“Galleria Vittorio Emanuele II (กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2)” หรือ ที่บางครั้งก็มีชื่อเล่นว่า ‘il salotto di Milano’ ที่แปลเป็นไทยได้ว่า ‘ห้องวาดรูปในมิลาน’ นั้น เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว และ แลนด์มาร์กที่สวยงาม ซึ่งมีความสำคัญมากที่สุดอีกแห่งในกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี แม้ว่าสำหรับใครหลายคน Galleria Vittorio Emanuele II จะเป็นเพียงแค่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงมิลาน แต่ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และ แนวคิดที่อยู่ภายใต้การออกแบบ Galleria Vittorio Emanuele II (กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2) จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับมหาวิหาร และ โบราณสถานโบราณ อื่นๆ ในประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้
นอกจากความงดงามทางการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสุดหรูของร้านสินค้าแบรนด์เนมระดับแฟชั่นเฮ้าส์แถวหน้าของโลก จนทำให้ใครหลายคน สงสัยว่า “นี่ห้าง หรือ วัง กันแน่?” ห้างสรรพสินค้า Galleria Vittorio Emanuele II แห่งนี้ ยังเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี ด้วยอายุที่ยาวนานกว่า 19 ศตวรรษอีกด้วย
ครั้งนี้ Artralux ไม่พลาด ขอนำเสนอเรื่องราวความน่าสนใจของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II แลนด์มาร์กยิ่งใหญ่แห่งกรุงมิลาน พร้อมกับกิจกรรมที่พลาดไม่ได้หากคุณมีโอกาสมาเยือนห้าง Galleria Vittorio Emanuele II จะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย !
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ประวัติความเป็นมาของ Galleria Vittorio Emanuele II
เชื่อว่าทุกๆ บ้าน ย่อมมีห้องๆ หนึ่ง ที่คุณเอาไว้ต้อนรับแขก ซึ่งห้องนั้นเป็นห้องที่สวยที่สุดในบ้าน ถูกออกแบบ และ ตกแต่งอย่างดี เพื่อให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นมากที่สุด แน่นอนว่าที่กรุงมิลาน เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอิตาลี ก็มีห้องนั้น ซึ่งชาวอิตาลีเรียกสถานที่นั้นว่า “Milan’s Drawing Room” หรือ “ห้องวาดรูปของมิลาน” และห้องวาดรูปแห่งมิลานนี้เอง คือ ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี “Galleria Vittorio Emanuele II” (เรียกสั้นๆ ว่า ห้าง Galleria) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน ไม่ไกลจาก “มหาวิหารดูโอโม่” (Duomo di Milano) โบสถ์สถาปัตยกรรมโกธิคที่สวยงามเป็นอันดับ 3 ของโลก และ โรงโอเปร่า Teatro alla Scala ซึ่งเป็นโรงละครสกาล่าที่อลังการที่สุดอีกแห่งของโลก
ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี 1865 จนถึง 1877 โดยการออกแบบทางสถาปัตยกรรมของสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อดัง คุณ ‘Giuseppe Mengoni’ ซึ่งเขาได้ทำการออกแบบห้างแห่งนี้ให้เป็นห้างสถาปัตยกรรมสไตล์ ‘Italian Renaissance’ ขนาดใหญ่ คลุมด้วยหลังคากระจก สามารถมองเห็นท้องฟ้าจากด้านในอาคารได้ในทุกมุม
ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของการออกแบบทางสถาปัตยกรรมของประเทศอิตาลีก็ว่าได้ โดยชื่อของห้าง “Galleria Vittorio Emanuele II” นั้น เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อกษัตริย์องค์แรกของราชอาณาจักรอิตาลีนั่นเอง
กว่าจะมาเป็น Galleria Vittorio Emanuele II แลนด์มาร์กสุดอลังของมิลาน
