อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงสุดชิค มนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำ และ สถาปัตยกรรม สวรรค์ของช่างภาพทั่วโลก

 

“ไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)” เชื่อว่าประโยคนี้คงจะเป็นคำพูดติดปาก และ ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวหลายคน เมื่อให้เลือกเมืองใดเมืองหนึ่งขึ้นมา ที่มาพร้อมกับผังเมืองอันงดงาม บ้านเมืองรายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปแบบเรอเนสซองส์ (Renaissance Architecture) ที่ได้ทำการอนุรักษ์รักษาเอาไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นเมืองริมน้ำที่ปราศจากมลพิษทางอากาศแบบ 100 %  ซึ่งเสน่ห์ของเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) แห่งนี้ นอกจากสถาปัตยกรรมที่งดงามในแทบทุกซอกทุกมุมของเมือง และ จำนวนลำคลองที่มีอยู่มากถึง 165 แห่งทั่วทั้งเมืองแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมือง คือ “วัฒนธรรมการขี่จักรยานของประชากร (Cycling Culture)” โดยในเมืองหลวงที่มีขนาดเล็ก และ มีประชากรเพียงแค่ 1,174,000 คน (เพิ่มขึ้น 0.69% จากเมื่อปี 2022) แห่งนี้ กลับมีจักรยานที่ใช้ขับขี่มากถึง 881,000 คัน ซึ่งนั่นหมายความในทุกๆ ครัวเรือน จะมีจักรยานที่ใช้กันอย่างน้อย 1-2 คันนั่นเอง

 

 

แล้วเพราะเหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้เมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของยุโรป ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากถึง 18 ล้านคน ในปี 2023 ที่ผ่านมา? เป็นเพราะนิสัยของชาวดัตช์ที่เป็นมิตร? สถาปัตยกรรมบ้านเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ? สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ที่รวมไว้ในที่เดียว? บรรยากาศบ้านเมืองแสนโรแมนติกที่เต็มไปด้วยดอกทิวลิป และ สายน้ำสี Olive-Green หรือ จะเป็นเพราะวัฒนธรรม และ ศิลปะของเมืองอัมสเตอร์ดัมกันแน่ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว? 

 

วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ จึงได้รวบรวมเสน่ห์ของเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) พร้อม 10 รายชื่อสถานที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัมมาฝากผู้อ่านกัน ซึ่งจะมีที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัมที่ไหนที่แตะตาคุณบ้าง เราไปพร้อมๆ กันเลย!  

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

 

 

10 แลนด์มาร์กอัมสเตอร์ดัม ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยว!

 

หากถามว่าทำไมเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ควรจะเป็นหนึ่งใน Ultimate Travel Destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เหตุผลเหล่านั้น คงจะหนีไม่พ้น คลองสีเขียวมะกอกที่ทอดตัวยาวไปทั่วทั้งเมือง, บ้านเรือนทรงสี่เหลี่ยมหน้าจั่วที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยุโรปเรอเนสซองส์, ถนนที่ปูด้วยหินกรวดอย่างงดงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้กันปีละหลายล้านคนนั้น กลับเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่าง ‘Flavor’ และ ‘Atmosphere’ ของเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเอง ทำให้เมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้ ได้กลายเป็นเมืองที่ผลิต Creativity และ Imaginative ของศิลปินชื่อดังของโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน และนี่เองคือเสน่ห์เมืองอัมสเตอร์ดัมที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก 

 

นอกจากบรรยากาศเมืองอันน่าหลงใหลแล้ว แน่นอนว่าสถานที่ท่องเที่ยวของอัมสเตอร์ดัมก็สวยงาม และ มากด้วยเสน่ห์ไม่แพ้กัน โดยทั้ง 10 ที่เที่ยวนี้ คือ ที่เที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัมที่เราได้คัดกรองมาให้คุณแล้ว ดังนั้น หากมีเวลา แวะไปให้ครบ ฟินทั้งทริปแน่นอน 

