หากพูดถึงสวนสนุกระดับโลกแล้วนั้น “ดิสนีย์แลนด์ อเมริกา” ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของดิสนีย์แลนด์ทั่วโลก หลังจากที่ วอลต์ ดิสนีย์ ได้นำเสนอแนวคิดดิสนีย์แลนด์หลังจากไปเที่ยวสวนสนุกที่ต่าง ๆ พร้อมกับลูกสาวของเขา และคิดว่าควรมีสถานที่ที่พ่อแม่ และลูกสามารถสนุกด้วยกันได้ จึงได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของดิสนีย์แลนด์ในทุกวันนี้นั่นเอง โดยทุกวันนี้นั้นดิสนีย์แลนด์ก็ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว และยังเป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย
ในวันนี้เองทาง Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศ จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ ดิสนีย์แลนด์อเมริกา ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 สถานที่ด้วยกันคือ วอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต (Walt Disney World Resort) และ ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ (Disneyland California Adventure) ซึ่งหากใครกำลังจะไปทัวร์อเมริกา และต้องการที่จะไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ของที่นี่ เราก็มีข้อมูลดี ๆ มาให้กับทุก ๆ ท่านแล้ววันนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเครื่องเล่นที่น่าสนใจ ที่บอกเลยว่าห้ามอย่างเด็ดขาด ไปรับชมกันได้เลย
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ประวัติของดิสนีย์แลนด์ อเมริกา (Disneyland USA)
ดิสนีย์แลนด์แห่งแรกของโลกในแอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เปิดตัวในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 (1955) ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น และความหวังของวอลต์ ดิสนีย์ ที่มีต่อสวนสนุกที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย จากการเปิดตัวในปี 1955 ดิสนีย์แลนด์ได้กลายเป็นมากกว่าสวนสนุก มันเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ความฝัน และการสร้างสรรค์ที่ไม่มีขีดจำกัด วอลต์ ดิสนีย์ไม่เคยหยุดฝันถึงการขยาย และปรับปรุงดิสนีย์แลนด์ ทำให้สวนสนุกแห่งนี้ยังคงเติบโตและเป็นที่รักของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก
และหลังจากปี 2000 ก็ได้เปิดตัวดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อขยายขอบเขตของ Disneyland Resort และเพิ่มความหลากหลายในการเสนอประสบการณ์และการผจญภัยใหม่ๆ ให้กับผู้เยี่ยมชมอีกด้วยนั่นเอง
ดิสนีย์แลนด์อเมริการะหว่าง Walt Disney World Resort กับ Disneyland California Adventure แตกต่างกันอย่างไร ?
ตำแหน่งที่ตั้ง
- Walt Disney World Resort ตั้งอยู่ในออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มากและประกอบด้วยสวนสนุกหลายแห่ง รวมถึง Magic Kingdom, Epcot, Disney’s Hollywood Studios, และ Disney’s Animal Kingdom
- Disneyland California Adventure Park ตั้งอยู่ในแอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสวนสนุกที่ตั้งอยู่ติดกับ Disneyland Park ซึ่งเป็นสวนสนุกแห่งแรกของดิสนีย์
ขนาดและความกว้างขวาง
- Walt Disney World มีขนาดใหญ่กว่ามาก ครอบคลุมพื้นที่ราว 25,000 เอเคอร์ ทำให้เป็นหนึ่งในสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดและความกว้างขวาง ผู้เยี่ยมชมอาจต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อสำรวจทุกส่วนของดิสนีย์
- Disneyland California Adventure มีขนาดเล็กกว่ามาก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 72 เอเคอร์ ผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจสวนสนุกได้ในเวลาไม่กี่วัน เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกว่า
จุดเด่นและธีม
- Walt Disney World นำเสนอประสบการณ์ที่หลากหลาย รวมถึงธีมและประเทศต่างๆ จากทั่วโลกใน Epcot การผจญภัยในภาพยนตร์และโทรทัศน์ใน Disney’s Hollywood Studios และการสำรวจโลกแห่งสัตว์ป่าใน Disney’s Animal Kingdom
- Disneyland California Adventure เน้นไปที่การฉลองรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมด้วยความหลากหลายของการผจญภัย และประสบการณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ และเรื่องราวของดิสนีย์ และพิกซาร์
ค่าใช้จ่ายของวอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต (Walt Disney World Resort) โดยประมาณ
- ค่าตั๋วเข้าสวนสนุก ค่าตั๋วเข้า Walt Disney World Resort แตกต่างกันไปตามฤดูกาลและวันที่เข้าชม ค่าตั๋ว 1 วันเริ่มต้นประมาณ 109 – 159 ดอลลาร์สหรัฐ/คน (ประมาณ 3,900 – 5,700 บาท) ค่าตั๋วอาจมีการเปลี่ยนแปลง และมีราคาสูงขึ้นในช่วงท่องเที่ยว
- ที่พัก ราคาห้องพักแตกต่างกันไปตามประเภทของโรงแรมและฤดูกาล ค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อคืนอยู่ในช่วง $100 – 500 ดอลลาร์สหรัฐ/คืน (ประมาณ 3,600 – 18,000 บาท)
- อาหารและเครื่องดื่ม ขึ้นอยู่กับการเลือกร้านอาหาร และประเภทของมื้อที่คุณรับประทาน ค่าอาหารต่อวันอาจอยู่ระหว่าง $20 – 100 ดอลลาร์สหรัฐ/คน (ประมาณ 700 – 3,500 บาท) ขึ้นอยู่กับการเลือกสถานที่รับประทาน
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ค่าขนม ของที่ระลึก และกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ในสวนสนุก และค่าบริการ FastPass+ หากต้องการเข้าใช้งานเครื่องเล่นโดยไม่ต้องรอคิวนาน
ท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Walt Disney World Resort เพื่อดูรายละเอียดของเครื่องเล่น กิจกรรมพิเศษ การแสดงพาเหรด และข้อมูลอื่นๆได้เลยที่: https://www.disneyworld.disney.go.com/
ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/mksBc1aafArPks679
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
อัพเดท 2024 โซนธีมของวอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต (Walt Disney World Resort) แบ่งได้อย่างไรบ้าง ?
วอลต์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต นั้นประกอบไปด้วยสวนสนุกหลักทั้งหมด 4 แห่ง และพื้นที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจ โซนธีมหลักของรีสอร์ทแบ่งออกได้ดังนี้
1. Magic Kingdom ดินแดนแห่งเวทมนตร์
เป็นสวนสนุกแห่งแรกและเป็นที่รู้จักมากที่สุดใน Walt Disney World Resort ที่นี่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่น่าหลงใหล เช่น Cinderella Castle และมีโซนย่อยหลายแห่ง เช่น Fantasyland, Frontierland, Adventureland, และ Tomorrowland
จุดเริ่มต้นที่ Main Street U.S.A. ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของสวนสนุก บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความคลาสสิกของอเมริกาในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และการแสดงต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคนั้นเลยทีเดียว
การผจญภัยในโซนธีมต่าง ๆ
Magic Kingdom แบ่งออกเป็นหลายโซนธีม ที่แต่ละโซนมีเอกลักษณ์และเรื่องราวเฉพาะตัว
- Adventureland เชิญชวนให้คุณออกเดินทางสู่โลกแห่งการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือใน Jungle Cruise หรือการเดินทางไปยังตำนานของ Pirates of the Caribbean ที่ยังไงก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
- Frontierland มอบประสบการณ์ของชีวิตชาวตะวันตก พาคุณผ่าน Big Thunder Mountain Railroad และแม่น้ำของ Liberty Square
- Liberty Square เป็นการย้อนเวลากลับไปยังอเมริกาในยุคการปฏิวัติ โดยมี Haunted Mansion เป็นไฮไลท์หลักที่คุณไม่ควรพลาด
- Fantasyland เป็นหัวใจของ Magic Kingdom ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นที่ได้แรงบันดาลใจจากเทพนิยาย และการ์ตูนดิสนีย์ยอดนิยมมากมาย ที่จะมาลายล้อมคุณจากทุกที่ที่คุณไป
- Tomorrowland นำเสนอโซนธีมโลกในอนาคตที่มี Space Mountain เป็นจุดเด่นที่คุณไม่ควรพลาด และการแสดงวิสัยทัศน์ของอนาคตที่น่าสนใจมาก ๆ
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
การแสดงพลุไฟที่ปราสาทซินเดอเรลล่า จะเกิดขึ้นในทุกคืน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ซึ่งเป็นการแสดงที่นำเสนอเรื่องราว และตัวละครจากดิสนีย์ในรูปแบบที่สวยงาม และอลังการน่าตื่นตาตื่นใจ
2. Epcot การผจญภัยสู่อนาคต และการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมทั่วโลก
Epcot นั้นจะเน้นเรื่องการเรียนรู้ และนวัตกรรม โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1.Future World ที่มีนิทรรศการและเครื่องเล่นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 2.นวัตกรรม World Showcase ที่มีพาวิลเลี่ยน 11 แห่ง แต่ละแห่งแสดงถึงประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก
- Future World
เป็นโซนที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีของอนาคต ซึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดจะเป็น Spaceship Earth ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์ทสำคัญของ Epcot ที่ให้เรานั้นไปสัมผัสกับประสบการณ์ ไทม์แมชชีนที่จะแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในการสื่อสารของมนุษย์ในอนาคตข้างหน้า และอีกหนึ่งไฮไลท์เกี่ยวกับการทดลองเทคโนโลยีล่าสุดที่ Innoventions และสัมผัสกับความเร็วสูงใน Test Track
- World Showcase
พื้นที่ที่เฉลิมฉลองวัฒนธรรม อาหาร และดนตรีจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากฝรั่งเศสไปจนถึงญี่ปุ่น และจากอิตาลีไปจนถึงโมร็อกโก แต่ละประเทศที่แสดงใน World Showcase มีการนำเสนอการแสดงต่าง ๆ ร้านอาหาร และการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่หลากหลายและน่าสนใจ
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- เฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก
Epcot มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครทุกวันด้วยการเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ทั่วปี เช่น เทศกาลดอกไม้และสวน Epcot International Flower & Garden Festival หรือเทศกาลอาหารและไวน์ Epcot International Food & Wine Festival ที่นำเสนออาหาร และเครื่องดื่มจากทั่วโลก
- การแสดงยามค่ำคืน
สัมผัสกับการแสดงยามค่ำคืนที่ตระการตา เช่น “Harmonious” ซึ่งเป็นการแสดงดนตรี น้ำพุ และพลุไฟที่สวยงามที่สุดในโลก มันเป็นการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งเดียวของโลกผ่านเพลงและภาพยนตร์จากดิสนีย์ Epcot ที่ Walt Disney World Resort เป็นมากกว่าสวนสนุก มันเป็นการเฉลิมฉลองของนวัตกรรมมนุษย์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และความเป็นหนึ่งเดียวของเราบนโลกนี้ ไม่ว่าคุณจะมองหาการผจญภัยในอนาคต หรือการเดินทางไปยังวัฒนธรรมทั่วโลก Epcot พร้อมเสมอที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม
3. Disney’s Hollywood Studios ประตูสู่โลกแห่งภาพยนตร์ และความฝัน
สวนสนุกนี้เน้นเรื่องราวและเบื้องหลังของภาพยนตร์ อนิเมชั่น โทรทัศน์ และเพลง มีเครื่องเล่น และการแสดงที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ดังต่าง ๆ ตั้งแต่บรรยากาศย้อนยุคของ Hollywood Boulevard การผจญภัยในโลกของ Star Wars โลกของอนิเมชั่นอย่าง Toy Story และการแสดงสดต่าง ๆ มากมาย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
4. Disney’s Animal Kingdom อาณาจักรแห่งการผจญภัยของโลกสัตว์ป่า และธรรมชาติ
Disney’s Animal Kingdom คือ Tree of Life ต้นไม้อันยิ่งใหญ่ที่มีการแกะสลักเรื่องราวของสัตว์นานาชนิดบนลำต้น และกิ่งก้าน มันเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ทำให้ที่นี่นั้นเป็นสวนสนุกที่เน้นการสำรวจธรรมชาติ และสัตว์ป่า มีโซนย่อยที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานระหว่างสัตว์จริง การแสดงสด และเครื่องเล่นที่มีเทคโนโลยีสูงเข้ามาช่วยอีกด้วย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Pandora – The World of Avatar
เป็นการผจญภัยไปในโลกของภาพยนตร์ Avatar ของเจมส์ แคเมรอน ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีล่าสุดผ่านเครื่องเล่นอันน่าทึ่งเช่น Avatar Flight of Passage และ Na’vi River Journey ที่พาคุณเข้าสู่โลกแห่งความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของชนเผ่า Na’vi
- Kilimanjaro Safaris
ที่นี่จะพาคุณไปยังแอฟริกาสำหรับการสำรวจสัตว์ป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจในธรรมชาติ จากลิงไปจนถึงช้าง และจากสิงโตไปจนถึงจระเข้ ซาฟารีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
- Festival of the Lion King
การแสดงสด Festival of the Lion King เป็นการนำเสนอที่น่าทึ่งของเรื่องราวคลาสสิคของดิสนีย์ ผ่านการร้องเพลง การเต้นรำ และกายกรรม การแสดงนี้เป็นการเฉลิมฉลองความรัก ความหวัง และความกล้าหาญ
- Expedition Everest
สำหรับผู้ที่รักความตื่นเต้น ไม่ควรพลาด Expedition Everest การผจญภัยที่เต็มไปด้วยความเร็วบนรถไฟเหาะผ่านภูเขาสูงชัน และเผชิญหน้ากับตำนานของ Yeti
พื้นที่อื่นๆ ในรีสอร์ท
- Disney Springs เป็นพื้นที่ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงที่ไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม
- Disney’s Blizzard Beach และ Disney’s Typhoon Lagoon สวนน้ำสองแห่งที่มีเครื่องเล่นน้ำ และสไลเดอร์สำหรับทุกวัย
ค่าใช้จ่ายของดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์โดยประมาณ
- ค่าตั๋วเข้าสวนสนุก ค่าตั๋วเข้า Disneyland California Adventure อาจแตกต่างกันไปตามช่วงฤดูกาล อายุ และประเภทของตั๋ว (เช่น ตั๋ว 1 วัน, ตั๋วหลายวัน, หรือตั๋ว Park Hopper ที่เข้าได้ทั้ง Disneyland Park และ California Adventure) ค่าตั๋วเริ่มต้นประมาณ 104 – 154 ดอลลาร์สหรัฐ/คน (ประมาณ 3,700 – 5,500 บาท) สำหรับตั๋ว 1 วัน
- ราคาที่พัก มีตั้งแต่โรงแรมราคาประหยัดไปจนถึงโรงแรมหรู ราคาห้องพักต่อคืนอาจอยู่ระหว่าง 150 – 500 ดอลลาร์สหรัฐ/คืน (ประมาณ 5,400 – 18,000 บาท) ขึ้นอยู่กับระดับของโรงแรมและช่วงเวลาการเข้าพัก
- ค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหาร ขึ้นอยู่กับประเภทของร้านอาหารและจำนวนมื้อที่คุณรับประทานภายในสวนสนุก งบประมาณโดยประมาณต่อคนต่อวันอาจอยู่ระหว่าง 20 – 100 ดอลลาร์สหรัฐ/คน (ประมาณ 700 – 3,500 บาท)
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ค่าขนม ของที่ระลึก หรือประสบการณ์พิเศษต่างๆ ภายในสวนสนุก เช่น การจอง FastPass หรือ MaxPass เพื่อลดเวลารอคิวเครื่องเล่น
ท่านสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Disneyland California Adventure เพื่อดูรายละเอียดของเครื่องเล่น กิจกรรมพิเศษ การแสดงพาเหรด และข้อมูลอื่นๆได้เลยที่: https://disneyland.disney.go.com/destinations/disney-california-adventure/
ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/guZBbcpa9ku58kuU9
อัพเดท 2024 โซนธีมของ ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ (Disneyland California Adventure Park) แบ่งได้อย่างไรบ้าง ?
ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ นั้นจะนำเสนอเรื่องราว และตัวละครจากภาพยนตร์ดิสนีย์ และพิกซาร์ โดยโซนธีมหลัก ๆ ในปัจจุบันนั้นจะมีทั้งหมด 7 ธีมโซนด้วยกันได้แก่
1. Buena Vista Street
เป็นทางเข้าหลักของสวนสนุก ที่จำลองบรรยากาศของลอสแองเจลิสในปี 1920 ซึ่งเป็นปีที่ วอลต์ ดิสนีย์ เริ่มต้นอาชีพการทำภาพยนตร์ของเขา ทำให้ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของ Buena Vista Street ซึ่งจะมีรูปปั้นของวอลต์ ดิสนีย์ และมิคกี้เมาส์ที่กำลังเดินเคียงคู่กัน ซึ่งแสดงถึงความฝันที่กลายเป็นจริงของวอลต์ ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Deco และ Streamline Moderne ร้านค้า และร้านอาหารตกแต่งให้เหมือนกับยุคทองของฮอลลีวูด เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความคลาสสิก และเสน่ห์ของแคลิฟอร์เนียในอดีต
นอกจากนี้ Carthay Circle Theater ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของ Buena Vista Street ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นโรงภาพยนตร์ที่ฉายอนิเมชั่นเรื่อง “Snow White and the Seven Dwarfs” เป็นเรื่องแรกของดิสนีย์ได้รับการฉายรอบปฐมทัศน์อีกด้วย และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ คุณจะได้สัมผัสกับการแสดงดนตรีสด รถรางแบบคลาสสิก และโอกาสพบกับตัวละครดิสนีย์ในชุดย้อนยุค
2. Pixar Pier ดินแดนแห่งจินตนาการ และความสนุก
โซนที่ฉลองสตูดิโอภาพยนตร์แอนิเมชั่นจาก พิกซาร์ (Pixar) โดยมีเครื่องเล่น ร้านค้า และการแสดงที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์พิกซาร์ยอดนิยมมากมาย โดยโซนธีม Pixar Pier จะมีการแบ่งออกไปอีก 4 โซนด้วยกัน ซึ่งแต่ละเขตจะมีความเป็นเอกลักษณ์ และเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ Pixar ไม่ว่าจะเป็น Toy Story, The Incredibles และ Inside Out เป็นต้น
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Toy Story
นี่คือโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสกับเครื่องเล่นที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความท้าทาย พร้อมทั้งพบกับ Woody, Buzz และเพื่อน ๆ ในการผจญภัยที่น่าจดจำ
- Pixar Pal-A-Round
ถือเป็นหนึ่งในจุดไฮไลท์ของ Pixar Pier ที่ให้คุณได้ชมวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่งของสวนสนุกจากมุมสูง บนหอชมวิวนี้คุณจะได้พบกับตัวละครจากภาพยนตร์ Pixar ที่คุณชื่นชอบ ทำให้ทุก ๆ การหมุนเป็นการผจญภัยที่มีสีสัน และความสุข
- Fountain Pixar
ในตอนเย็น Pixar Pier จะเป็นสถานที่จัดการแสดงน้ำพุที่ยิ่งใหญ่ นำเสนอเรื่องราวของ Pixar ผ่านน้ำพุ แสงสี และเพลงประกอบที่มีชีวิตชีวา การแสดงนี้เป็นการส่งท้ายวันที่เต็มไปด้วยความสุข และความฝันในโลกของ Pixar
3. Cars Land การผจญภัยใน Radiator Springs
พื้นที่ที่นำเสนอโลกจากภาพยนตร์ยอดนิยมของ “Cars” ซึ่งผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจ Radiator Springs และลองเครื่องเล่นที่ตื่นเต้นต่าง ๆ ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของภาพยนตร์ หรือเพียงแค่ต้องการสัมผัสกับการผจญภัยใหม่ ๆ Cars Land ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Radiator Springs
ถือเป็นฉากที่สมบูรณ์แบบ และความใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับกำลังเดินอยู่ในโลกจริงของ Cars จากถนนหลักที่โค้งเข้าสู่เมืองไปจนถึงแต่ละร้านค้า และร้านอาหารที่ตกแต่งได้อย่างมีเสน่ห์ ทุกส่วนของ Cars Land นำเสนอเรื่องราว และบรรยากาศของ Radiator Springs ได้อย่างลงตัว
- Radiator Springs Racers
ถือเป็นไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยของ Cars Land คือเครื่องเล่น Radiator Springs Racers การแข่งขันรถแข่งที่น่าตื่นเต้นซึ่งนำคุณผ่านฉากสวยงามของภูเขา Ornament Valley ก่อนจะพาไปสู่การแข่งขันที่เร้าใจกับรถแข่งคู่ต่อสู้ มันเป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความตื่นเต้น และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Flo’s V8 Café