ห้างแกลเลอเรีย (Galleria Vittorio Emanuele II) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Urban Project’ ด้วยจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงเมืองมิลาน ให้มีความทันสมัย และ ความเจริญรุ่งเรือง ภายหลังที่ประเทศอิตาลีได้รับอิสรภาพอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ 1895 ด้วยเหตุนี้การสร้างห้าง Galleria Vittorio Emanuele II จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างห้างสรรพสินค้าแบบโมเดิร์นอย่างในปัจจุบัน และจนถึงทุกวันนี้ ห้างแกลเลอเรีย ก็ได้กลายเป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศอิตาลี (Italian Unity) และ เป็นที่พบปะสังสรรค์ของคนกลุ่มชนชั้นนายทุนชาวมิลานอีกด้วย
จุดเด่น และ ไฮไลท์ Galleria Vittorio Emanuele II ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี
ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีแห่งนี้ มีจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะแน่นอนว่าเมื่อมาเที่ยวประเทศอิตาลี สิ่งที่นักท่องเที่ยวคาดหวังที่จะได้รับมากที่สุด คือ ความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณ ความก้าวหน้าของแฟชั่น และ ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งที่ห้างกัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2 (Galleria Vittorio Emanuele II ) แห่งนี้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวทั้ง 2 อย่างได้อย่างไร้ที่ติ เพราะเมื่อคุณได้ก้าวเท้าเข้ามา คุณจะได้ตื่นตะลึงกับสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ และ ความหลากหลายของร้านค้าแบรนด์เนม และ ร้านค้าพื้นเมืองที่แม้จะมีการบูรณะไปเมื่อช่วงยุคต้นปี 2000 แต่ก็ยังคงความคลาสสิกไว้ได้ไม่มีผิดเพี้ยน โดยจุดเด่นของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II มีดังนี้
-
ความงดงามของสถาปัตยกรรม Italian Renaissance
ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II เป็นห้างสรรพสินค้าโบราณตั้งอยู่ที่กลางกรุงมิลาน ถูกสร้างด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ ‘Italian Renaissance’ จุดเด่นอยู่ที่บริเวณทางเดินภายในห้าง ซึ่งออกแบบมาเป็น 2 ทาง มีจุดตัดที่ลานกว้างรูปทรงแปดเหลี่ยม รายล้อมไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนม, ร้านอาหาร, คาเฟ่ และ บาร์มากมาย ในส่วนของหลังคา มีลักษณะเป็นทรงโค้งตามแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นที่นิยมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่19 ทำจากเหล็กหล่อ ประดับ และ ตกแต่งด้วยแก้วสะท้อนเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นท้องฟ้าภายนอกได้อย่างชัดเจน
ในส่วนของพื้นทางเดิน ปูด้วยหินอ่อน ตกแต่งด้วยงานศิลปะโมเสกมากมาย มีทั้งศิลปะโมเสกที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของทวีปทั้ง 4 (เอเชีย, ยุโรป, อเมริกา และ แอฟริกา) และงานโมเสกรูปสัตว์ป่า 4 ผลงาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสำคัญ 4 แห่งของอิตาลี ได้แก่ เมืองตูริน, โรม, ฟลอเรนซ์ และ มิลาน
-
ที่ตั้งของร้านค้าแบรนด์เนมในตำนาน
แน่นอนว่านอกจากสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และ ยิ่งใหญ่ของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวตั้งหน้าตั้งตารอดูมากที่สุดนั้น คือ ความหลากหลายของร้านค้าแบรนด์เนม เพราะห้าง Galleria Vittorio Emanuele II แห่งนี้เอง เป็นที่ตั้งของหน้าร้านแบรนด์แฟชั่นเฮ้าส์ที่แรกๆ ของโลกอยู่หลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ Prada, Gucci, Louis Vuitton และ อีกมากมาย โดยห้างแกลเลอเรียนั้น เป็นที่ตั้งของร้าน ‘Fratelli Prada’ แห่งแรกของโลก ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์แฟชั่นมากกว่าร้านค้าทั่วไปเสียอีก