 

1. พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank Huis)

 

 

ต้องยอมรับเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอัมสเตอร์ดัมนั้น มีอยู่หลายแห่งที่น่าสนใจ แต่สถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดไม่ว่าจะประการใดก็ตามนั้น คือที่ พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank Huis) โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) ซึ่งเป็นลานกว้างใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม อันเป็นที่ตั้งของ“อนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ” รายล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้าง และ อาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์มากมาย

 

แม้ว่า พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank Huis) จะตั้งอยู่ริมคลอง ในบริเวณถนน Prinsengracht ซึ่งเป็นบริเวณที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่สวยงาม ทั้งต้นไม้สูงใหญ่ ตึกราบ้านช่องอันงดงาม และ คลองสีเขียวมะกอกที่ทอดตัวยาวตลอดแนวถนน แต่รู้หรือไม่ว่า บ้านเลขที่ 263 บนถนนปรินเซนกรัคต์ แห่งนี้ เป็นสถานที่ซ่อนตัวของเด็กผู้หญิงที่ชื่อแอนน์ แฟรงค์ (Anne frank) และ ครอบครัวชาวยิวของเธอร่วม 8 ชีวิตที่ได้หลบหนีมาจากประเทศเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการเข่นฆ่าของชาวนาซี (Nazi) ในอดีต โดยที่แห่งนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือ The Diary of a Young Girl หรือ The Diakry of Anne Frank หนังสือไดอารี่แห่งประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดอีกเล่มหนึ่งของโลก

 

 

ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงสภาพบ้าน และ ห้องนอนของแอนน์ แฟรงค์ที่ชั้นใต้หลังคา ที่เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ร่วม 2 ปี ก่อนที่เธอจะถูกจับตัวเข้าค่ายกักกันที่ แบร์เกิน-เบลเซิน ในประเทศเยอรมนี พร้อมกับครอบครัวของเธอ ดังนั้น หากมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ที่แห่งนี้ คือ สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด 

 

2. โบสถ์เซนต์นิโคลัส (Basilica of St Nicholas)

 

 

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมยอดนิยมอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยี่ยมเยือนมากเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองนั้น คือ โบสถ์เซนต์นิโคลัส (Basilica of St Nicholas) โดยโบสถ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า (Old Center) เดินทางไปเยือนได้สะดวกมากๆ เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟหลักของเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Central Station) อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องไม่พลาด โบสถ์เซนต์นิโคลัส หรือ ที่ชาวเนเธอร์แลนด์เรียกกันว่า Sint Nicolaaskerk นั้น เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ซึ่งในอดีตใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวประมงก่อนที่จตะออกเดินทางเรือนั่นเอง

 

จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้ คือ สถาปัตยกรรม ซึ่งทางสถาปนิกผู้สร้าง คุณ Adrianus Bleijs ได้ออกแบบโดยการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟู (Renaissance) เข้าด้วยกันหลายๆ แบบ แต่สไตล์ที่เห็นจะโดดเด่นออกมามากที่สุดนั้น คือ สถาปัตยกรรมแบบบาร็อค (Neo-Baroque) และ นีโอ เรอเนสซองต์ (Neo-Renaissance) โดยด้านบนสุดของโบสถ์มีลักษณะเป็นโดมประกอบไปด้วยไม้กางเกนขนาดใหญ่ โบสถ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกัน 2 โบสถ์ โบสถ์หนึ่งได้อุทิศแก่พระแม่มารีย์ (Mary) และอีกหลังหนึ่งได้ใช้เป็นโบสถ์เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญโจเซฟ (Joseph) นั่นเอง ซึ่งนอกจากสถาปัตยกรรมภายนอกจะงดงามแล้ว การตกแต่งภายในก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยที่บริเวณกำแพง และ เพดานของโบสถ์นั้น จะมาพร้อมกับกระจกสีที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีตและถ่ายทอดเรื่องราวของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคได้อย่างงดงาม 

 

3. สถานีกลางอัมสเตอร์ดัม  (Amsterdam Central Station)

 

 

สถานีกลางอัมสเตอร์ดัม หรือ Amsterdam Central Station เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองอัมสเตอร์ดัมที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือน เพราะไม่เพียงแต่ที่สถานที่แห่งนี้ จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ และ เป็นสถานที่ที่มีผู้คนใช้บริการมากถึง 250,000 คนต่อวันเพียงเท่านั้น สถานีกลางอัมสเตอร์ดัม ยังเป็นสถานีรถไฟที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมอันงดงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย ซึ่งความยิ่งใหญ่ของสถานีนี้ คือ การเป็นเหมือน Hub รวมตัวของของการคมนาคมของประเทศ เป็นทั้งปลายสายของรถรางและรถประจำทางหลายสาย อีกทั้งยังเป็นที่จอดเรือข้ามฟาก (Waterfront Station) ซึ่งเป็นสถานีเรือข้ามฟาก เพื่อเดินทางข้ามฝั่งไปยังฝั่ง Amsterdam North อีกด้วย และที่สำคัญ สถานีรถไฟแห่งนี้เอง ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปยังประเทศยุโรปใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น บรัสเซลส์ (Brussels) ประเทศเบลเยี่ยม, ปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส และโคโลญ (Cologne) ประเทศเยอรมนี เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมที่มีความสำคัญกับพลเมืองชาวอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างยิ่ง 

 

4. แม็กนา พลาซ่า (Magna Plaza)

 

 

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองก็ว่าได้นั้น คือ ห้างสรรพสินค้า  แม็กนา พลาซ่า (Magna Plaza) ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค (Neo-Gothic) ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของแบบกอธิค (Gothic) และ ความอ่อนหวานของสถาปัตยกรรมแบบโรแมนติก (Romantic) เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งความสวยงามของสถาปัตยกรรมดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาของอาคารแห่งนี้ มีความคล้ายคลึงกับพระราชวังมากกว่าที่จะเป็นห้างสรรพสินค้าเสียอีก ซึ่งเดิมทีห้างแม็กนา พลาซ่าแห่งนี้ เป็นที่ทำการไปรษณีย์อันเก่าแก่ของอัมสเตอร์ดัม แต่ในปี ค.ศ. 1992 ทางการอัมสเตอร์ดัมได้เชิญสถาปนิกที่มีชื่อเสียงมาทั้ง 4 ท่าน เพื่อมาส่งแผนการปรับปรุงอาคารแห่งนี้ขึ้น จนทำให้อาคารไปรษณีย์อันเก่าแก่ กลายมาเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ และ เมืองอัมสเตอร์ดัม และได้ชื่อว่า “Rijksmonument” หรือ ที่สามารถแปลได้ว่า The national heritage site of the Netherlands (มรดกแห่งชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์

 

 

ซึ่งนอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรมภายนอกแล้ว ด้านในห้างก็มาพร้อมความงดงามที่ไม่แพ้กับด้านนอกแม้แต่น้อย โดยสว่นประกอบของการตกแต่ง Interior ที่โดดเด่นคือ เสาคอนกรีตเสริมเหล็กในรูปแบบ Colum ให้ความรู้สึกเหมือนสถาปัตยกรรมจากกรีกโรมันอย่างไรอย่างนั้น เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศการเดินห้างที่หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอยร์แลนด์ แน่นอน  

 

5. ย่าน De Wallen หรือ ย่าน โคมแดง (Red light Street) 

 

 

มาถึงที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัมชื่อดังอีกหนึ่งแห่งที่เชื่อเลยว่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว (Tourist Destination) ของนักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งที่แห่งนั้น คือ ย่านโคมแดง หรือ ที่ชาวอัมสเตอร์ดัมเรียกกันว่าย่าน De Wallen โดยย่านแห่งนี้มีฉายาว่า ‘Red Light District’  หรือ ในภาษาอัตช์ ‘The Rossebuurt’  ทั้งนี้เป็นเพราะว่าที่แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมความบันเทิงกลางคืน และ แหล่งรื่นเริงยามราตรีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งนี้ คือ ธุรกิจสาวตู้กระจก หรือ ธุรกิจโสเภณีตามห้องแถว โดยธุรกิจดังกล่าว เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย และได้การยอมรับจากทางการเนเธอร์แลนด์ และถึงแม้ว่าทางผู้ว่าอัมสเตอร์ดัมจะอยากย้ายย่าน De Wallen ไปที่อื่น แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ได้ถูกปฏิเสธ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวสามารถทำเงินให้แก่เมืองอัมสเตอร์ดัม และ ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้มากถึง 2.5 พันล้านยูโร (หรือ 650 ล้านยูโรต่อปี) เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากแหล่งบันเทิงที่ทอดยาวตามถนนมากกว่า 250 แห่งแล้ว อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของย่านที่พลาดไม่ได้นั้น คือ พิพิธภัณฑ์การค้าประเวณี Red Light Secrets ซึ่งได้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของอาชีพโสเภณี อาชีพที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก นั่นเอง 

 

6. พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม  (Koninklijk Paleis Amsterdam)

 

 

พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม หรือชื่ออย่าวเป็นทางการ The Royal Palace of Amsterdam เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศษสตร์ที่งดงามอีกแห่งของเมืองอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากลานจัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) ซึ่งเป็นจัตุรัสกลางเมืองศูนย์รวมกบารพบปะสังสรรค์ของผู้คน รายล้อมไปด้วยโบราณสถานที่เป็นสิ่งก่อสร้างอันสำคัญของเมืองอัมสเตอร์ดัมมากมาย ไมว่าจะเป็น พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม, ห้างสรรพสินค้า Magna Plaza  และ อนุสาวรีย์เสรีภาพ (National Monument) 

 

พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น เดิมที่เป็นศาลากลางที่มีความเก่าแก่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 และถูกใช้งานมาเป็นเวลานานกว่า 150 ปี ก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะได้ถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นพระราชวังของหลุยส์ นโปเรียน แห่งราชอาณาจักรฮอนด์แลนด์ จากนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นราชสำนักดัตช์เพื่อใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และ ราชวงค์ทุกครั้งที่มาเยือนอัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามภายในได้ โดยภายในวังโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์ Empire ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และ การออกแบบ เรียกได้ว่าไม่เสียชื่อว่าเป็นวังหลวงชของอัมสเตอร์ดัมอย่างแน่นอน

 

7. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)

 

 

มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวของอัมสเตอร์ดัมในเชิงศิลปะกันบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่าแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คอศิลปะ และ ไม่อินกับภาพวาดของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกขนาดนั้น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมอีกแห่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง โดย Rijksmuseum แห่งนี้ ตั้งอยู่ในย่าน Museumplein เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งย่านนี้ เป็นย่านที่รายล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น  พิพิธภัณฑ์ Van Gogh Museum และ พิพิธภัณฑ์ Stedelijk เป็นต้น 

 

 

ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) แห่งนี้ มีความเป็นมาที่ยาวนาน ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1798 ที่เมือง The Hague ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นจึงได้ย้ายมาตั้งที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ในปีค.ศ. 1808 ซึ่งด้วยความเป็นมาที่ยาวนาน บวกกับขนาดของพิพิธภัณฑ์ที่มีความกว้างใหญ่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จึงเป็นสถานที่รวบรวมผลงานศิลปะจากศิลปินที่มีชื่อเสียงทั่วโลกกว่า 8,000 ชิ้น ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่คือ The Night Watch ผลงานของ Rembrandt ศิลปินชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ 

 

Fun Fact: ในปี 2003 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)  ได้ทำการปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 10 ปี และ ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2013 โดยการกลับมาในครั้งนี้ ได้กลับมาพร้อมกับการตกแต่งภายในระบบใหม่ ภายใต้แนวคิด The Construction & Architecture ซึ่งเป็นการเดินชมศิลปะในระบบชั้น และได้ใช้ทุนสร้างและบำรุงไปกว่า 375 ล้านยูโร หรือ 14,000 ล้านบาท! เลยทีเดียว 

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

 

 

8. พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum)

 

 

หลังจากที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปชื่นชมศิลปะ และ ความยิ่งใหญ่ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) กันเป็นที่เรียบร้อย อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้น คือ พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum) ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่รวบรวมผลงานระดับ Masterpiece ของ ศิลปินชาวดัตช์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก อย่าง ‘Van Gogh’ ซึ่งแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม สถานที่แห่งนี้มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น เน้นการใช้งาน ดูมีความทันสมัย แม้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชื่นชมผลงานมามากกว่า 50 ปี ตั้งแต่ปีค.ศ. 1973 

 

 พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ (Van Gogh Museum)  เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัมที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในงานศิลปะ เพราะสถานที่แห่งนี้เองได้รวบรวมผลงานของ Van Gogh มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผลงานภาพสี 200 รูป, รูปวาด 500 รูป และจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของเขาเองกว่า 700 ฉบับ ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่าง The Starry Night, Sunflowers และ The Café Terrace ก็ได้ถูกเก็บไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่แพลนเดินทางไปเที่ยวที่นี่ จะต้องจำกฎเหล็กของพิพิธภัณฑ์นั่นคือ “Save the masterpiece in your eyes” ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณห้ามถ่ายรูปแต่อย่างใด ดูได้แต่ตาเท่านั้น 

 

9. ตลาดดอกไม้ (Bloemenmarkt)

 

 

มาถึงอีกหนึ่งที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ที่มากไปด้วยเสน่ห์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่เที่ยวที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวดัตช์ และ บรรยากาศเมืองอัมสเตอร์ดัมได้อย่างแท้จริง ซึ่งสถานที่นั้น คือ  ตลาดดอกไม้ลอยน้ำ หรือ Bloemenmarkt นั่นเอง Bloemenmarkt นอกจากจะเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญกับชาวอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่แห่งนี้ เป็นตลาดดอกไม้ลอยน้ำที่เหลืออยู่เพียงแค่แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยตลาดจะมาในรูปแบบแผงลอยทั้งหมด 15 แผง ซึ่งจะลอยอยู่เหนือคลอง Singel ระหว่างสะพาน Koningsplein กับ Muntplein ในเมืองอัมสเตอร์ดัม 

 

 

ตลาดเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล ทั้งดอกไม้สด เมล็ดพันธุ์ รวมไปจนถึง  ดอกทิวลิป ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์นั่นเอง สำหรับใครที่สนใจเดินทางไปชื่นชมความงดงามของดอกไม้นานาพรรณริมคลองอัมสเตอร์ดัม พร้อมดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตของคนเมืองในยามเช้าที่มาซื้อดอกไม้ก่อนไปทำงาน แนะนำให้ไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัมในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ เพราะจะเป็นช่วงที่ดอกทิวลิปบานสะพรั่งมากที่สุดในปี และสำหรับใครที่อยากชื่นชมดอกกุหลาบแดง แนะนำให้ไปในหน้าร้อนนั่นเอง  

 

10. ตลาด Albert Cuyp Market 

 

 

มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัมอีกหนึ่งแห่ง ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งบอกได้เลยว่าหากไม่ได้ไป ถือว่าพลาดมากๆ นั้น คือที่ตลาด Albert Cuyp Market ซึ่งเป็นตลาดที่ยาว และ เก่าแก่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ รายล้อมไปด้วยร้านค้าขายอาหารประจำชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์, ผักสด,ผลไม้, ของฝาก, ดอกไม้ และ สินค้าพื้นเมืองมากกว่า 300 ร้าน ซึ่งต่างได้ทอดตัวยาวไปตามทางถนน Albert Cuypstraat บนถนนพื้นหินกรวดได้อย่างงดงาม ซึ่งต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า หากคุณกำลังตามหาตลาดที่มาพร้อมกับบรรยากาศ Westerstraat Market อย่างแท้จริงแล้วละก็ ไม่มีที่ไหนที่ทำได้ดีเท่ากับ ตลาด Albert Cuyp Market  ของเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างแน่นอน 

 

 โดยร้านต่างๆ จะเริ่มเปิดทำการกันตั้งแต่ในเวลา 9 โมงเช้าของทุกวัน ดังนั้นเวลาที่จะเดินทางมายังตลาดแห่งนี้ที่ดีที่สุดนั้น คือ เวลาประมาณ 11 โมงเช้า เพราะจะเป็นช่วงที่ทุกร้านเปิดให้บริการอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งร้านอาหาร และ ขนมยอดนิยม ขวัญใจนักท่องเที่ยวมีดังนี้ 

 

 

• Rudi’s Original Stroopwafels 

Rudi’s Original Stroopwafels เป็นร้านแผงลอยขายวอฟเฟิลสอดไส้น้ำเชื่อมอบเชย ซึ่งเป็นขนมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ แม้ว่าขนมดังกล่าวจะไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ซะทีเดียว แต่ด้วยความนิยม ทำให้ชาวเนเธอร์แลนด์ต่างยอมรับให้ Stroopwafels (วอฟเฟิลสอดไส้น้ำเชื่อม) เป็นขนมประจำชาติไปโดยปริยาย ซึ่งหากคุณอยากทาน Stroopwafels รสชาติแบบต้นตำรับแท้ๆ Artralux ขอแนะนำร้าน Rudi’s Original Stroopwafels ซึ่งเป็นร้านขายวอฟเฟิลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ ณ ตลาด Albert Cuyp Market กิมมิคจของร้านคือเชฟจะทำ Stroopwafels กันให้เห็นกันอย่างสด ๆ บอกเลยกลิ่นหอมตั้งแต่ต้นตลาด ยันท้ายตลาดกันไปเลยทีเดียว 

 

• ร้านอาหารซีฟู้ด Kibbeling 

มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งที อาหารพื้นเมืองที่ต้องลอง คงจะหนีไม่พ้น Herring (ปลาเฮร์ริงดิบ) และ Kibbeling (ซีฟู้ดชุบแป้งทอดรับประทานคู่กับมายองเนส) ซึ่งอาหารทั้งสองเมนูนี้ มีขายทั่วไปในเมืองอัมสเตอร์ดัม และ จังหวัดอื่นๆ ของประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่หากนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากลองทานทั้งสองเมนูในสไตล์ Street Food ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ใส่จานพลาสติก เพื่อเดินทานไปพร้อมๆ กับรับชมบรรยากาศบ้านเมืองอัมสเตอร์ดัมอย่างสบายใจ ที่ตลาด Albert Cuyp Market ก็มีขายเช่นกัน 

 

สิ่งที่ควรทราบก่อนออกเดินทางไปอัมสเตอร์ดัม 

 

หลังจากที่เราได้ทราบถึงสถานที่ท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมทั้ง 10 แห่ง ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และ ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางไปอัมสเตอร์ดัมนั้น คือ การวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาในการเดินทาง, ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเที่ยวอัมสเตอร์ดัม, ระบบขนส่งสาธารณะที่จะใช้ในการเดินทาง , รวมไปจนถึง งบประมาณที่เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ด้วยตัวเอง วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย และ คำตอบมาฝากนักท่องเที่ยวทุกคนกัน!

 

1. เที่ยวอัมสเตอร์ดัม ช่วงไหนดีที่สุด ?

 

ฤดูกาล และ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์นั้น ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ และ ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวกันมากที่สุดนั้น คือ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) เนื่องจากทั้งสองฤดูกาลนี้ มีสภาพอากาศกำลังดี ไม่ร้อน และ ไม่หนาวเย็นเกินไป 

 

โดยในฤดูใบไม้ผลิ (Spring) จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-22 องศา นอกจากนี้ยังเวลาเวลากลางวันที่ยาวนาน ซึ่งแสงแดดจะหมดลงในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม นอกจากนี้ในช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกทิวลิป ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของเนเธอร์แลนด์ ดังนั้น สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูกาลนี้ คือที่สวน Keukenhof ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียง และ ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์นั่นเอง  

 

2. งบประมาณสำหรับการเที่ยวอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเอง

 

งบประมาณสำหรับการท่องเที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วยตัวเองสำหรับระยะเวลา 1 อาทิตย์นั้น อยู่ที่ประมาณอย่างน้อย  40,000 บาทขึ้นไป โดยไม่รวมค่าโรงแรม และ ค่าตั๋วเครื่องบิน ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันค่าครองชีพ และ สกุลเงินยูโรของเนเธอร์แลนด์ค่อนข้าง อยู่ที่ประมาณ 36-40 บาทต่อ 1 ยูโร 

 

ซึ่งราคามื้ออาหารในแต่ละมื้อ เฉลี่ยอยู่ที่มื้อละ 20 – 30 ยูโรต่อคน ในส่วนของค่าเดินทางนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทบัตรโดยสารที่นักท่องเที่ยวเลือกใช้ โดยสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ (Metro) จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3.40 ยูโร ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเองในแต่ละวัน อยู่ที่วันละ 140 ยูโร หรือ ประมาณ 5,000 บาทต่อวัน นั่นเอง 

 

3. การเดินทางเที่ยวด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอัมสเตอร์ดัม

 

แม้ว่าเมืองอัมสเตอร์ดัม จะเป็นเมืองแห่งจักรยาน (Ultimate Cycling Nation) แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้อย่างทั่วถึง สะดวก และ รวดเร็วแล้วนั้น นักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก โดยเมืองอัมสเตอร์ดัม มีประเภทระบบขนส่งสาธารณะให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้หลายอย่าง ได้แก่ รถไฟ (Metro), รถประจำทาง (Bus), รถราง (Tram), และ เรือเฟอรรี่ (Ferry) ข้ามฟาก 

 

ซึ่งตั๋ว หรือ บัตรโดยสารสำหรับระบบขนส่งสาธารณะในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ นั้นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นบัตร OV-Chipkaart (บัตร Smart Card ใช้เดินทางครอบคลุมทุกประเภทขนส่งสาธารณะ) และ บัตร GVB Ticket (บัตรโดยสาร Disposable เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อตั๋วได้ตามตู้จำหน่าย และ บริการตั๋ว GVB Service & Ticket นั่นเอง

 

นักท่องเที่ยวคนไหนที่สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองอัมสเตอร์ดัม ด้วยตัวเอง หรือ กับคนพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ควรเตรียมตัวอย่างไร จองโรงแรมอะไรดี หรือ จองตั๋วเครื่องบินช่วงไหนให้ได้ราคาที่คุ่มค่าที่สุด สามารถติดต่อสบถาม Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำให้เราดูแลคุณได้ นำทีมโดยผู้เชี่ยวชาญผู้มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วม 10 ปี เรามาพร้อมกับบริการงางโปรแกรมท่องเที่ยวอัมสเตอร์ดัม และ บริการจัดทัวร์เที่ยวอัมสเตอร์ดัม โดยแตกต่างจากที่อื่น โปรแกรมของเรามาในรูปแบบ Custom made ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถ Request เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวอาหาร และ โรงแรมได้อย่างไร้ข้อจำกัด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบของคุณ 

 

สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)

📞 | 02-047-0083

💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว