที่ยวอเมริกากับ Artralux ติดต่อสอบถามเราได้เลย!
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