นอกจากร้านแบรดน์เนมแล้ว ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II ยังประกอบไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และ บาร์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกหลายแห่ง เช่น คาเฟ่, Caffe Biffi, Caffe Savini และ บาร์ Camparino เป็นต้น
-
ที่ตั้งโรงแรมระดับ 7 ดาว ที่แรกของโลก
นอกจากร้านค้าแบรนด์เนม และ ร้านอาหารระดับ High End มากมาย ห้างที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี แห่งนี้ ยังซ้อนโรงแรมหรูหราระดับ 7 ดาว ที่ชื่อว่าโรงแรม ‘Town House Seven Stars Gallerie’ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของโลก ที่ถูกเรทให้เป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว
ซึ่งโรงแรมที่จะได้รับเลือกให้เป็นโรงแรม 7 ดาวได้นั้น ต้องเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก, ต้องมีห้องสวีทมากกว่าห้องธรรมดา, และ มีบริการพ่อคร้ว บัตเลอร์ และ คนขับรถครบถ้วนนั่นเอง
สิ่งที่ต้องทำ เมื่อมาเยือน Galleria Vittorio Emanuele II
สิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องทำเมื่อได้มาเยือนห้างที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีอย่าง Galleria Vittorio Emanuele II นั้น แน่นอนว่าคือการชอปปิง พร้อมดื่มด่ำไปกับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และ บรรยากาศความหรูหราของห้างแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมี อีก 2 กิจกรรม ที่หากได้มีโอกาสมาเยือนห้าง Galleria แล้วละก็ ต้องไม่พลาด กิจกรรมนั้น มีดังนี้
1. ตามหา ‘The Milan Bull’ กระเบื้องโมเสกกระทิง เพื่อขอโชค
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าทางเดินของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II มิลานนั้น ตกแต่งด้วยกระเบื้องศิลปะ โมเสก ลวดลายสัญลักษณ์ของเมืองสำคัญทั้ง 4 เมือง ของประเทศอิตาลี ซึ่งมีความเชื่อว่าหากนักท่องเที่ยว เดินตามหาศิลปะโมเสก ลายกระทิง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตูริน และ เหยียบที่ตัวกระทิง พร้อมหมุนตัว 3 รอบ คุณจะได้รับความโชคดี นั่นเอง ซึ่งสังเกตุได้เลยว่า ตรงบริเวณอวัยวะสำคัญของน้องกระทิง ได้เกิดเป็นรอยดำ ซึ่งเกินจากร่องรอยการหมุนตัวของนักท่องเที่ยวนั่นเอง
2. ลิ้มรสเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่บาร์ CAMPARINO บาร์มหาตำนานแห่งมิลาน
หากมาเที่ยวห้าง Galleria Vittorio Emanuele II คุณต้องไม่พลาด กับการแวะดื่ม และ รับประทานอาหารที่ บาร์คัมพาริโน อิน แกลเลอเรีย (CAMPARINO in Galleria) ซึ่งเป็นบาร์ระดับตำนาน มีอายุยาวนานกว่า 170 ปี ซึ่งหากคุณเป็นคอเครื่องดื่ม Italian aperitif (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มก่อนรับประทานอาหาร) ชื่อดังจากประเทศอิตาลีแล้วละก็ ต้องแวะมาร้าน CAMPARINO สาขาที่ Galleria Vittorio Emanuele II เพราะที่นี้เป็นต้นกำเนิดของเครื่องดื่ม Italian Aperitif นั่นเอง
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ที่เที่ยวใกล้ Galleria Vittorio Emanuele II ที่พลาดไม่ได้
หลังจากที่จากที่ได้เที่ยวชมความความอลังการของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II หรือ ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีกันเสร็จแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวห้างแกลเลอเรียเท่าไรนัก เช่น มหาวิหารแห่งมิลาน (มหาวิหารดูโอโม่) และ ถนนมอนเต นาโปลีโอเน เป็นต้น
1. มหาวิหารแห่งมิลาน (ดูโอโม่)
มหาวิหารแห่งมิลาน หรือ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) นั้น ถือว่าเป็นที่สุดของแลนด์มาร์กสถาปัตยกรรมโกธิค ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ และ สวยงามมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ตั้งอยู่กลางจัตุรัสมหานครแฟชั่น หรือ ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ข้างๆ ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II นั่นเอง
ซึ่งนอกจากสถาปัตยกรรมโกธิคด้านนอกที่ยิ่งใหญ่แล้ว ด้านในยังตกแต่งด้วยภาพวาดฝาผนัง และ รูปปั้นกว่า 3000 ชิ้น อีกทั้งยังมีรูปสลักพระแม่มาเรียสูงกว่า 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ ชื่อว่า Madonnina (มาดอนนิน่า) นั่นเอง
2. ย่านชอปปิงหรู ถนนมอนเต นาโปลีโอเน (Via Monte Napoleone)
ถนนชอปปิง ถนนมอนเต นาโปลีโอเน (Via Monte Napoleone) แห่งนี้ เป็นถนนที่ติดอันดับถนนชอปปิงที่หรูหราที่สุดอีกแห่งของโลก ซึ่งแตกต่างจากถนนชอปปิงหรูที่อื่นในโลก ไม่ว่าจะเป็น Fifth Avenue ที่ นิวยอร์ก หรือ แม้แต่ Bond Street ที่กรุงลอนดอน เพราะที่ถนน Via Monte Napoleone แห่งนี้ ได้ผสมผสานความคลาสสิกของบรรยากาศ และ สถาปัตยกรรมแบบ Italian Old Town เข้ากับความก้าวหน้า และ ความเจริญทางด้านแฟชั่นของกรุงมิลานอย่างชัดเจน
นอกจากร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย ที่ถนนแห่งนี้ ยังมีอาคารทางประวัติศาสตร์มากมาย ได้แก่ อาคาร Palazzo Melzi di Cusano, The Casa Carcassola และ อาคาร The Palazzetta Tarverna เป็นต้น
เวลาทำการของห้าง Galleria Vittorio Emanuele II
– เวลาเปิดทำการ :
ห้างสรรพสินค้า Galleria Vittorio Emanuele II เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 น. ถึง 7:00 น. และ โดยจะหยุดทุกวันที่ 25 -26 ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลคริสมาร์ตของทุกปี
– ค่าเข้า :
การเข้าเที่ยวชม ห้าง กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2 ( Galleria Vittorio Emanuele II ) นั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการขึ้นไปชมดาดฟ้า เพื่อชมวิวอันสวยงาม จะมีค่าใช้จ่าย 12 €
– การเดินทางไปยังห้าง Galleria Vittorio Emanuele II :
การเดินทางไปเที่ยวชมห้างแกลเลอเรียนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะที่มิลาน มีระบบขนส่งสาธารณะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถเมล์ หรือ แม้กระทั่งรถแท็กซี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมใช้ระบบขนส่งสาธารณะประเภทรถไฟที่สุด เนื่องจากสะดวก และ มีราคาไม่แพง
โดยสถานีรถไฟที่ใกล้กับห้าง Galleria Vittorio Emanuele II มากที่สุด ได้แก่ สถานี Milano Cadorna ซึ่งอยู่ห่างจากตัวห่างเพียงแค่ 15 นาที โดยการเดินเท้า หรือ คุณสามารถต่อด้วย Metro สายสีแดง ลงที่สถานี Duomo คุณจะออกมาเจอกับห้าง และ มหาวิหารดูโอโม่ในทันที
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหน ที่สนใจเที่ยวประเทศอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวด้วยตัวเอง หรือ จะเที่ยวแบบทัวร์อิตาลี ทาง Artralux เรามาพร้อมกับบริการเขียนโปรแกรมทัวร์ ด้วยทีมงานมืออาชีพ มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 20 ปี เราพร้อมออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวประเทศอิตาลีตามแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณอยากจะไปชมความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารดูโอโม่ ชอปปิงที่ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II หรือ เรียนรู้ประวัติศาสตร์จากโบราณสถาน อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ ทาง Artralux เราจัดให้แบบไม่มีตกหล่น
และหากคุณอยากไปเที่ยวอิตาลีในรูปแบบทัวร์ Artralux ก็มาพร้อมกับโปรแกรมทัวร์ ‘Unseen Switzerland & Italy’ พร้อมที่พักระดับ 4 ดาว และ อาหารภัตตาคาร เกือบทุกมื้อ
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
