“ประเทศอิตาลี (Italy)” หรือ ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการ “สาธารณรัฐอิตาลี” (Repubblica Italiana) เป็นประเทศท่องเที่ยวในทวีปยุโรป บริเวณยุโรปใต้ในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตัวประเทศตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลี มีรูปทรงลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้าบูธ ประกอบไปด้วยเกาะขนาดใหญ่ 2 เกาะ ได้แก่ เกาะซิซิลี และ เกาะซาร์ดิเนีย ด้วยเหตุนี้ สถานที่เที่ยวอิตาลี และ เมืองต่างๆ จึงรายล้อมไปด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเกือบทุกด้าน ยกเว้นบริเวณทางตอนเหนือซึ่งติดกับพรมแดนฝรั่งเศส สวิสต์เซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย โดยมีเทือกเขาแอลป์กั้นระหว่างประเทศ จึงไม่แปลกใจที่นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาเยี่ยมชมประเทศอิตาลี (Italy) แล้ว ยังนิยมมาเที่ยวแบบทัวร์อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส ในครั้งเดียว เนื่องจากการเดินทางไปประเทศใกล้เคียงจากอิตาลีนั้น ง่าย และ รวดเร็ว สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟได้
นอกจากภูมิประเทศที่สวยงาม แน่นอนว่าอิตาลี (Italy) มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้อิตาลี (Italy) มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกกว่า ‘58 แห่ง’ (ทางวัฒนธรรม 53 แห่ง และ ทางธรรมชาติ 3 แห่ง) (ข้อมูลจากเว็บไซต์ Unesco) ส่งผลให้ประเทศอิตาลี (Italy) เป็นหนึ่งในสุดยอดจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ย และ บริษัททัวร์ เพราะต้องยอมรับว่า ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเที่ยวอิตาลี (Italy) หรือ ทัวร์แกรนด์อิตาลี เป็นประสบการณ์ “Once in a Life Time” จริงๆ
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศอิตาลี (Italy) เรื่องราวที่คุณอาจไม่รู้
หากพูดถึงประเทศทรงอิทธิพล และ มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุดของโลก คงจะมองข้ามอิตาลี (Italy) ไม่ได้ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อิตาลี (Italy) ได้ครองตำแหน่งประเทศมหาอำนาจผู้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรม และ ความเป็นอยู่ของประเทศใกล้เคียงในแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยนทั้งสิ้น นอกจากนี้อิตาลี ยังเป็นประเทศศูนย์กลางศิลปะวัฒนธรรม อารยธรรม และอำนาจของอาณาจักรโรมัน ซึ่งต่างเป็นรากฐานสำคัญของประวัติศาตร์โลก และ วิวัฒนาการมนุษย์
ประเทศอิตาลี (Italy) จึงเต็มไปด้วยมีเสน่ห์ และ สถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ที่รอให้คุณได้ไปค้นหา และ สัมผัสด้วยตา
1. เมืองหลวงของอิตาลี คือ อะไร ?
เมืองหลวงประเทศอิตาลี คือ “กรุงโรม (ROME)” นอกจากกรุงโรม จะเป็นเมืองหลวงของอิตาลีแล้ว กรุงโรมยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี โดยโบราณสถานสำคัญในเมืองต่างถูกสร้างขึ้นในอดีต ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญ และ ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันก็ยังคงอยู่จวบจนปัจจุบัน จนทำให้กรุงโรมได้รับฉายา “The Timeless City” หรือ “มหานครที่ไม่มีวันตาย”
ในปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ 4,316,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่หนาแน่นที่สุดในประเทศอิตาลี ส่งผลให้บรรยากาศกรุงโรม ค่อนข้างครึกครื้นตลอดทั้งปี
2. ภูมิประเทศ – อากาศ อิตาลี เป็นอย่างไร ?
- ภูมิประเทศ : ประเทศอิตาลีตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลี ทางตอนเหนือมีเทือกเขาแอลป์กั้นพรมแดนระหว่างประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย โดยในเทือกเขาแอลป์แห่งนี้ก็มีภูเขามอนเตบีอังโก (Monte Bianco) ซึ่งเป็นภูเขาฝั่งประเทศอิตาลี ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ประเทศอิตาลีกินพื้นที่กว่า 301,225 ตารางกิโลเมตร โดย 57 % เป็นพื้นที่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และ 25 % เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ โดยแม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศ คือ “แม่น้ำโป” และ “แม่น้ำไทเบอร์” ซึ่งทั้งสองได้ไหลผ่านกรุงโรม
- ภูมิอากาศ : ภูมิอากาศในอิตาลี แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยทางตอนเหนือมีอากาศแบบร้อนชื้น ในขณะที่พื้นที่บริเวณชายฝั่งติดทะเล และ พื้นที่ทางตอนใต้ลงไปจากเมืองฟลอเรนซ์ จะมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน หรือ อากาศแบบอบอุ่นตลอดทั้งปี ดังนั้น ประเทศอิตาลี จึงเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี
3. ภาษา – เชื้อชาติ – จำนวนประชากรในอิตาลี (Italy) มีอะไรบ้าง ?
“ชาวอิตาเลียน (Italian)” เป็นชื่อเรียกคนอิตาลี ที่มีต้นกำเนิดมาจากคนพื้นเมืองโรมันโบราณ โดยภาษาที่ใช้อย่างเป็นทางการคือ “ภาษาอิตาลี” อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ของประเทศจะใช้ภาษาอิตาลีที่ชื่อว่า “ภาษาซิซิลี” และ “ภาษาซาร์ดีเนีย” ซึ่งเป็นภาษาอิตาลี ต่างสำเนียง
ปัจจุบันจำนวนประชากรในประเทศอยู่ที่ 60 ล้านคน ในส่วนของเชื้อชาติ 94.2 % มีเชื้อชาติเป็นชาวอิตาลีแท้, 1.94% เป็นชาวอัลบาเนีย ยูเครน และ โรมาเนีย, 1.34% เป็นชาวแอฟริกัน, 0.92% เป็นคนเอเชีย 0.92%, 0.46% เป็นคนอเมริกาใต้ และ มีเชื้อชาติอื่นๆ ปะป่นในประเทศอีก 1.14%
4. สกุลเงิน อิตาลี คืออะไร – ไปเที่ยวควรแลกเงินไปเท่าไร ?
ก่อนที่อิตาลีจะเข้าร่วมกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปในปี ค.ศ. 2002 ได้ใช้สกุลเป็นสกุลลีรา แต่หลังจากที่ประเทศอิตาลีได้เข้าร่วมกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) จึงได้เปลี่ยนสกุลเงินมาเป็นยูโร (Euro)
ในส่วนของค่าครองชีพ และค่าเงินของประเทศอิตาลีไม่สูงมากนัก โดย 1 ยูโร เท่ากับ 37.656 บาท ดังนั้น หากเดินทางไปท่องเที่ยวอิตาลี 7 วัน ควรนำเงินไปอย่างน้อยประมาณ 70,000 บาท เพื่อให้สามารถใช้ครอบคลุมค่าที่พัก ค่าเดินทาง และ ค่าอาหารในแต่ละมื้อ
5. ฤดูในอิตาลี มีอะไรบ้าง – เที่ยวอิตาลีเดือนไหนดีที่สุด?
ประเทศอิตาลี มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง โดยสามารถแบ่งตามเดือนได้ดังนี้
- ฤดูหนาว – ตั้งแต่ 21 ธ.ค. – 20 มี.ค : อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 องศา ถือว่ากำลังเย็นสบาย ไม่หนาวมาก
- ฤดูใบไม้ผลิ – ตั้งแต่ 21 มิ.ย. – 20 มิ.ย. : อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15 – 20 องศา ซึ่งหากถามว่า เที่ยวอิตาลีเดือนไหนดี ขอแนะนำให้เที่ยวอิตาลีฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศกำลังดี ไม่หนาวจนเกินไป นอกจากนี้พระอาทิตย์ยังขึ้นเร็ว และ มืดช้า ทำให้ได้เวลาท่องเที่ยวที่คุ้มค่ามากขึ้น อีกทั้งยังมีความคล้ายคลึงกับฤดูใบไม้ผลิในยุโรปที่อื่นตรงที่นักท่องเที่ยวที่มาอิตาลีในฤดูใบไม้ผลิจะได้สัมผัสความงดงามของการผลิบานของดอกไม้ตามทางเดิน ตัดกับวิวทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว เรียกได้ว่าถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน
- ฤดูร้อน – ตั้งแต่ 21 มิ.ย. – 20 ก.ย. : อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28 – 30 องศา โดยเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด คือ เดือนกรกฎาคม ซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ 35 องศา
- ฤดูใบไม้ร่วง – ตั้งแต่ 21 ก.ย. – 20 ธ.ค. : อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20 องศา เป็นช่วงที่ให้บรรยากาศโรแมนติกที่สุดของปี เนื่องจากใบไม้ตามทางเดินเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง อีกทั้งยังเป็นหน้าที่พืช ผัก และ ผลไม้อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอิตาลีอีกด้วย
6. อาหารประจำชาติอิตาลี คืออะไร?
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประเทศอิตาลี นอกจากสถานที่เที่ยวอิตาลีทางสถาปัตยกรรมแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างตั้งหน้า ตั้งตารอ เพื่อที่จะได้ลิ้มรสกันนั้น คือ “พิซซ่า และ พาสต้า อิตาลี” ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติ
พิซซ่า อิตาลี แท้ๆ นั้น ไม่ใช่พิซซ่าแป้งหนานุ่ม ชีสเยิ้ม อย่างที่เรากินกันบ่อยๆ แต่ พิซซ่าอิตาลีแท้ๆ จะเป็นพิซซ่า ขอบแป้งบางกรอก มีชีสโรยหน้าเพียงเล็กน้อย และ ต้องได้รับการเข้าเตาอบโบราณ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมจากเตาในทุกคำ
7. เกี่ยวกับวีซ่าอิตาลี – จะไปเที่ยว ยื่นวีซ่าอิตาลี ประเภทอะไร ?
เนื่องจากประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกเชงเก้น ดังนั้นการเดินทางเข้ามายังประเทศอิตาลี นักท่องเที่ยวต้องทำการยื่นวีซ่าอิตาลี ประเภทวีซ่าเชงเก้น แบบท่องเที่ยวระยะสั้น (ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ซึ่งค่าธรรมเนียมสำหรับการยื่นวีซ่าอิตาลีสำหรับผู้ใหญ่ อยู่ที่ 80 ยูโร หรือ ประมาณ 3,000 บาท และ สำหรับเด็กอยู่ที่ 40 ยูโร หรือ 1,500 บาท
ในส่วนของระยะเวลาการยื่นวีซ่าอิตาลี ทางสถานทูจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15 วันทำการ ดังนั้น คุณจะต้องทำการยื่นวีซ่าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ที่เที่ยวอิตาลี และ แลนด์มาร์กแนะนำ !
อิตาลี เป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับที่เที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวเชิงธรรมชาติ สถาปัตยกรรม ศิลปะ และ วัฒนธรรม ไปจนถึง ย่านสถานที่ชอปปิงยอดฮิต อย่างที่อาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2 ที่เมือง มิลาน อิตาลี นั่นเอง
ซึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศอิตาลี ที่หากมาทัวร์แกรนด์อิตาลี (ทัวร์แกรนด์อิตาลี หมายถึง ทัวร์ท่องเที่ยวอิตาลี ที่พาคุณไปเยี่ยมชมแลนด์มากค์ ยอดฮิต ทั่วทั้งประเทศอิตาลี) ทั้งทีทางบริษัททัวร์ต้องไม่พลาด พาคุณมาเยี่ยมชมเมืองเหล่านี้แน่นอน โดยเมืองเหล่านั้น มีดังนี้
1. มิลาน อิตาลี
แน่นอนว่าเมื่อมาเที่ยวทัวร์แกรนด์อิตาลีทั้งที หากไม่มาแวะเมือง มิลาน อิตาลี ถือว่ามาไม่ถึงแน่นอน “มิลาน (MILAN)” หรือ “มิลาโน” นั้น เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย มีชื่อเสียงในเรื่องแฟชั่น ศิลปะ และ การออกแบบเป็นอันดับต้นๆ โลก เทียบเท่ากับ ‘ปารีส’ และ ‘นิวยอร์ก’
มิลาน อิตาลี เป็นเมืองที่เก่าแก่ มีอายุยาวนานกว่า 600 ปี และ มิลาน อิตาลี แห่งนี้ในอดีตก็เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) ส่งผลให้มีสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่ำรวย และ ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “มหาวิหารมิลาน (Milan Catheral)” มหาวิหารใจกลางเมือง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิค สีขาวโดดเด่น และ สวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก, และ “ศูนย์การค้า Galleria Vittorio Emanuele II” ศูนย์การค้าเก่าแก่ และ ใหญ่ที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบภายใน ทางเดินตัดรูปแปดเหลี่ยม และหลังคากระจกสามารถเห็นท้องฟ้าได้อย่างงดงาม และ น่าทึ่ง
2. โรม อิตาลี
“กรุงโรม” หรืออีกชื่อ “กรุงโรมา” เป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และ มีประชากรหนาแน่นที่สุดในอิตาลี เสน่ห์ของกรุงโรม คือความเก่าแก่ของบ้านเมือง เนื่องจากกรุงโรมนมีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี และถึงแม้ว่าสถาปัตกรรมบางส่วนจะเสื่อมโสรมไปตามกาลเวลา แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ และ ความรุ่งเรืองของกรุงโรม ซึ่งในอดีตเป็นถึงเมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน และเป็นต้นแบบของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีในปัจจุบัน สิ่งก่อสร้าง, โบราณสถาน และ มหาวิหารในกรุงโรมจึงยังคงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และ ความยิ่งใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกันในทุกที่
โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ในโรม หนีไม่พ้น โคลอสเซียม (The Colosseum), มหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica), น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) และ อีกมากมาย
3. เนเปิลส์ อิตาลี
เมืองเนเปิลส์ (Naples) หรือที่ชาวอิตาลีเรียกว่านาโปลี (Napoli) นั้น ไม่ได้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในประเทศอิตาลีเทียบเท่ากับกรุงโรม หรือ มิลานในกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่หากคุณได้มาทัวร์แกรนด์อิตาลี แล้วละก็ รับรองได้เลยว่า คุณจะได้แวะเที่ยวชมเมืองเนเปิลส์อย่างแน่นอน ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเมืองเนเปิลส์แห่งนี้ มีอะไรให้คุณได้เรียนรู้มากกว่าแค่ตาเห็น
เนเปิลส์ เป็นเมืองต้นกำเนิดของอาหารประจำชาติอิตาลี ‘พิซซ่า’ และ เป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าแก่อีกเมืองของอิตาลี ด้วยเหตุนี้ เมืองเนเปิลส์ จึงเป็นเมืองที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ เข้ากับ ความทันสมัยอย่างลงตัว
หากคุณอยากดื่มด่ำไปกับกลิ่นอายเมืองเก่าอิตาลีในสมัยก่อนอย่างแท้จริงแล้วละก็ สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเมเปิลส์ที่พลาดไม่ได้ ได้แก่ ย่านเมืองเก่า (Centro Storico Naples) ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่า ที่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตนูโว และ ย่าน ซานตาลูชีอา (Santa Lucia) หมู่บ้านริมทะเล ที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารพื้นเมือง ร้านค้าของฝากน่ารักๆ และ ร้านกาแฟ เพื่อให้คุณได้จิบกาแฟ พร้อมกับมองวิวทะเล และ เรือของชาวประมงหลากสีที่สวยงาม
4. เวนิส อิตาลี
“เวนิส อิตาลี” หรือที่ทั่วโลกให้ขนานนามว่า “The City of Romance” นั้น เป็นเมืองท่องเที่ยวของอิตาลีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เวนิส เป็นดินแดนแห่งสายน้ำ เกิดจากการรวมตัวของเกาะทั้ง 118 เกาะเชื่อมเข้าด้วยกัน ทำให้พื้นที่เมืองเวนิสส่วนใหญ่เป็นทะเล จุดเด่นที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก คือ การเดินทางของคนในเมือง ซึ่งจะเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก ส่งผลให้หนึ่งในไฮไลท์ คือการร่องเรือชมความงดงามของแม่น้ำ ‘แกรนด์คาแนล (Grand Canal)’
นอกจากการร่องเรือแล้ว เวนิส อิตาลี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมที่มาพร้อมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ให้ได้ตื่นตามากมาย เช่น มหาวิหารซันมาร์โก หรือ โบสถ์ทองคำ (โบสถ์ โรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี) และ พระราชวัง Doges Palace (พระราชวังที่ประทับของ Doge of Venice ในอดีต และ ในปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมความงดงามของสถาปัตยกรรมโกธิค) เป็นต้น
ทำไมนักท่องเที่ยวนิยมไปทัวร์สวิส อิตาลี
จากข้อมูลเว็บไซน์ทางการวีซ่าเชงเก้น พบว่าประเทศท่องเที่ยวในแทบทวีปยุโรป ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากที่สุดเป็นอับดับ 1 คือ ‘ประเทศฝรั่งเศส’, ‘ประเทศอิตาลี’ เป็นอันดับ 3 และ เทือกเขา Swiss Alps ซึ่งได้ติดอับดับ 3 สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำแห่งปี 2023
ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่แปลกใจ ที่นักท่องเที่ยวผู้มีแผนเดินทางมาท่องเที่ยวในแทบยุโรปหลายคน ได้เลือกเที่ยวแบบทัวร์กลุ่มประเทศ โดยทัวร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ “ทัวร์สวิส อิตาลี” และ “ทัวร์สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส” เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศอยู่ติดกัน เพียงแต่กั้นพรมแดนด้วยเทือกเขาแอลป์เท่านั้น
- ระบบขนส่งสาธารณะสำหรับเดินทาง ทัวร์สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส
สามารถเดินทางด้วยรถไฟ EuroCity ได้ (สามารถดูเส้นทาง รถไฟ Euro City ได้ที่นี้) และ มีราคาไม่แพง เช่นเส้นทางจาก เมือง ซูริก ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ไป เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง 15 นาที และ มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 29 ยูโร
ดังนั้นหากคุณได้ถือวีซ่าอิตาลี ประเภทวีซ่าเชงเก้น ซึ่งให้สิทธิคุณเดินทางไปยังประเทศสมาชิกเชงเก้นประเทศอื่นได้ โดยไม่ต้องทำวีซ่าเพิ่ม อย่าพลาดสิทธินี้นะคะ เพราะมาเที่ยวยุโรปทั้งที เก็บให้ครบ มาเที่ยวแบบทัวร์สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส เพื่อให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศ และ ประสบการณ์ที่แตกต่างใน 3 ประเทศในทริปเดียว
ไปอิตาลี ซื้ออะไรดี ของฝากประจำชาติที่ต้องซื้อกลับบ้าน!
แน่นอนว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวในอิตาลีแล้ว คำถามที่ว่า ไปอิตาลี ซื้ออะไรดี ยังคงเป็นคำถามยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากรู้ เพราะเมื่อได้ก้าวเท้าเข้าไปยังประเทศอิตาลีแล้ว คุณจะได้พบเจอกับร้านขายของฝากมากมาย นอกจากนี้ อิตาลี ยังเป็นประเทศที่มีสินค้าขึ้นชื่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เส้นพาสต้าแห้ง อาหารประจำชาติอิตาลี, เครื่องดื่มแฮลกอฮอล์ยอดนิยม อย่างเหล้า และ ไวท์, ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ทั้งรองเท้า และ เสื้อแจ็คเก็ต รวมไปจนถึง โปสการ์ดอิตาลี
ซึ่งคำถามที่ว่า “ไปอิตาลี ซื้ออะไรดี” ทาง Artralux ขอแนะนำดังนี้
- ไวท์ อิตาลี
ไวท์ เป็นเครื่องดื่มที่ชาวอิตาลี ใช้ดื่มระหว่างมืออาหาร ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก เนื่องจากไวท์ประเทศอิตาลี มีคุณภาพยอดเยี่ยม มีรสหวานเล็กน้อย อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่แพงมาก หาซื้อได้ง่าย โดยยี่ห้อไวท์อิตาลีแนะนำ ได้แก่ Barbera Piemonte, Lambrusco และ Montepulciano นั่นเอง
- เครื่องทำกาแฟ Moka Pot
เนื่องจาก “เครื่องกาแฟ Moka Pot” นี่ เป็นเครื่องกาแฟที่ได้ถูกคิดค้น โดยนักวิศวกรชาวอิตาลี ซึ่งเขาได้ใช้เทคนิค แรงดันไอน้ำจากด้านล่างขึ้นด้านบนส่งผ่านคั่วกาแฟ ออกมาเป็นเอสเพรสโซแสนอร่อยนั่นเอง
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่กำลังมีแผนท่องเที่ยวประเทศอิตาลี ในรูปแบบทัวร์ หรือ ต้องการเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเอง แต่ยังไม่แน่ใจเรื่องเส้นทาง และ สถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศอิตาลี ทาง Artralux เรามาพร้อมกับบริการวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยว ด้วยทีมงานคุณภาพ เราวางแผนเส้นทางท่องเที่ยวในอิตาลี ที่ครอบคลุมแลนด์มาร์กสำคัญแบบไม่ตกหล่น นอกจากนี้ Artralux ยังพร้อมรับฟังความต้องการของผู้เดินทาง และ ออกแบบทริปที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด เพื่อให้สามารถเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเองอย่างมีความสุข และ ได้รับความประทับใจมากที่สุด
และหากคุณกำลังสนใจทัวร์แกรนด์อิตาลี หรือ ทัวร์สวิส อิตาลี อยู่นั้น ทาง Artralux เรามีโปรแกรมทัวร์สวิส-อิตาลี “Unseen Switzerland & Italy” ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ให้คุณได้สมัผัสบรรยากาศ และ ดื่ด่ำ ความงดงามของช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ประเทศอิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ อย่างเต็มที่
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