คาเฟ่แห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูคลาสสิกของอเมริกา โดยที่ร้านอาหารแห่งนี้ไม่เพียงแต่นำเสนออาหารที่น่าสนใจเพียงเท่านั้น แต่ยังมีการตกแต่งภายในที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของตัวละครจาก Cars และมุมมองที่สวยงามของ Ornament Valley ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้เลยหากได้มาที่นี่
- Luigi’s Rollickin’ Roadsters
เครื่องเล่นที่ให้คุณได้เต้นรำไปกับรถยนต์ในสไตล์อิตาเลียน มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวยิ้มได้อย่างแน่นอน
4. Grizzly Peak ผจญภัยธรรมชาติอันท้าทายของแคลิฟอร์เนีย
เป็นโซนธีมที่เป็นธีมเกี่ยวกับธรรมชาติ และการผจญภัยในแคลิฟอร์เนีย ภูเขาหินแกรนิตที่ใหญ่โตถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุกแห่งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเข้มแข็ง และความงามของภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังชวนให้นักผจญภัยทุกคนเข้ามาสัมผัสกับการเดินทางที่น่าตื่นเต้นอีกด้วย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Grizzly River Run
การผจญภัยล่องแก่งที่จะพาคุณไปสู่กระแสน้ำเชี่ยว และหมุนวนอันน่าตื่นเต้น พร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่งดงาม ที่นี่คุณจะได้รับความสนุกสนาน และความชุ่มฉ่ำในทริปที่ไม่มีวันลืม
- Redwood Creek Challenge Trail
เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมทุกวัยได้ทดสอบความกล้าหาญ และทักษะการผจญภัยผ่านเส้นทางสุดท้าทาย และสะพานแขวนท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับปีนป่าย และเล่นเกมต่าง ๆ ที่จะทำให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับความท้าทาย
- Soarin’ Around the World
หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน Grizzly Peak นั่นก็คือ Soarin’ Around the World การเดินทางทางอากาศที่จะพาคุณไปยังสถานที่น่าทึ่งทั่วโลก จากยอดเขาหิมะไปจนถึงทะเลทราย ประสบการณ์นี้จะทำให้คุณได้ชมวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- Grizzly Peak Airfield
มอบบรรยากาศย้อนยุคของสนามบินในยุคแรก ๆ ของการบิน ที่นี่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่สะท้อนถึงยุคสมัยของการผจญภัยทางอากาศ พร้อมทั้งมีร้านค้า และร้านอาหารที่น่าสนใจ ชวนให้นักผจญภัยทุกคนได้สัมผัสกับความหลงใหลในการบิน
5. Pacific Wharf การเดินทางสู่ท่าเรือประมงของแคลิฟอร์เนีย
ที่นี่เป็นมากกว่าแค่โซนธีม มันคือการเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม และรสชาติอันหลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของแคลิฟอร์เนีย จึงทำให้พื้นที่นี้ได้แรงบันดาลใจจากท่าเรือประมงของแคลิฟอร์เนีย เน้นการนำเสนออาหาร และเครื่องดื่มที่หลากหลาย จากรสชาติอาหารทะเลสดใหม่ไปจนถึงขนมปังซาวโดว์แสนอร่อย
ซึ่งนอกจากการสำรวจรสชาติแล้ว Pacific Wharf ยังเป็นที่ตั้งของ Ghirardelli Soda Fountain and Chocolate Shop ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับไอศกรีม และช็อคโกแลตชั้นเลิศ และไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมโรงเบียร์ Karl Strauss ที่นำเสนอเบียร์คราฟท์ที่หลากหลาย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Pacific Wharf Café
เป็นไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาลองขนมปังซาวโดว์ที่โด่งดังจาก Pacific Wharf Café ที่นี่ขนมปังทำสดใหม่ทุกวัน พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชามขนมปังที่ใส่ซุปหรือสลัด รสชาติที่อร่อยเลิศ ที่หาได้ที่นี่เท่านั้น
- Wine Country Trattoria
สำหรับผู้ที่รักในรสชาติของไวน์ ไม่ควรพลาดที่ Wine Country Trattoria ซึ่งเสนอไวน์จากทั่วแคลิฟอร์เนียให้ท่านได้ลิ้มลอง ร่วมกับอาหารอิตาเลียนแสนอร่อย บรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน สัมผัสกับความงดงามของวัฒนธรรมไวน์แคลิฟอร์เนีย
- Cocina Cucamonga Mexican Grill
หากคุณหลงใหลในอาหารเม็กซิกัน โคคินา คูกามองกา เม็กซิกัน กริลล์ พร้อมนำเสนอเมนูที่รวมรสชาติแบบดั้งเดิม และสมัยใหม่ ทุกจานเต็มไปด้วยความสดชื่น และเข้มข้นของเครื่องเทศ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและรสชาติ
6. Hollywood Land ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคทองของฮอลลีวูด
เป็นโซนธีมที่เน้นเรื่องราว และบรรยากาศของฮอลลีวูด มีเครื่องเล่น และการแสดงที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- Hollywood Boulevard
ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และการแสดงที่สะท้อนถึงบรรยากาศของฮอลลีวูดในยุค 1930s ถึง 1950s ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้านค้าที่มีสไตล์เอาท์อาร์ตเดโคหรือสตรีทเปอร์ฟอร์มเมอร์ที่เล่นบทบาทเป็นดาราฮอลลีวูด ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต
- Frozen – Live at the Hyperion
สถานที่นี้เป็นการนำเรื่องราวของ Anna และ Elsa มาเล่าใหม่บนเวทีอย่างยิ่งใหญ่ การแสดงนี้มีทั้งเอฟเฟกต์พิเศษ ชุดแสดง และการแสดงสดที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
- Studio Backlot Tour
ให้คุณได้สำรวจเบื้องหลังของการผลิตภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ตั้งแต่การตั้งกล้องไปจนถึงกระบวนการสร้างเอฟเฟกต์พิเศษ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เห็นเซตการถ่ายทำจริง และเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ
- Guardians of the Galaxy – Mission BREAKOUT
หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ สำหรับเครื่องเล่นที่จะพาคุณไปสู่การผจญภัยอันตื่นเต้นกับตัวละครจาก Marvel ที่นี่คุณจะต้องช่วย Star Lord และทีม Guardians หนีออกจากการจับกุมของ Collector ผ่านการเดินทางที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์พิเศษ และเสียงเพลงที่เร้าใจ
7. Avengers Campus
เป็นโซนธีมล่าสุดที่เปิดตัว มุ่งเน้นไปที่โลกของ Marvel Super Heroes ผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น และพบกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย Marvel มากมาย
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
- WEB SLINGERS A Spider-Man Adventure
ให้ร่วมมือกับ Spider-Man เพื่อหยุดแผนการร้ายของ Spider-Bots ที่ควบคุมไม่ได้ ในเครื่องเล่นที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง คุณจะได้ปล่อยเว็บและสวิงไปกับ Spider-Man ในการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และความสนุกสนาน
- Doctor Strange: Mysteries of the Mystic Arts
คุณจะได้พบกับ Doctor Strange และสำรวจโลกของเวทมนตร์ เรียนรู้การใช้เวทย์มนตร์ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนที่จะทำให้คุณได้เปิดเผยความลับของโลกเวทมนตร์
- Avengers Headquarters
ที่นี่คุณจะได้เห็นฮีโร่ที่คุณชื่นชอบไม่ว่าจะเป็น Captain America, Black Widow, และ Iron Man พร้อมที่จะร่วมมือกับคุณในภารกิจต่าง ๆ การแสดงสดที่ Avengers Headquarters จะทำให้คุณได้สัมผัสกับการต่อสู้ และการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น
- Pym Test Kitchen
เป็นสถานที่พักผ่อน และเติมพลัง ซึ่งจะเป็นร้านอาหารที่ใช้ “เทคโนโลยีการหดขยาย” จาก Ant-Man ที่ให้คุณได้ลองอาหาร และเครื่องดื่มที่มีขนาดไม่เหมือนใคร เพลิดเพลินไปกับการค้นพบรสชาติ และสัมผัสกับนวัตกรรมในการทำอาหารที่คุณไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
สุดท้ายนี้สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ต้องการเที่ยวดิสนีย์แลนด์อเมริกา ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน และจะวางแผนท่องเที่ยวยังไง รวมถึงการซื้อตั๋วต่างๆ ทาง Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำของไทย มาพร้อมกับบริการจัดทริปท่องเที่ยวแบบส่วนตัว เพียงแค่คุณบอกมาว่าอยากไปที่ไหน อยากทำอะไรบ้าง เราพร้อมออกแบบเส้นทางเที่ยวฝรั่งเศสตามใจผู้เดินทาง บริการของเราครอบคลุมทุกรายละเอียดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทาง, ทำวีซ่า, จองตั๋วเครื่องบิน – กิจกรรมท่องเที่ยว รวมไปจนถึงที่พักต่างๆ
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว