นอกจากความเป็นอัตลักษณ์ ความหรูหรา และประณีตที่ลูกค้าจะได้รับแล้ว เบื้องหลังรถหรูที่ทำให้แบรนด์ทรงคุณค่าอาจจะไม่ใช่เพียงราคา และคุณภาพเท่านั้น ทว่าเรื่องราวของเทพี หรือหญิงสาวสัญลักษณ์หน้ารถ Rolls-Royce คือสิ่งที่เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ และมนต์ขลังให้กับรถของ Rolls-Royce เป็นดั่งตำนานอันทรงคุณค่าด้วยเช่นกัน
The Spirit of Ecstasy ที่หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นรูปเทพีสยายปีก หรือเทพีแห่งความเร็ว แท้จริงแล้วเป็นรูปปั้นหญิงสาวคล้ายกำลังจะโบยบินบนฝากระโปรงรถ ที่มีต้นแบบมาจากคุณ เอลีนอร์ เวลาสโก ธอร์นตัน (Eleanor Velasco Thornton) เธอเป็นเลขาของ จอห์น วอลเตอร์ เอ็ดเวิร์ด สก็อตต์ มองตากิว (John Walter Edward Scott-Montagu) หนึ่งในผู้หลงใหลรถยนต์ และบุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ในอังกฤษ ทั้งสองตกหลุมรักกันแต่ด้วยฐานะที่ต่างกันจึงทำให้นี่กลายเป็นรักต้องห้าม ที่ต้องปิดบังเอาไว้
ต่อมาจอห์นอยากได้สัญลักษณ์ให้กับรถ Rolls-royce Silver Ghost ของเขาจึงได้ให้โรบินสัน(Charles Robinson Sykes) ปั้นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างขึ้นมา แต่โรบินสัน ผู้เป็นเพื่อนสนิทรู้ดีถึงความรัก ความสัมพันธ์ของเพื่อนจึงได้นำคุณ เอลีนอร์ มาเป็นแรงบันดาลใจและแม่แบบ ซึ่งเดิมทีเป็นรูปปั้นผู้หญิงในชุดที่พลิ้วไหว วางนิ้วชี้ข้างหนึ่งไว้ที่ริมฝีปากเหมือนกับปิดปากเอาไว้นั่นเอง และให้ชื่อว่า “The Whisper” เหมือนบอกเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นระหว่างจอห์น และเอลีนอร์ ซึ่งนี่เป็นสัญลักษณ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนรถของจอห์นเท่านั้น
ในปี ค.ศ.1910 ทาง Rolls-Royce เองนั้นต้องการสร้างมาสคอตให้กับแบรนด์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น จึงได้มีการว่าจ้างให้โรบินสัน ที่เคยทำรูปปั้นให้กับรถจอห์นมารังสรรรค์ผลงานอีกครั้งโดยให้โจทย์เป็นเทพีไนกี้ในตำนานกรีก แต่โรบินสันกลับปฏิเสธและเลือก The Whisper หรือ เอลีนอร์ มาเป็นต้นแบบอีกครั้งแล้ว เขาปรับปรุง และดัดแปรงใหม่แล้วเรียกมันว่า The Spirit of Speed แต่วันที่ส่งมอบผลงานให้กับทาง Rolls-Royce เขาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “The Spirit of Ecstasy” หรือ วิญญาณแห่งความปีติยินดี เป็นชื่อที่เรียกกันอย่างเป็นทางการจนมาถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ในช่วงค.ศ. 1930 โรบินสันได้รับการมอบหมายอีกครั้งจาก Rolls-Royce ให้รังสรรค์มาสคอตที่เหมาะสมกับรถสปอร์ตซาลูนใหม่ โดยคำนึงถึงการขับขี่ให้มองเห็นถนนข้างหน้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เขาจึงได้ดัดแปรงเป็นเวอร์ชั่นคุกเข่า และในการออกแบบครั้งนี้ ยังคงเป็นภาพสะท้อนของเอลีนอร์เช่นเดิม ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2477 และไม่นานก็ถูกยกเลิกไปเพราะกลับมาใช้ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมแต่ปรับขนาดให้เล็กลง
และ Spirit of Ecstasy ตั้งแต่รุ่น Phantom ปี 2003 เป็นต้นไป จะมีขนาด 3 นิ้ว (7.6 ซม.) และเพื่อความปลอดภัยในการมองเห็นขณะขับขี่ ทั้งยังติดตั้งบนกลไกแบบสปริงโหลดที่ออกแบบมาเพื่อหดกลับเข้าไปในเปลือกหม้อน้ำทันทีหากกระแทกจากทิศทางใดๆ พร้อมมีปุ่มภายในรถซึ่งสามารถยก และลดระดับตราสัญลักษณ์เมื่อกดเพื่อให้สะดวกต่อผู้ขับขี่มากขึ้น
The Spirit of Ecstasy ณ ปัจจุบันก็เปรียบเสมือนกับภาพลักษณ์ เป็นหน้าตา หรือมิวส์ของแบรนด์ด้วย
เธอเป็นดั่งเทพีที่แสดงถึงจิตวิญญาณความหรูหรา และนวัตกรรม ทุกครั้งที่ได้โลดแล่นบนท้องถนน เธอกำลังแสดงความเพลิดเพลินอย่างสุดซึ้งนั้นทำให้เราสัมผัสได้ถึงความปิติยินดี และความสุขจากเธอเทพีผู้สง่างาม
และด้วยเบี้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้ลูกค้าหลายคนมองว่าที่คือคุณค่าทางจิตใจ คือผลงานที่ควรค่าแก่การเก็บรักษา และครอบครอง มันยิ่งทำให้ Rolls-Royce แบรนด์รถหรูสัญชาติอังกฤษนั้นขายความเป็นตำนานไปโดยปริยาย และเป็นเหมือนผลงานศิลปะที่สรรสร้างเพื่อคุณโดยเฉพาะ นอกจากนี้ในส่วนของ The Spirit of Ecstasy ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Stainless Steel เหมือนกับตัวต้นแบบเสมอไป
ร่วมรังสรรค์ประสบการณ์การเดินทางสุด Exclusive ทั้งในและต่างประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับ Artralux ได้ที่: (+66) 2 047 0083
Line ID: @artralux
IG: https://www.instagram.com/artraluxthailand/
FB: https://www.facebook.com/artralux
Website: https://artralux.co.th/
https://www.dailyartmagazine.com/
https://www.press.rolls-roycemotorcars.com/
#Artralux #Senseofpride #Luxurytraveldesigner #Artraluxexperiences #Bespoketravel #PRIVATEJETS #PRIVATEYACHT #PRIVATEVILLAS #PRIVATEHOTELS #Rolls-Royce #TheSpiritofEcstasy