“เที่ยวเยอรมัน สักครั้งในชีวิต” เชื่อว่าข้อความดังกล่าว เป็นประโยคที่นักท่องเที่ยวหลายคนคิดเหมือนกัน เพราะหากกล่าวถึงประเทศในแถบยุโรปที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณที่ผสมผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว, รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งยังร่ำรวยไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกแล้ว “ประเทศเยอรมัน (Germany)” คงเป็นอันดับแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง
ประเทศเยอรมัน (Germany) หรือ ที่ชาวเยอรมันเรียกว่าประเทศ Deutschland (ด๊อยช์ลันด์) นั้นเป็นประเทศที่ได้รับฉายาว่า “The land of Poet and Thinker” ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เพราะรู้หรือไม่ว่าประเทศเยอรมันแห่งนี้ เป็นรากฐานของความคิดเชิงปรัชญา ดนตรี ศิลปะ และ วรรณกรรมที่แพร่หลายในระดับสากลจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่าเองคือเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวเยอรมันสักครั้งในชีวิต
วันนี้ Artralux บริษัททัวร์ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทยจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเยอรมันทั้งหมด สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนเที่ยวเยอรมันมาฝาก ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวเยอรมันเดือนไหนดีที่สุด, การเดินทางในประเทศเป็นอย่างไร, ควรเตรียมงบไปเท่าไหร่ รวมไปถึงแนะนำ 10 สถานที่เที่ยวเยอรมัน 2023 ฉบับอัปเดตที่ยอดฮิต ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เที่ยวเยอรมันให้สนุก ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเที่ยว
แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวเยอรมันกันนั้น เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเยอรมันซะก่อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประสบการณ์เที่ยวเยอรมันในครั้งนี้ มีแต่ความสนุก และ ไม่มีอุปสรรคใดๆ
เชื่อว่าเมื่อนึกถึงการเที่ยวเยอรมัน หลายคนคงนึกถึงประเทศที่เต็มไปด้วยปราสาทสไตล์ ‘Gothic Renaissance’, บรรยากาศที่หนาวเย็น, เสียงสังสรรค์ตามริมถนนจากร้านอาหาร และ บาร์ และ เครื่องดื่มเบียร์ชื่อดังแน่นอน อย่างไรก็ตามประเทศเยอรมันนั้น มีเสน่ห์มากกว่านั้น
ภูมิประเทศ
ประเทศเยอรมันตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป ทางตอนเหนือของประเทศติดกับประเทศเดนมาร์ก, ทางตอนใต้ติดกับสวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย, ตะวันออกติดกับสาธารณรัฐเช็ก และ โปแลนด์ ในส่วนของทิศตะวันตกนั้น อยู่ติดกับประเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก และฝรั่งเศส
ภูมิประเทศของประเทศเยอรมัน มีความหลากหลาย เช่น ทางเหนือ จะเป็นพื้นที่ราบต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง จึงเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของประเทศ ในส่วนตอนกลางของประเทศนั้น มีภูเขาสูงชัน ปกคลุมด้วยป่าไม้หนาแน่น และขณะที่ทางตอนใต้ เป็นที่ตั้งของเทือกเขาแอลป์ นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ที่เที่ยวเยอรมันทางธรรมชาติ จึงมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวนั่นเอง
สภาพอากาศ และ ฤดูกาล
ประเทศเยอรมัน เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศค่อนไปในทางหนาวเย็นตลอดทั้งปี (อุณหภูมิเฉลี่ยในหน้าร้อนของประเทศเยอรมัน อยู่ที่ระหว่าง 18 20 องศาเซลเซียส เท่านั้น) ประเทศเยอรมันมีทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน ดังนี้
- ฤดูใบไม้ผลิ : (มีนาคม – พฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส
- ข้อดีของการเที่ยวเยอรมันในฤดูใบไม้ผลิ : คือบรรยากาศที่รื่นเริง เนื่องจาก อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ทำให้ชาวเยอรมันนิยมออกจากบ้านมาเด่นเล่น ฉิบกาแฟ ดื่มเบียร์ และ นั่งปิกนิกกันที่สวนสาธารณะ โดยในช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่ดอกใบผลิบานสพรั่งอย่างเต็มที่อีกด้วย
- ฤดูร้อน : (มิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส แต่ในบางวันอาจจสูงถึง 30 องศา
- ข้อดีของการเที่ยวเยอรมันในหน้าร้อน : จะเป็นช่วงที่ประเทศเยอรมันจัดเทศกาลมากมาย, มีเมนูอาหารที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีกิจกรรมกลางแจ้งมากกว่าฤดูอื่นๆ
- ฤดูใบไม้ร่วง : (กันยายน – พฤศจิกายน) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส
- ข้อดีของการเที่ยวเยอรมันในฤดูใบไม้ร่วง : ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม ใบไม้เริ่มเกิดการเปลี่ยนสี เป็นสีเหลือง และ ส้ม ให้บรรยากาศที่สวยงาม นอกจากนี้ ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศเยอรมัน ยังเป็นช่วงเทศกาล Oktoberfest หรือ เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
- ฤดูหนาว : (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 ถึง -5 องศาเซลเซียส
- ข้อดีของการเที่ยวเยอรมันในฤดูหนาว : เที่ยวเยอรมันหน้าหนาว เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประเทศเยอรมันมีหิมะตกในเดือนธันวาคม และเนื่องจากประเทศเยอรมัน ประกอบไปด้วยปราสาทจำนวนมาก หิมะที่ตกลงบนตัวปราสาท จึงสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในช่วงเดือนธันวาคม ในแต่ละเมืองจะจัดเทศกาลคริสต์มาส และ มีการตกแต่งถนน ด้วยไฟอย่างสวยงาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจเที่ยวเยอรมันในหน้าหนาว ยังสามารถเล่นกิจกรรมหน้าหนาว เช่น การเล่นสกีหิมะ เป็นต้น
เที่ยวเยอรมันเดือนไหนดี
หากถามว่าเที่ยวเยอรมันเดือนไหนนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบบรรยากาศบ้านเมืองแบบไหน สำหรับใครที่อยากเที่ยวเยอรมันในช่วง High Season แนะนำเป็นช่วงเดือน มิถุนายน – สิงหาคม ซึ่งเป็นหน้าร้อน ต้นไม้มีความเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ อากาศไม่ร้อนมาก นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่มีเทศกาลเยอะ ในทางตรงกันข้าม หากท่านชอบเที่ยวช่วง Low Season แนะนำเป็นในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่หิมะตกหนักปกคลุมไปทั่วเมือง บ้านเมืองค่อนข้างเงียบ แต่ก็สวยงามไปอีกแบบ
ภาษา
ภาษาทางราชการที่ใช้ในการสื่อสาร คือ ภาษาเยอรมัน อย่างไรก็ตาม ในบางภูมิภาค อาจจะพบการใช้ภาษาเดนมาร์ก, ภาษา Frisian, Sorbian และ Romany Roma ซึ่งเป็นภาษาของภูมิภาคนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน คนเยอรมันเริ่มพูดภาษาอังกฤษกันได้พอสมควร ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวเยอรมัน จึงสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
สกุลเงิน
แต่ก่อนประเทศเยอรมันใช้สกุลเงินเป็น “มาณ์คเยอรมัน (DEM)”แต่หลังจากปีพ.ศ 2545 ทางการเยอรมันได้เปลี่ยนสกุลเงินมาเป็นสกุลยูโร (EUR) แทน ซึ่งในปัจจุบัน 1 ยูโร เท่ากับ 37.76 บาทไทย
แนะนำ 10 ที่เที่ยวเยอรมัน เด็ดจริง สวยทุกชอต
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่มีสภาพภูมิประเทศหลากหลาย ดังนั้นนักทอ่งเที่ยวจึงสามารถเที่ยวเยอรมันได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเที่ยวแบบดื่มด่ำกับธรรมชาติ หรือ จะชมความงดงามของศิลปะ และ สถาปัตยกรรมของปราสาทต่างๆ ในประเทศ โดย 10 สถานที่เที่ยวเยอรมันนี่ เป็นสถานที่เที่ยวเยอรมัน 2023 ฉบับอัปเดต ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด !
1. เมืองเบอร์ลิน (ฺBerlin)
ที่เที่ยวเยอรมัน ที่ถ้าไม่ได้มาเยี่ยมเยือนถือว่ามาไม่ถึง คงหนีไม่พ้น “เมืองเบอร์ลิน” ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมัน อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ “กำแพงเบอร์ลิน” กำแพงขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตได้แบ่งกั้นพรมแดนเยอรมันตะวันตก และ เยอรมันตะวันออก ออกจากกันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง เมืองเบอร์ลินจึงกลายเป็นเมืองเที่ยวเยอรมันที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย จนทำให้เบอร์ลินนั้น เป็นเมืองที่ติด 1 ใน 5 เมืองในทวีปยุโรปที่มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดในทุกปี
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทางประวัติศาสตร์มากมายที่ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์ลินแล้ว เบอร์ลินยังเป็นศูนย์กลางของย่านช้อปปิ้งชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ย่านถนนฟริดริช (Friedrichstraße) ซึ่งเป็นเส้นถนน สายประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็น และ แหล่งช้อปปิ้ง ที่รายล้อมไปด้วยร้านสินค้าแบรนด์เนม โรงแรมระดับ 5 ดาว โชว์รูมรถหรู และ อีกมากมาย ซึ่งถนนเส้นนี้ ในอดีตถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจัตุรัสกลางเมือง เป็นศูนย์รวมความเจริญ ก่อนที่จะถูกทำลายลงในยุคสงครามเย็นด้วยระเบิดในค.ศ 2008 และ ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนเจริญรุ่งเรืองอย่างในปัจจุบัน ดังนั้น ถนนเส้นนี้จึงเป็นที่เที่ยวเยอรมันที่นักท่องเที่ยว และ พลเมืองเยอรมันเองให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
2. กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)
แน่นอนว่าที่เที่ยวเยอรมันที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ ที่กำแพงเบอร์ลิน (ฺBerlin Wall) หรือ ที่คนเยอรมันเรียกกันว่า Berliner Mauer ซึ่งกำแพงดังกล่าวนั้น เป็นกำแพงทางประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ มีขนาดยาวกว่า 160 กิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ 1961 หลังจากที่ประเทศเยอรมันได้พ่ายแพ้สงครามให้แก่ประเทศพันธมิตร ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐ และ สหภาพโซเวียต เพื่อแบ่งแยกเมืองหลวงของเยอรมันออกจากกัน โดยทางตะวันตกถูกควบโดยฝรั่งเศส อังกฤษ และ สหรัฐ ในขณะที่ทางตะวันออกถูกควบคุมโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งกำแพงเบอร์ลินแห่งนี้ ได้แบ่งแยกประเทศเยอรมันออกจากกันร่วมกว่า 30 ปี ดังนั้นสำหรับชาวเยอรมันแล้ว กำแพงเบอร์ลิน ถือเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น
โดยรูปผู้ชายสองคนจูบกัน อันโด่งดังนั้น จริงๆ แล้ว เป็นรูปของผู้นำสหภาพโซเวียต “เลโอนิด เบรจเนฟ” และ ผู้นำแห่งเยอรมนีตะวันออก “เอริค โฮเน็กเกอ” ได้ทักทายกัน โดยการจูบกันที่ปาก ซึ่งการทักทายนี้เรียกว่า “Socialist fraternal kiss” ซึ่งเป็นการจูบตามธรรมเนียมของเยอรมันตะวันออกนั่นเอง
3. เกาะพิพิธภัณฑ์ (Museumsinsel) หรือ Berlin’s Museum Island
หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ และ ชื่นชมศิลปะแล้วละก็ “เกาะพิพิธภัณฑ์” หรือ Museumsinsel เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเยอรมันที่ไม่ควรพลาด โดยเกาะแห่งนี้ เป็นเกาะกลางแม่น้ำสปรี (Spree) เป็นเกาะที่รายล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์ และ หอศิลป์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถาน วัตถุโบราณ และ ผลงานศิลปะต่างๆ ที่ได้อนุรักษ์ไว้ยาวนานกว่า 600 ปี จนทาง Unesco ได้จดทะเบียนให้เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย
โดยเกาะแห่งนี้ มีพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญอยู่ 3 แห่ง ดังนี้
- Altes Museum หรือ Old Museum : พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์อันเก่าแก่ ก่อวร้างขึ้นเมื่อปี 1830 โดดเด่นด้วยสไตล์นีโอคลาสสิก เป็นที่ตั้งของงานศิลปะและประติมากรรมกรีกโบราณมากมาย
- Neues Museum หรือ New Musuem : จุดเด่นของ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือเป็นที่ตั้งของศิลปะ เพื่อการศึกษาทางประวัติศาสตร์ และ มนุษยชาติ ตั้งแต่สมัยยุคหินจนถึงยุคกลาง
- Pergamon Museum : เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ชมชื่อเสียงที่สุดของประเทศเยอรมัน ด้านนอกมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นที่เก็บรวบรวมของศิลปะอิสลามจากตะวันออกกลาง และ ชิ้นส่วนดวงดาวอีกด้วย
ซึ่งนอกจากพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 ที่นี้แล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ และ หอศิลป์ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม หากมีโอกาสมาเที่ยวเยอรมันนานๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ Alte Nationalgalerie, พิพิธภัณฑ์ Bode Museum และ อีกมากมาย
ดังนั้น หากมาเที่ยวเยอรมันแล้ว ท่านวางแผนเที่ยวเยอรมัน 12 วัน หรือ อย่างน้อย 5 วัน ประเทศแค่เมืองเบอร์ลินเมืองเดียวก็กินเวลาไป 2-3 วันแล้ว
4. เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt)
เมืองแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเมืองที่เที่ยวเยอรมันอีกที่ที่ไม่ควรพลาด ตัวเมืองตั้งอยู่ที่แม่น้ำไมน์ เป็นอีกเมืองที่มีขนาดใหญ่ และ มีเสน่ห์อย่างมาก ของประเทศเยอรมัน เมืองแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเมืองที่ได้ผสมผสานความเจริญ และ สถาปัตยกรรมโบราณเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ในชนิดที่ว่า ท่านสามารถเห็นตึกที่สูงใหญ่ สลับกับ อาคารสถาปัตยกรรมโบราณ ได้ในพื้นที่เดียวกันก็ว่าได้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ได้แก่ที่ จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg Square) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าที่รอบล้อมไปด้วยบ้านเมืองสถาปัตยกรรมโบราณสไตล์โกธิค ที่ได้ก่อสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยในจุดนี้จะมีแลนด์มาร์กถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้นั่นคือ “น้ำพุแห่งความยุติธรรม”
5. เมืองบัมแบร์ก (Bamberg)
หากมาเที่ยวเยอรมัน 5 วัน หรือ มีเวลาเหลือ อีกหนึ่งเมืองที่ต้องไม่พลาด ได้แก่ เมืองบัมแบร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี 1993 จุดเด่นของเมืองนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางศาสนา ศิลปะ และ วัฒนธรรม แล้ว สถาปัตยกรรมของบ้านเมืองในเมืองนี้ ยังเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ ซึ่งในอดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น ทั่งนี้เนื่องจาก เมืองบัมแบร์ก เป็นเมืองในประเทศเยอรมัน ที่ไม่ได้บูรณะบ้านเมือง เหมือนกับเมืองอื่นๆ ของประเทศเยอรมัน
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบัมแบร์ก และ เป็นที่ทเี่ยวเยอรมันที่พลาดไม่ได้ ได้แก่ ศาลาว่าการเมืองหลวงเก่า (Altes Rathaus) ซึ่งตั้งอยู่กลางแม่น้ำเร็กนิทซ์ใจกลางเมืองเก่า โดยมีแขนสะพานเชื่อมทั้งสองฝั่งระหว่างฝั่งเมือง กับสถานที่ทางศาสนาเข้าด้วยกันนั่นเอง
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
6. เมืองโคโลญ (Cologne)
อีกหนึ่งเมืองเก่าซึ่งเป็นที่เที่ยวเยอรมัน ที่มีชื่อเสียงในระดับสากลได้แก่เมือง เมืองโคโลญ (Cologne) หรือ ที่เขียนเป็นภาษาเยอรมันว่า Köln สาเหตุที่ทำให้เมืองแห่งนี้ เป็นที่เที่ยวเยอรมันที่ได้รับความนิยมนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคอาณาจักรโรมันโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อนักท่องเที่ยวนึกถึงเมืองโคโลญ แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขานึกถึงนั้น คือ มหาวิหารอันยิ่งใหญ่และงดงามที่ตั้งอยู่ที่เมืองนี้อย่าง Cologne Cathedral (มหาวิหารโคโลญ)
