หลายๆ ครั้งเราอาจเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘อ่านหนังสือหมื่นเล่ม มิสู้เดินทางหมื่นลี้’ นั่นก็เพราะการเรียนรู้จากประสบการณ์โดยตรงนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งแม้ว่าหลายคนอาจเคยเห็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต หรือจากหนังสือท่องเที่ยวก็ตาม ก็ยังไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าการได้มาสัมผัสสถานที่นั้นด้วยตนเองย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ
เช่นเดียวกับเกาะไอซ์แลนด์ หรือไอซ์แลนด์ (Iceland) หนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักเดินทางทั่วโลกอีกด้วย บอกเลยว่าไม่เพียงแต่ไอซ์แลนด์จะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่สวยงามมากมาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว ยังมีไฮไลท์สำคัญที่น่าสนใจอย่าง การดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ นั่นเอง ดังนั้นแล้ว เชื่อเลยว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงอยากจะรู้แล้วว่าทำไมไอซ์แลนด์จึงเป็น Travel Destination ที่ควรจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ในบทความนี้ Artralux จะพาท่านมาร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กันกับ 5 ที่เที่ยวสวยๆ ในดินแดนแสงเหนือไอซ์แลนด์แห่งนี้
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ทำความรู้จักไอซ์แลนด์ สรวงสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ไอซ์แลนด์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ (Republic of Iceland) หรือที่เรียกกันติดปากว่า เกาะไอซ์แลนด์ (Iceland) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรปอีกด้วย โดยประเทศไอซ์ยังถูกเรียกว่าเป็น ดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง (Land of Fire and Ice) เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟและธารน้ำแข็งนั่นเอง โดยไอซ์แลนด์ยังมีฤดูกาลให้เราได้ท่องเที่ยวด้วยกันทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันไปตั้งแต่หนาวไปจนถึงเย็นสบาย เหมาะกับการเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างยิ่ง
1.กรุงเรคยาวิก (Reykjavik)
เริ่มต้นจุดหมายปลายทางแรกอย่างกรุงเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงที่สำคัญของเกาะไอซ์แลนด์ ซึ่งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดอีกด้วย โดยกรุงเรคยาวิกยังเป็นศูนย์กลางความเจริญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมอีกด้วย โดยไฮไลท์ที่เที่ยวที่สำคัญในเมืองแห่งนี้ ได้แก่
- ฮาร์ปา (Harpa) คอนเสิร์ตฮอลล์ สถาปัตยกรรมทรงเรขาคณิตขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบด้วยกระจกทั้งอาคาร เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองได้ อีกทั้งฮาร์ปาฮอลล์ยังเป็นศูนย์รวมจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเทศกาลดนตรีซึ่งมาจากศิลปินเดี่ยว วงดนตรีกลุ่ม หรือทัวร์คอนเสิร์ต
- เพอร์ลัน (Perlan) อาคารโดมทรงไข่มุกขนาดใหญ่ 5 ชั้น ที่รวบรวมแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไวกิ้ง ที่รวบรวมโบราณวัตถุและมรดกที่สำคัญของชาวไวกิ้ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวสแกนดิเนเวียไว้
- ประติมากรรมเรือไวกิ้ง Solfar (Sun Voyager) สร้างโดย Jon Gunnar Arnason ช่างสลักที่มีความสวยงาม โดดเด่น ดูแปลกตา ตั้งอยู่ติดธารน้ำขนาดใหญ่ใกล้ฮาร์ปาฮอลล์อีกด้วย
สำหรับการเดินทางภายในเมืองก็ไม่ยาก เพียงนั่งเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเคฟลาวิค (Keflavik International Airport) จากนั้นเมื่อเข้ามาในกรุงเรคยาวิกจะมีรถสาธารณะบริการอย่างรถโคช หรือรถบัสเพื่อท่องเที่ยวภายในเมืองนั่นเอง
2. บลูลากูน (Blue Lagoon)
สำหรับคนที่ชื่นชอบการแช่บ่อน้ำพุร้อนจะต้องไม่พลาดกับบลูลากูน (Blue Lagoon) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ น่าไปพักผ่อนหย่อนใจประจำเกาะไอซ์แลนด์ที่มีบ่อน้ำพุร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากมาย โดยบลูลากูนเป็นสปาที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วกว่า 40 ปี ซึ่งมีจุดเด่นคือเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ จึงดีต่อสุขภาพผิว อีกทั้งยังเปิดให้บริการตลอดทั้งปี ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงมีคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาเป็นประจำจนเป็นที่นิยมไม่แพ้นักท่องเที่ยวที่อยากดูแสงเหนือไอซ์แลนด์เลย โดยในส่วนของค่าบริการเข้าบลูลากูนนั้น ยังแบ่งออกได้เป็นหลายแพ็คเกจ โดยราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จอง ณ ขณะนั้น ดังนี้
- Comfort เริ่มต้น 8,990 ISK หรือประมาณ 2,200 บาท
- Premium เริ่มต้น 11,400 ISK หรือประมาณ 3,000 บาท
- Luxury เริ่มต้น 89,000 ISK หรือประมาณ 22,000 บาท
นอกจากนี้ ในการเดินทางไปบลูลากูนก็ไม่ยาก สามารถเช่ารถส่วนตัวเพื่อเดินทาง หรือนั่งรถบัสจากในเมืองเรคยาวิกประมาณ 45-60 นาทีก็ถึงแล้ว
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
3.แสงเหนือไอซ์แลนด์ (Aurora Borealis)
มาถึงไฮไลท์สำคัญที่เหล่านักเดินทางไม่ควรพลาดอย่างการทัวร์แสงเหนือไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากอนุภาคที่ชนกับก๊าซบนชั้นบรรยากาศจนเกิดเป็นแสงสีต่างๆ ขึ้นมา แต่เรามักจะเห็นแสงสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ โดยแสงเหนือ หรือแสงออโรรา (Aurora) จะปรากฏขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ของไอซ์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเรคยาวิก, ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón Glacier Lagoon), น้ำตกสโคว์คาร์ฟอสส์ (Skogafoss Falls), หรือ อนุสาวรีย์หิน (Arctic Henge) ในเมืองเราฟาร์ฮอฟน์ (Raufarhöfn), และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย ที่มีท้องฟ้าปลอดโปร่ง ซึ่งจะมีโอกกาสเห็นแสงเหนือไอซ์แลนด์ได้มากกว่าที่อื่นๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีแพลนอยากไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อทัวร์แสงเหนือไอซ์แลนด์กับทางผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวอยู่ ขอแนะนำให้มาในช่วงเดือน กันยายน – เมษายน จะดีที่สุด เพราะจะสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ช่วงเวลาอื่นๆ นั้น จะมีเวลากลางวันยาวนาน จึงทำให้มองแสงเหนือได้อย่างยากลำบาก
4.หาดเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara)
หาดเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งเกาะไอซ์แลนด์เจ้าของฉายาหาดทรายสีดำ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และมีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยหาดแห่งนี้มีจุดเด่นคือเป็นหาดที่มีผืนทรายสีดำสนิทเนื่องจากภายในหาดเรน์นิสฟยาราจะเต็มไปด้วยตะกอนกรวดสีดำอันเกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่น่าสนใจของหาดนี้คือบรรดาแนวแท่งหินสุดตระการตาที่มาจากภูเขาเรน์นิสฟยอล (Reynissfjall) ซึ่งเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ จึงมีความงามและเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมพร้อมถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ
สำหรับการเดินทางก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ท่านสามารถใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือรถบัส ออกเดินทางจากเมืองวิค (Vik) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะไอซ์แลนด์เช่นเดียวกับหาดเรย์นิสฟยาราประมาณ 10 กิโลเมตร หรือ 10-15 นาทีโดยประมาณ
5.น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)
นอกจากการมาไอซ์แลนด์ (Iceland) เพื่อดูแสงเหนือ หรือการมาแช่น้ำพุร้อนที่บลูลากูน หรือท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ แล้ว จะไม่กล่าวที่เที่ยวนี้เลยก็คงจะยาก นั่นก็คือ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) นั่นเอง โดยน้ำตกแห่งนี้ยังมีความหมายในภาษาไอซ์แลนด์ว่า น้ำตกทองคำ อีกด้วย ซึ่งน้ำตกกุลล์ฟอสส์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเกาะไอซ์แลนด์ที่ได้ยกย่องว่าเป็นไนแองการาแห่งไอซ์แลนด์เลยทีเดียว ที่สำคัญยังได้รับการรับรองในฐานะมรดกโลกที่สำคัญจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย เพราะนอกจากน้ำตกแห่งนี้จะขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามแล้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลเป็นลักษณะของขั้นบันไดก่อนจะไหลมาบรรจบกัน
ผู้ที่สนใจมาท่องเที่ยวน้ำตกกุลล์ฟอสส์สามารถมาได้ทุกฤดูกาล แต่หากต้องการเดินทางมาเที่ยวเพื่อชมแสงเหนือไอซ์แลนด์ด้วย แนะนำเป็นช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเมษายน
ไอซ์แลนด์ หรือเกาะไอซ์แลนด์ เป็นประเทศยุโรปที่มีสถานที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรุงเรคยาวิก บ่อน้ำพุร้อนจากบลูลากูน หาดเรน์นิสฟยารา น้ำตกกุลล์ฟอสส์ รวมไปถึงที่เที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีแสงเหนือไอซ์แลนด์ให้ชม ซึ่งสำหรับใครที่มีแพลนอยากเที่ยวไอซ์แลนด์ นี้ สามารถติดต่อ Artralux เพื่อขอวีซ่าไปไอซ์แลนด์ พร้อมจัดทริปแสงเหนือไอซ์แลนด์ สร้างประสบการณ์การเดินทางอันแสนสวยงามและน่าประทับใจ
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว