10 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ แดนมหัศจรรย์ สัมผัสสีสันธรรมชาติราวกับเทพนิยาย

เที่ยวไอซ์แลนด์ 1

 

รวมที่เที่ยวไอซ์แลนด์ฉบับไกด์แนะนำ เราจะขอมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ไฮไลท์เพื่อแนะนำทุกท่านที่กำลังวางแผนเที่ยวไอซ์แลนด์ ประเทศไอซ์แลนด์ ชื่อนี่แม้จะสะกดมาจากคำว่า Ice ที่แปลว่าน้ำแข็ง แต่จริง ๆ แล้วภูมิประเทศของไอซ์แลนด์ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั้งปีอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน แต่ไอซ์แลนด์กลับมีธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหนในโลก มีอากาศอันแสนบริสุทธิ์เหมาะกับการแวะเที่ยวพักผ่อนเติมพลังให้กับร่างกาย ประกอบกับสภาพบ้านเมืองนั้นแลดูเงียบสงบ ปลอดภัย ชาวเมืองต่างยิ้มต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ด้วยเหตุนี้ไอซ์แลนด์จึงเป็นประเทศในอุดมคติที่ใครหลายคนต่างปักหมุดไว้ในใจว่าสักวันจะต้องเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ให้ได้

 

ทิวทัศน์ในประเทศไอซ์แลนด์นั้นการันตีความสวยงาม นิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งต่างยกย่องให้ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต ซึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวชมความ Unseen ในไอซ์แลนด์นั้นมีมากมายอย่างการชมแสงเหนือไอซ์แลนด์ ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน การชมความงดงามของธารน้ำแข็ง น้ำพุร้อน ไปจนถึงการชมทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าที่มีลำธารอันใสสะอาดไหลผ่าน ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ Artralux จะนำทุกท่านไปเปิดโลกชมความมหัศจรรย์ของ 10 สถานที่ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ที่สวยงามราวกับหลุดมาจากเทพนิยายกัน

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

 

เพิ่มเพื่อน

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

10 สถานที่ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ ที่คุณห้ามพลาด

 

แม้ว่าไอซ์แลนด์จะมีภูมิภาคเป็นเกาะที่มีขนาดประเทศไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ไอซ์แลนด์นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ไปจนถึงการชมความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราจะคัดสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในไอซ์แลนด์มาให้ทุกท่าน ซึ่งหากคุณจัดแพลนการเดินทางดี ๆ ก็สามารถเก็บครบทุกที่ภายในการเดินทางทริปเดียว!

 

1. โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา Hallgrímskirkja

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

ขอประเดิมสถานที่ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์แห่งแรกที่คุณสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ง่าย ๆ กับ โบสถ์ Hallgrímskirkja ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในกรุงเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์เลยทีเดียว โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและทันสมัย ซึ่งออกแบบโดย Guðjón Samúelsson สถาปนิกชื่อดังชาวไอซ์แลนด์ ตัวรูปทรงได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวชั้นหินบะซอลต์ที่มักพบตามภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไอซ์แลนด์

 

โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยาเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1945 และใช้เวลาสร้างยาวนานจนแล้วเสร็จในปี 1986 ซึ่งใช้เวลานานถึง 41 ปีเลยทีเดียว ชื่อของโบสถ์ตั้งชื่อตาม ฮัลล์กรีมูร์ เพทูร์สซอน นักกวีและนักบวชชาวไอซ์แลนด์ชื่อดังที่เคยมีบทความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์ ตัวโบสถ์มีความสูงถึง 74.5 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในไอซ์แลนด์เลยทีเดียว ว่ากันว่าเราสามารถมองเห็นยอดของโบสถ์จากทุกที่ในกรุงเรคยาวิกเลยก็ว่าได้ บนยอดสุดของโบสถ์นั้นเป็นจุดชมวิวอันสวยงาม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเห็นวิวแบบ 360 องศาโดยรอบของกรุงเรคยาวิกเลยทีเดียว

 

ความโดดเด่นของโบสถ์คงหนีไม่พ้นการออกแบบที่ดูสะดุดตา บริเวณด้านนอกจะมีการไล่ระดับความสูงชันโดยมีตัวหอคอยเป็นศูนย์กลางคล้ายกับทรงสามเหลี่ยม ผนังโบสถ์มีสีขาวตัดกับหลังคาสีดำซึ่งจะทำให้ดูโดดเด่น ส่วนภายในโบสถ์นั้นออกแบบอย่างเรียบง่าย มีเพดานสูง ให้แสงสว่างธรรมชาติลอดเข้ามายังพื้นที่ภายใน บริเวณด้านหน้าของโบสถ์มีรูปปั้นของ Leif Erikson ซึ่งเชื่อว่าเป็นนักสำรวจคนแรกที่เดินทางค้นพบทวีปอเมริกาเหนือ

 

ทุกวันนี้โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยาเป็นแลนด์มาร์กอันสำคัญผู้ที่เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ควรแวะมาที่นี่ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก และภายในโบสถ์เองก็ยังคงถูกใช้จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของชาวเมือง

 

2. เส้นทางท่องเที่ยว The Golden Circle (ชมอุทยาน Tingvellir, น้ำพุร้อน Geysir, น้ำตก Gullfoss)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

The Golden Circle หรือวงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวไอซ์แลนด์สายสำคัญที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีจุดเริ่มต้นเส้นทางที่กรุงเรคยาวิคตัดผ่านเส้นทางธรรมชาติต่าง ๆ เป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เหมาะกับการขับรถเที่ยวชมซึ่งจะเก็บครบทุกจุดประมาณ 1 วันพอดี ซึ่งจะมีจุดไฮไลท์ที่ควรแวะดังนี้

 

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Tingvellir National Park) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้การรับรองว่าเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ความมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งนี้คือรูปลักษณ์ทางธรณีสัณฐานที่เป็นรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและยูเรเชียน ทำให้เกิดเป็นช่องเขาขนาดยาวที่มีลำธารไหลผ่าน นอกจากนี้ภายในอุทยานยังเป็นที่ตั้งของอัลธิงกิ รัฐสภาไอซ์แลนด์โบราณที่ก่อตั้งในปีคริสต์ศักราช 930 อีกด้วย

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

น้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur, Geysir Geothermal) อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของประเทศไอซ์แลนด์ก็คือคุณจะสามารถพบ กีเซอร์ (Geysir) ตามภูมิภาคทั่วเกาะไอซ์แลนด์ ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์น้ำที่อยู่ในชั้นหินได้รับความร้อนจากแม็กม่าที่อยู่ใต้โลก เมื่อน้ำได้รับความร้อนจึงเกิดแรงดันสูงจนทำให้น้ำเดือดเป็นไอพุ่งออกมาเป็นน้ำพุร้อนลอยสู่ผิวโลก โดยกีเซอร์ชื่อดังของไอซ์แลนด์ก็คือสโทรคูร์ ซึ่งจะเป็นน้ำพุร้อนพุ่งออกมาลอยไปสู่อากาศทุก ๆ 5-10 นาที

 

ปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid Crater) เป็นอีกหนึ่งจุดแวะพักในเส้นทาง Golden Circle พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟโบราณ เมื่อเวลาผ่านไปจึงกลายสภาพเป็นหลุมแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งน้ำในแอ่งจะมีสีฟ้าเข้มสวยงาม เหมือนกับการหยุดแวะพักถ่ายภาพอันมหัศจรรย์

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกทองคำ เนื่องจากเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีมวลน้ำมหาศาล ซึ่งจะเป็นมวลน้ำจากแม่น้ำฮวิทเอา (Hvítá River) ไหลผ่านลงช่องเขาที่อยู่ด้านล่าง เมื่อน้ำจากที่สูงตกลงกระทบหินจนเกิดเป็นละอองน้ำ เมื่อละอองน้ำกระทบกับแสงแดดจึงทำให้เกิดเป็นสีทองฟุ้งกระจายสร้างความสวยงามตระการตา น้ำตกกุลล์ฟอสส์นับว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศ ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ไม่ควรพลาดมาชมเป็นอย่างยิ่ง

 

3. บ่อน้ำร้อนบลูลากูน (The Blue Lagoon)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์ 7

 

บลูลากูนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่อยู่ห่างจากกรุงเรคยาวิกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร เดินทางง่าย ๆ ด้วยรถเพียง 40 นาที ซึ่งคนที่เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ควรแวะมาเช็กอิน ณ ที่แห่งนี้ บลูลากูนเป็นบ่อน้ำพุร้อนจากใต้พิภพ น้ำภายในบ่อมีสีฟ้าขุ่น ๆ อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ จึงเป็นแหล่งแช่น้ำร้อนธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

 

แม้บลูลากูนจะมีความมหัศจรรย์ราวกับถูกคัดสรรมาจากธรรมชาติ แต่แท้ที่จริงแล้วบลูลากูนเป็นบ่อน้ำร้อนที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ เนื่องจากทางภาครัฐของไอซ์แลนด์มีโครงการสร้างโรงไฟฟ้า Svartsengi โดยการขุดเจาะนำน้ำร้อนจากใต้พื้นผิวมาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งผลพลอยได้จากการขุดเจาะจึงทำให้เกิดเป็นบ่อน้ำร้อนบลูลากูนตามที่เห็นในปัจจุบัน น้ำร้อนในบลูลากูนนั้นมีอุณหภูมิประมาณ 37-39 องศาเซลเซียส อุ่นกำลังดีเหมาะกับการแช่ผ่อนคลาย อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย มีคุณสมบัติในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด

 

พื้นที่โดยรอบของบลูลากูนได้ถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์ทำสปาอย่างครบวงจร มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ ห้องนวดสปา ห้องทำทรีตเม้นท์ และพื้นที่พักผ่อน อีกทั้งยังมีโรงแรมที่พักและร้านอาหารเปิดให้บริการโดยรอบพื้นที่ ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะเข้ามาเยี่ยมชมและจองโรงแรมพักผ่อน ณ บลูลากูนแห่งนี้

 

4. ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

มาเที่ยวไอซ์แลนด์ทั้งทีต้องอย่าลืมแวะมาเที่ยวชมความงามของทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ซึ่งนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันน่าถึงระดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว ทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) ห่างจากกรุงเรคนาวิกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 370 กิโลเมตร

 

โจกุลซาลอนนั้นเกิดจากการที่ธารน้ำแข็งโบราณขนาดใหญ่ที่เริ่มละลายตัวจากภาวะอุณหภูมิสูงขึ้นจนกลายมาเป็นทะเลสาบที่มีขนาดกว้างถึง 20 กิโลเมตร และมีขนาดลึกประมาณ 200 เมตร บางส่วนที่ธารน้ำแข็งละลายไม่หมดก็เป็นก้อนภูเขาน้ำแข็งที่ลอยตัวอยู่ในน้ำ ซึ่งแต่ละก้อนน้ำแข็งนั้นก็มีรูปร่างแตกต่างกันออกไปนับเป็นความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ น้ำแข็งบางก้อนก็มีสีน้ำเงินเข้ม บางก้อนก็มีสีขาวใส ขึ้นกับความหนาแน่นและอายุของก้อนน้ำแข็ง

 

นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมความงดงามของโจกุลซาลอนได้อย่างใกล้ชิดจากการนั่งเรือเที่ยวชม นอกจากนี้คุณยังสามารถพบเห็นสัตว์นานาพันธุ์ที่บริเวณโดยรอบด้วย เช่น แมวน้ำ และนกนางนวล นอกจากนี้หากคุณโชคดีคุณอาจพบปรากฏการณ์แสงเหนือ ณ ที่โจกุลซาลอนด้วย

 

5. อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 14,141 ตารางกิโลเมตร ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานเมื่อปี ค.ศ. 2008 ที่ผ่านมา อุทยานแห่งนี้ตั้งชื่อตามธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ที่อยู่พื้นที่ไอซ์แลนด์ ภายในอุทยานจะมีทัศนียภาพอันงดงามมากมายหลายรูปแบบ คุณจะได้พบพื้นที่ส่วนของธารน้ำแข็ง ถ้ำน้ำแข็ง ภูเขาไฟ แม่น้ำ ทะเลสาบและพื้นที่ป่าไม้อันกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดอย่าง กวางเรนเดียร์ สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก แมวน้ำ และนกหลากสายพันธุ์

 

ที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาตินี้คือกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะพบความตระการตาของน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) น้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาหินบะซอลต์ ซึ่งเป็นชั้นหินสีดำที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ดูสวยงามยิ่ง ตลอดจนได้สัมผัสวิวของเทือกเขา Hvannadalshnjúkur ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีความสูงที่สุดในไอซ์แลนด์อีกด้วย

 

ทักท่องเที่ยวที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้มากมาย ได้แก่ การเดินป่า การเดินบนธารน้ำแข็ง การปีนเขา และทัวร์ล่องเรือในทะเลสาบธารน้ำแข็ง โดยมีโปรแกรมทัวร์ท้องถิ่นที่จัดขึ้นโดยไกด์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับใครที่มาเที่ยวไอซ์แลนด์แล้วอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติควรแวะมาอุทยานแห่งชาตินี้

 

6. น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ เพราะทัศนียภาพอันงดงาม น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเกาะไอซ์แลนด์ ห่างจากกรุงเรคยาวิกไปประมาณ 120 กิโลเมตร ความโดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือมีความสูงถึง 60 เมตร ไหลลงจากหน้าผา ใต้น้ำตกเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่รักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในถ้ำแล้วถ่ายภาพวิวน้ำตกย้อนหลังมาจากด้านในได้แบบ 360 องศา ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีการประดับประดาไฟส่องสว่างเพื่อเพิ่มความสวยงามไปอีกแบบ

 

น้ำตกยาแลนศ์ฟอสส์เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเซลยาลันด์ (Seljalands) ที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุล (Eyjafjallajökull) ลักษณะการไหลของน้ำนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล หากเดินทางมาชมในฤดูหนาว สายน้ำกับบริเวณโขดหินโดยรอบก็จะเกาะตัวเป็นน้ำแข็ง ทำให้เกิดทิวทัศน์งดงามแปลกตาไปอีกแบบ แต่ถ้าเดินทางมาในฤดูร้อนก็จะสามารถพบต้นมอสส์สีเขียวขึ้นรายล้อมบริเวณด้านหน้าของน้ำตก โดยมีดอกไม้สีสันต่าง ๆ ขึ้นแซมกระจายตัวตามทุ่งหญ้า ให้ความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

 

อีกหนึ่งเสน่ห์ของน้ำตกแห่งนี้คือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นตากล้องมืออาชีพ หรือผู้ที่มาเที่ยวไอซ์แลนด์ต่างก็ต้องแวะมาถ่ายภาพที่นี่สักครั้ง แม้ว่าจะถ่ายภาพ ณ จุดเดิม แต่ถ้ามาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ก็จะได้ภาพถ่ายออกมาที่ดูสวยงามไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

 

เพิ่มเพื่อน

 

7. น้ำตกสโคการ์ฟอสส์ (Skógafoss)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

ขอปักหมุดกับสถานที่ท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ประเภทน้ำตกอีกที่กับน้ำตกสโคการ์ฟอสส์ โดยน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณทางตอนใต้ใกล้กับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ สามารถเดินทางชมได้ง่ายเพราะติดถนนสายหลัก น้ำตกแห่งนี้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไอซ์แลนด์ โดยมีความสูง 60 เมตร และมีความกว้างมากถึง 25 เมตร น้ำตกแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำสโกกา (Skóga) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลเช่นเดียวกับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์

 

น้ำตกสโคการ์ฟอสส์ขึ้นชื่อในด้านทิวทัศน์อันงดงาม มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เหมาะกับการเป็นจุดแวะพักชมของเหล่านักท่องเที่ยวและนักถ่ายภาพ ด้วยความกว้างของตัวน้ำตกทำให้มีปริมาณมวลน้ำมหาศาลไหลลงมากระทบกับพื้นหินด้านล่าง เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ และหากวันไหนที่มีแดดจ้าแสงแดดก็จะตกกระทบกับละอองน้ำก็จะทำให้เกิดรุ้งกินน้ำด้วย นอกจากนี้ที่บริเวณด้านข้างน้ำตกยังมีบันไดสำหรับให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปบริเวณด้านบนเพื่อถ่ายภาพและชมความงามของน้ำตกจากมุมสูง

 

มีตำนานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์เล่ากันว่า น้ำตกสโคการ์ฟอสส์นั้นเคยเป็นที่ซ่อนของขุมสมบัติและเงินทองมากมาย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เคยมีรายงานใด ๆ ว่าพบสมบัติและของมีค่าในบริเวณดังกล่าว แต่ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ยังสามารถสัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรม ณ ภูมิภาคนี้ได้จากพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งจะจัดแสดงองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ไว้

 

8. หุบเขาลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

หุบเขาแห่งนี้มีความงดงามทางสภาพภูมิศาสตร์อันแสนมหัศจรรย์ โดยตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Fjallabak ทางทิศใต้ของประเทศ ห่างจากกรุงเรคยาวิกประมาณ 180 กิโลเมตร สภาพพื้นที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่สูง มีสภาพค่อนข้างกันดารเพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกล มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นหินขรุขระ จึงสามารถเที่ยวได้ในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น และต้องนั่งรถแบบ 4×4 ในการเข้าถึง แม้ว่าหุบเขาลานมันนาเลยการ์จะไม่เป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวมากนัก แต่ด้วยความสวยงามที่ซ่อนอยู่ไปยังพื้นที่ห่างไกล จึงเป็นเหมือน Hidden gem เหมาะสำหรับให้นักท่องเที่ยวขาลุยไปสำรวจโดยเฉพาะ

 

ความมหัศจรรย์ของลานมันนาเลยการ์อยู่ที่สภาพภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ที่แปลกตากว่าที่อื่น พื้นที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบโดยภูเขาหินไรโอไลท์หลากสีสันโดยจะเห็นได้ทั้งภูเขาเฉดสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียวอันแสนตระการตา รวมถึงมีน้ำพุร้อน และทุ่งลาวาปะทุขึ้นมาเป็นแผ่นดินใหม่จากพื้นพิภพ ผู้ที่เดินทางเข้ามาจมจะสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่าง ทั้งการนั่งรถชมความงดงามของสภาพภูมิประเทศ การแช่น้ำพุร้อนอันแสนผ่อนคลายพร้อมชมธรรมชาติรอบข้าง การเดินทางไกลชมภูมิประเทศอันหลากหลาย การชมความงดงามของธารน้ำแข็ง การชมพื้นที่อันสลับซับซ้อนของพื้นที่ภูเขาไฟ การปีนเขา การถ่ายภาพ ไปจนถึงการตั้งแคมป์พักกลางหุบเขา เรียกได้ว่าหากคุณอยากมาเที่ยวไอซ์แลนด์แบบลุย ๆ ออกแนวผจญภัย ขอแนะนำให้มาเที่ยวหุบเขาลานมันนาเลยการ์ รับรองว่าต้องถูกใจแน่นอน

 

การเดินทางไปเที่ยวหุบเขาลานมันนาเลยการ์นั้นค่อนข้างอันตรายเพราะมีสภาพภูมิอากาศไม่แน่นอน อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย จึงแนะนำให้ซื้อทัวร์ One day trip ที่มีไกด์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำชม

 

9. เมืองฮูสาวิก (Húsavík)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

เมืองฮูสาวิกเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีบรรยากาศสุดชิลและน่าท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะไอซ์แลนด์ มีชื่อเสียงด้านการนั่งเรือชมวาฬ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากเหล่าผู้เดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์

 

ฮูสาวิกมักรู้จักกันในชื่อเมืองหลวงแห่งการชมวาฬในไอซ์แลนด์ เนื่องจากเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณอ่าว Skjálfandi ที่อุดมไปด้วยสัตว์ทะเลนานาชนิด มีวาฬหลากหลายสายพันธุ์แวะเวียนเข้ามาในอ่าวอย่างไม่ขาดสาย เช่น วาฬหลังค่อม วาฬมิงค์ และวาฬสีน้ำเงิน เป็นต้น ผู้ที่สนใจอยากนั่งเรือสัมผัสกับน้องวาฬอย่างใกล้ชิดสามารถซื้อทริปบริการนั่งเรือชมวาฬได้จากบริษัททัวร์ท้องถิ่นในเมืองแห่งนี้ โดยแต่ละแห่งจะมีการจัดโปรแกรมทัวร์ให้คุณเลือกหลายแพ็กเกจ หลังจากนั่งเรือชมวาฬแล้วถ้าคุณอยากได้ความรู้เกี่ยวกับน้องวาฬเพิ่มเติม ภายในเมืองจะมีพิพิธภัณฑ์ปลาวาฬฮูสาวิกจัดแสดงความรู้ต่าง ๆ ของวาฬในด้านชีววิทยา พฤติกรรม และการอยู่อาศัย ซึ่งต้องบอกเลยว่าการจัดแสดงนั้นทำออกมามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

นอกจากการนั่งเรือชมวาฬแล้ว ที่เมืองแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณได้แวะไปชมอีกหลายที่ อย่างโบสถ์ฮูสาวิก โบสถ์ไม้เก่าแก่โบราณที่มีการตกแต่งสวยงามสไตล์ย้อนยุค เหมาะกับการแวะชมและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก รวมถึงมีงานเทศกาลต่าง ๆ อย่างงานภาพยนตร์นานาชาติฮูสาวิกและฮูสาวมาราธอน นอกจากนี้ที่เมืองฮูสาวิกยังมีร้านอาหารซีฟู้ดรวมถึงอาหารประจำชาติไอซ์แลนด์อร่อย ๆ หลายร้าน เหมาะกับการแวะพักทานดินเนอร์เป็นอย่างยิ่ง

 

10. หุบเขาฟยาดราเกลยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

ขอปิดท้ายสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ที่คนมาเที่ยวไอซ์แลนด์ต้องห้ามพลาดกับหุบเขาฟยาดราเกลยูเฟอร์ โดยตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ หุบเขาแห่งนี้เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเป็นว่านับพันปี ทำให้เกิดพื้นที่เป็นร่องเขาและมีแนวชั้นหินเป็นแนวผาทอดยาวอย่างสลับซับซ้อน ซึ่งมีความลึกประมาณ 100 เมตร และมีความยาวถึง 2 กิโลเมตร

 

ทิวทัศน์ของหุบเขาฟยาดราเกลยูเฟอร์นั้นมีความคดเคี้ยวสวยงาม โดยมีแม่น้ำฟยาดราไหลทอดตัวยาวอยู่ตรงก้นหุบเขา บริเวณโขดหินนั้นเต็มไปด้วยต้นมอสส์และดอกไม้ปกคลุมเขียวชอุ่ม ตัดกับสีฟ้าของแม่น้ำที่อยู่ลึกลงไปในหุบเขา สร้างบรรยากาศอันสุดมหัศจรรย์ที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไปตามขอบหุบเขาเพื่อชมวิวทิวทัศน์อันงดงามพร้อมถ่ายภาพสวย ๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ โดยเฉพาะในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นละพระอาทิตย์ตกนั้นความสวยงามจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว

 

กิจกรรมไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยวก็คือการเดินสำรวจพื้นที่ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ซึ่งนอกจากวิวอันงดงามแล้วคุณจะยังได้เห็นพันธุ์ไม้และนกชนิดต่าง ๆ มากมาย การเยี่ยมชมหุบเขาแห่งนี้ในแต่ละช่วงเวลาจะให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน โดยฤดูหนาวนั้นพื้นที่จะถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะ ส่วนฤดูร้อนก็จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวและลำธารใส ๆ ที่ไหลอยู่ด้านล่าง

 

เที่ยวไอซ์แลนด์ เดือนไหนดี?

 

เที่ยวไอซ์แลนด์

 

ภูมิอากาศของประเทศไอซ์แลนด์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละฤดูกาลที่ไอซ์แลนด์นั้นจะมีความพิเศษเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเลือกเที่ยวช่วงไหนไอซ์แลนด์ก็มีความสวยแบบเฉพาะ เราจึงแนะนำให้คุณสำรวจตนเองก่อนว่าอยากไปทำกิจกรรมอะไรที่ไอซ์แลนด์บ้าง ดังนี้

 

  • กิจกรรมเที่ยวไอซ์แลนด์ดูแสงเหนือ ชมความงามของธารน้ำแข็ง หรือเล่นสกีที่ไอซ์แลนด์ควรไปช่วงฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่หิมะตกและมีช่วงเวลากลางคืนยาวนาน
  • กิจกรรมชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน เดินทางไกล ชมดอกไม้ ตั้งแคมป์ ควรไปเที่ยวไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – สิงหาคม เนื่องจากช่วงนี้สามารถเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ในไอซ์แลนด์ได้อย่างครอบคลุม
  • กิจกรรมชมใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมภาพความงดงามของธรรมชาติ ควรไปช่วงฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน ซึ่งการมาเที่ยวช่วงนี้คุณจะสัมผัสได้ถึงความสงบ เนื่องจากคนมาเที่ยวน้อย
  • กิจกรรมชมนก รวมถึงดูสัตว์นานาชนิด ชมน้ำแข็งค่อย ๆ ละลายกลายเป็นลำธาร ควรไปเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม

 

สำหรับช่วงเวลายอดนิยมในการเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์นั้น เหล่านักท่องเที่ยวมักจะมาทัวร์ไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูร้อนมากที่สุด เพราะมีอุณหภูมิกำลังดี คุณจะได้เห็นความสวยงามของสายน้ำและทุ่งมอสส์อันเขียวชอุ่มในไอซ์แลนด์ ซึ่งหน้าร้อนนี้จะเป็นช่วงไฮซีซันของไอซ์แลนด์นั่นเอง ส่วนฤดูกาลโลว์ซีซันของไอซ์แลนด์นั้นจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว (ยกเว้นช่วงคริสต์มาส) ถ้าคุณมาไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูหนาวคุณก็จะสัมผัสได้ถึงอีกหนึ่งบรรยากาศในไอซ์แลนด์ โดยจะเป็นพื้นที่น้ำแข็งปกคลุมทั่วทั้งภูมิประเทศ ซึ่งให้ความสวยงามแบบหิมะสีขาวโพลน

 

หากคุณต้องการเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตนเองนั้นก็ให้เริ่มวางแผนตามกิจกรรมที่คุณอยากทำได้เลย

 

เที่ยวไอซ์แลนด์ งบเท่าไหร่?

 

เที่ยวไอซ์แลนด์ 16

 

ค่าใช้จ่ายในเดินทางมาไอซ์แลนด์นั้นจะขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง ทั้งจำนวนวันที่พักอาศัยในไอซ์แลนด์ ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคุณ ไปจนถึงการรับ Service พิเศษต่าง ๆ หากคุณเที่ยวอย่างประหยัดอาจใช้งบประมาณ 70,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกที่จะเที่ยวอย่างสะดวกสบายกว่านั้นก็อาจมากกว่า 100,000 เป็นต้นไป

 

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ราคาแปรผันตามสายการบิน การต่อเครื่อง ประเภทที่นั่ง และช่วงเวลา โดยเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทต่อคน
  • ค่าที่พัก ขึ้นอยู่กับจำนวนคืน ระดับของโรงแรม ประเภทห้องพัก และ Service ต่าง ๆ โดยอาจมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาทต่อคืน ไปจนถึง 20,000 บาทต่อคืนขึ้นไป
  • การเดินทาง ราคาขึ้นกับประเภทของการเดินทางรวมถึงจุดหมายที่คุณจะไปเที่ยว หากใช้บริการรถสาธารณะเที่ยวไอซ์แลนด์ ค่าเดินทางจะถูก แต่ถ้าเช่ารถขับ ราคาอาจเริ่มต้นอยู่ที่ 5,000 บาท ต่อวันเป็นต้นไป
  • ค่าอาหาร ประเทศไอซ์แลนด์นั้นมีราคาอาหารค่อนข้างแพง ร้านอาหารระดับกลาง ราคาจะอยู่ประมาณ 300 – 1,000 บาทต่อมื้อ หรือถ้าทานร้านอาหารชื่อดังราคาก็จะมากกว่านี้หลายเท่า
  • ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมท่องเที่ยว ในแต่ละกิจกรรมนั้นจะมีค่าใช้จ่ายรายหัวที่ต่างกันออกไป รวมถึงอุทยานแห่งชาติบางที่ยังมีค่าเข้าด้วย เช่น ค่าทัวร์นั่งเรือชมวาฬอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาทต่อคน ขณะที่การทัวร์ชมธารน้ำแข็งพร้อมไกด์ท้องถิ่นอาจมีราคาต่อคนอยู่ที่ 8,000 บาท เป็นต้น
  • ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด เช่น ค่าของฝาก ค่าประกันเดินทาง ค่าบริการพิเศษ เป็นต้น

 

สรุปแล้วการเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์นั้นจะต้องวางแผนให้ดีเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้งบบานปลายคนเกินไป สำหรับใครที่คิดว่าการวางแผนเดินทางให้ลงตัวนั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก หรือไม่แน่ใจว่าควรวางแผนไปเที่ยวที่ไหนดี Artralux เราขอเสนอช่วยคุณ ด้วยการวางแผนทางเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ พร้อม Service สุด Exclusive มากมาย ตั้งแต่ บริการจองตั๋วเครื่องบิน บริการจองภัตตาคารหรู บริการจองโรงแรม บริการเช่ารถพร้อมคนขับให้คุณเที่ยวทั่วเกาะได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังได้ความเป็นส่วนตัวเพราะเราจัดทัวร์แบบ Private Group มีไกด์ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณตลอดทาง เหมาะกับการเที่ยวแบบบรรยากาศสงบกับคนใกล้ชิด เดินทางเที่ยวไอซ์แลนด์อย่างสะดวกสบาย ใช้บริการกับเรา Artralux

 

สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)

📞 | 02-047-0083

💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

 

เพิ่มเพื่อน

SHARES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า