Cologne Cathedral หรือ Kolner Dom (มหาวิหารโคโลญ) เป็นมหาวิหารที่เก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1248 และใช้เวลาก่อสร้างร่วม 600 ปี มาพร้อมกับสไตล์โกธิคโบราณ ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่การใช้วัสดุหินทรายขาวในการก่อสร้าง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป วัสดุทรายขาว เริ่มมีการเปลี่ยนสีเป็นสีดำ จึงกลายเป็นปราสาทสีขาว สลับ ดำ อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ และนอกจากสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว สถานที่แห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก อีกด้วย
7. ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)
หากคุณเป็นสายการ์ตูนดิสนีย์ หรือ ดิสนีย์แลนด์แล้วละก็ ที่เที่ยวเยอรมันที่ไม่ควรพลาด คือ ที่ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) เพราะปราสาทแห่งนี้เอง เป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ในปัจจุบัน ความพิเศษของปราสาทแห่งนี้ คือ สถานที่ตั้งที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งนี้เนื่องจากปราสาทนี่ ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บนผ่าหินขนาดยักษ์ที่มีความสูงกว่า 200 เมตรอีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำพอลลัทได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นปราสาทที่มีความสวยงามราวกับหลุดออกมาจากโลกนิยายอย่างไรอย่างนั้น
8. เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber)
เมืองที่มีชื่อยาวเหยียดแห่งนี้ เป็นเมืองที่เที่ยวเยอรมัน ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยบรรยากาศของเมืองที่รายล้อมไปด้วยบ้าน และ อาคารสีสันสดใส ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และ เรอเนสซองส์ บ้านเมืองมีขนาดเล็ก ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ถนนถูกสร้างด้วยหินปูน สร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เมืองนี้ยังโอบล้อมด้วยป้อมกำแพงโบราณอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่บริเวณ “Plonlein (เพลินไลน์)” ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูป ที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดของเมืองนั่นเอง
9. พระราชวังซองซูซี (Sanssouci Palace)
พระราชวังซองซูซี (Sanssouci Palace) เป็นพระราชวังที่ประทับในฤดูร้อนของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ซึ่งมีความสวยงามที่สุดอีกแห่งในประเทศเยอรมัน ตัวพระราชวังตั้งอยู่ที่เมืองพอทสดัม (Potsdam) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ห่างจากเมืองเบอร์ลินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เพียง 26 กิโลเมตร
จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้ คือ ความงดงามทางสถาปัตยกรรม และ ความหรูหรา จากการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรม และ ศิลปะสไตล์รอคโคโค ในส่วนของทางขึ้นบันไดบริเวณหน้าพระราชวังนั้น ถูกตกแต่งด้วยสวนองุ่นทั้งสองข้างทางท ซึ่งจะเบ่งบานอย่างเต็มตัวในฤดูร้อนอย่างสวยงาม อย่างไรก็ตาม พระราชวังแห่งนี้ เปิดให้เข้าชมเฉพาะในเดือนเมษายนถึงตุลาคมเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีค่าเข้า 12 ยูโร
10. ปราสาทซวิงเกอร์ (Zwinger Palace)
ที่เที่ยวเยอรมันที่สุดท้าย ที่ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง มากับทัวร์ หรือ มากับคนพิเศษ จะต้องแวะมาเที่ยวชมความงดงามของที่แห่งนี้ให้ได้ ซึ่งที่ดังกล่าวนั้น คือที่ปราสาทซวิงเกอร์ (Zwinger Palace) ซึ่งเป็นพระราชวังในเมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมัน ออกแบบด้วยการใช้สถาปัตยกรรมบาโร้ค (Baroque) อีกทั้งยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้าง และ สถาปัตยกรรมของพระราชวังแวร์ซายในประเทศฝรั่งเศส
จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยใช้หินอ่อนสีขาวเป็นหลัก นอกจากนี้ตรงบริเวณประตูเข้าราชวัง ยังมีลักษณธเป็นซุ้ม คล้ายคลึงกับลักษณธของประตูชัยในประเทศฝรั่งเศส ภายในวังมีลานกว้าง เป็นสวน ทางเดิน และ บ่อน้ำพุ ซึ่งให้บรรยากาศที่ร่มรื่นเป็นอย่างมาก
FAQ เที่ยวเยอรมันที่พบบ่อย
Q1: ไปเที่ยวเยอรมันต้องขอวีซ่าไหม ใช้วีซ่าอะไร
การจะเที่ยวเยอรมันได้นั้น จำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้นเยอรมัน (Germany Schengen Visa) ทั้งนี้เนื่องจากที่ประเทศเยอรมัน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสมาชิกเชงเก้น ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์เที่ยวเยอรมันระยะสั้น ไม่เกิน 90 วัน จะต้องทำการขอวีซ่าเชงเก้นประเภทท่องเที่ยวระยะสั้น หรือ วีซ่าเชงเก้นประเภท C ซึ่งการถือวีซ่าประเภทนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับการอนุญาตในเที่ยวเยอรมัน รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรปได้ไม่เกิน 90 วัน นั่นเอง
Q2: เที่ยวเยอรมัน งบเท่าไร
คำถามที่ว่า “เที่ยวเยอรมัน งบเท่าไรดี” หรือ “เที่ยวเยอรมันค่าใช้จ่ายเยอะไหม” จริงๆ ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของแต่ละเมืองที่ท่านเดินทางไปท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนเที่ยวเยอรมัน 2023 ท่านควรเตรียมเงินไปให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละวันอย่างน้อย 80 ยูโรต่อวัน หรือ 3,000 บาท ต่อวัน ซึ่งจำนวนดั่งกล่าวนั้น ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน และ ค่าที่พัก
ในปัจจุบัน การเที่ยวเยอรมัน ค่าใช้จ่าย สามารถแตกออกได้ดังนี้
- ค่าอาหารโดยเฉลี่ยแต่ละวัน อยู่ที่มื้อละ 15-20 ยูโร (ราคาค่าอาหารทั้ง 3 มื้อ อยู่ที่ประมาณ 50 ยูโร ต่อวัน )
- ค่ารถไป Subway ราคาโดยประมาณต่อเที่ยวอยู่ที่ 3.99 ยูโร
- * หากต้องการเดินทางไปต่างเมือง ค่าบริการรถบัสจะอยู่ที่ 100 ยูโร
Q3: เที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง ยากไหม
เที่ยวเยอรมันด้วยตัวเองนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งจริงๆ แล้ว ประเทศเยอรมัน เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวด้วยตัวเองซะอีก ทั้งนี้เนื่องจาก ประเทศเยอรมัน มีความหลากหลาย และ ทั่วถึงทางระบบขนส่งสาธารณะ โดยมีให้นักท่องเที่ยวเลือกตั้งแต่ รถไฟในเขตเมือง (S-Bahn), รถไฟใต้ดิน (U-Bahn), รถราง ( Trambahn) รวมไปจนถึงรถเมล์ ซึ่งสามารถหาซื้อตั๋วได้ง่าย ตามป้ายรถเมล์ หรือ ในบางครั้ง ก็สามารถซื้อตั๋วบนรถเมล์ได้เลย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเมืองอื่น จะนิยมเดินทางด้วยการใช้บริการรถไฟแห่งประเทศเยอรมนี หรือ Deutschen Bahn (DB) ซึ่งหากทำการจองตั้งแต่เนินๆ จะได้ราคาที่ค่อนข้างถูก ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทาง และ ความปลอดภัยของประเทศที่มาพร้อมกับกฏหมายที่ครอบคลุม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวเยอรมันด้วยตัวเองได้อย่างไม่มีปัญหานั่นเอง
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหน ที่สนใจเที่ยวเยอรมัน ไม่ว่าจะเที่ยวเยอรมันด้วยตัวเอง หรือ เที่ยวเป็นกลุ่ม และไม่ว่าจะเที่ยวเยอรมันนานแค่ไหน จะเที่ยว 5 วัน 7 วัน หรือ 12 วัน ด้วยบริการท่องเที่ยว แบบ Incentive ของ Artralux เราสามารถรังสรรค์เส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวเยอรมันได้อย่างที่คุณต้องการแบบไม่มีข้อจำกัด นอกจากนี้ ทาง Artralux ยังมาพร้อมกับบริการยื่นวีซ่าที่ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนกระทั่งคุณได้รับวีซ่า
สำหรับท่านไหนที่ต้องการข้อมูลแพ็กเกจทัวร์ของทาง Artralux สามารถเข้าชมได้ที่นี่
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
