“เที่ยวโมรอคโค” สงสัยกันไหม ว่าทำไมหลายปีที่ผ่านมา เราถึงได้ยินคำนี่กันบ่อยจัง เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ต่างต้องเคยได้ไปสัมผัสบรรยากาศประเทศโมรอคโค หรือ อยากที่จะไปเที่ยวโมรอคโคกันท้ังสิ้น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวหันมาให้ความสนใจประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกาเหนือนั้น ส่วนหนึ่งมาจากกระแสฟุตบอลโลกเมื่อปี 2022 ที่ทางทีมชาติโมรอคโคได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นตัวแทนจากทวีปแอฟริกาประเทศแรกที่สามารถเข้ามาได้ถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างงดงาม
อย่างไรก็ตาม นอกจากความสามารถด้านกีฬาแล้ว ประเทศโมรอคโคยังมาพร้อมกัเสน่ห์ และ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนประเทศไหนในโลก การมาเที่ยวโมรอคโค จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมที่หลากลหาย เพราะแม้ว่าตัวประเทศโมรอคโคจะอยู่ในเขตแอฟริกาตอนเหนือ แต่ประเทศนี้กลับมีศิลปะ วัฒนธรรม และ สภาพความเป็นอยู่ของประชากรที่ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกา และ อาหรับ อย่างลงตัว และ ที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวโมรอคโคแต่ละแห่งของ ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และ ความสวยงามทางสถาปัตยกรรม จึงไม่แปลกใจเลยที่ดินแดนฟ้าจรดทรายแห่งนี้ จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
วันนี้ Artralux ผู้นำด้านการท่องเที่ยว และ บริการวีซ่าชั้นนำของประเทศไทย ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเทศโมรอคโค และ สถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 10 แห่งที่ไม่ควรพลาด หากท่านมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวโมรอคโค หรือ มาทัวร์โมรอคโค ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เรื่องน่ารู้ก่อนเที่ยวโมรอคโค
“ประเทศโมรอคโค” หรือ ชื่อทางราชการ “ราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco)” เป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเขตทวีปแอฟริกาเหนือ ซึ่งแม้ว่าประเทศโมรอคโค จะมีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นอย่างมาก แต่เชื่อว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วนั้น เที่ยวโมรอคโค อาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในฝันเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปสักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert) แล้วละก็ แน่นอนว่าทุกคนต้องเคยได้ยิน และ รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเจ้าผืนทรายที่กินพื้นที่กว่า 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นขนาดเทียบเท่ากับประเทศอเมริกาทั้งประเทศอย่างแน่นอน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าพื้นที่บางส่วนของเจ้าทะเลทรายซาฮาร่านี่ ตั้งอยู่ในประเทศโมรอคโคนั่นเอง
ที่ตั้ง ภูมิประเทศ และ เมืองหลวงโมร็อกโก
ประเทศโมรอคโค เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา มีขนาดใหญ่กินพื้นที่ประมาณ 710,850 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งยังมีชายแดนติดกับประเทศสเปนที่เมือง Ceuta และ เมือง Melilla, ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และ ทางตอนใต้ของประเทศ ติดกับสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย
ซึ่งอาณาเขตที่กว้างขวางของตัวประเทศโมรอคโคนี่เอง ส่งผลให้ประเทศมีภูมิประเทศที่หลากหลาย เช่น ทางตอนเหนือจะมีสภาพอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ในขณะที่ส่วนที่ติดกับชายฝั่งทะเล จะมีสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน จึงเหมาะแก่การเพาะปลูก และ ทำการประมง และในส่วนที่ติดกับทะเลทราย จะมีสภาพอากาศแบบทะเลทราย ซึ่งจะร้อนในตอนกลางวัน และ หนาวเย็นในตอนกลางคืน
-
เมืองหลวงโมร็อกโก คือ
เมืองหลวงของโมรอคโค คือ กรุงราบัต (Rabat) ซึ่งเป็นเมืองหลวงอันเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยโรมัน ซึ่งหลังจากที่ตัวเมืองหลุดพ้นจากการแทรกแซงประเทศของฝรั่งเศส กรุงราบัต ก็ได้กลายเป็นเมืองหลวงโมร็อกโก ตั้งแต่ ค.ศ.1956 เป็นต้นมา ส่งผลให้ตัวเมืองรายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังหลวง ทำเนียบทูต, สุสานของโมฮัมเหม็ดที่ 5 และ อีกมากมาย จุดเด่นของเมืองราบัต คือ ความสะอาดของบ้านเมือง และ สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนที่มีความสวยงาม สีขาว สะอาดตาทั่วเมือง
สภาพอากาศ และ ฤดูกาล
เนื่องจากประเทศโมรอคโคมีพื้นที่กว้างขวาง ตัวประเทศอยู่ติดกับหลายอาณาเขต ทำให้มีสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ติดกับชายฝั่ง จะมีสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ในขณะที่บริเวณพื้นที่ทะเลทราย ได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศของทะเลทรายซาฮาร่า อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศโมรอคโค จะอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่อากาศโดยรวมของประเทศจะคล้ายคลึงกับสภาพอากาศของประเทศในทวีปยุโรป และ ประเทศสเปนมากกว่า
ประเทศโมรอคโค มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูฝน โดยสภาพอากาศจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงดังนี้
- ช่วงอากาศอบอุ่น: กินระยะเวลากว่า 4 เดือน (เดือน พฤษภาคม – กันยายน ) โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 23°C และ ต่ำสุดอยู่ที่ 18 °C
- ช่วงอากาศหนาว: กินระยะเวลา 3 เดือน (เดือนธันวาคม – มีนาคม) โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 6°C และ สามารถอากาศหนาวเย็นได้มากสุดอยู่ที่ -7 °C เลยทีเดียว
เที่ยวโมรอคโค เดือนไหนดี อากาศดีที่สุด
คำถามที่ว่าเที่ยวโมรอคโคเดือนไหนดี จริงๆ แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวโมรอคโคได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือน High Season ของประเทศโมรอคโคนั้น คือ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างช่วงกลางเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม และ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน – ตุลาคม เพราะทั้ง 2 ช่วงนี้ จะมีสภาพอากาศที่เย็นสบาย ไม่ร้อน หรือ หนาวเย็นจนเกินไป นอกจากนี้ บ้านเมืองยังมีความครึกครื้น และ มีเทศกาลจัดขึ้นมากมาย
อย่างไรก็ตาม หากท่านกำลังวางแผนเดินทางไปเที่ยวโมรอคโคอยู่นั้น แนะนำว่าในหลีกเลี่ยงในช่วงเราะมะฎอน (Ramadan) ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือน 9 ตามปฏิทินอิสลาม โดยชาวมุสลิมทั่วโลกจะถือศีลอด ทำให้ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือ โรงแรมบางแห่ง ปิดทำการชั่วคราวนั่นเอง
ดังนั้น เที่ยวโมรอคโคเดือนไหนดี นั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวก และ ความชอบส่วนตัวในเรื่องของสภาพอากาศในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวแต่ละคน แต่ทางเราแนะนำว่าให้เว้นช่วงเราะมะฎอน นั่นเอง
การเดินทางไปเที่ยวโมรอคโค
ในปัจจุบัน ยังมีสายการบินไม่มากนัก ที่สามารถบินตรงจากประเทศไทย และไป ลงที่สนามบินซาบาลังกา (Casablanca Mohammed V International Airport) ได้ ดังนั้น ผู้เดินทางจึงต้องเลือกสายการบินที่นั่งสบาย เพราะจะใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรนั่นเอง โดยสายการบินที่ได้รับความนิยม ได้แก่สายการบิน Etihad, Qatar, Emirates, Turkish และ Egypt Air
เที่ยวโมรอคโค แต่งตัวอย่างไร
เมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ แน่นอนว่าอีกหนึ่งคำถามที่นักท่องเที่ยวสงสัยนั้น คือ เที่ยวโมรอคโค แต่งตัวยังไง ซึ่งจริงๆ แล้ว การเที่ยวโมรอคโค นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้มิดชิดเท่ากับประเทศมุสลิมประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ท่องเที่ยวที่ท่านไปเยือนด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากเดินทางไปชมสุเหร่า หรือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ท่านจะต้องแต่งตัวให้เกียรติสถานที่ โดยใส่เสื้อ และ กางเกงขายาว ไม่รัดรูป นั่นเอง
เปิดประสบการณ์เที่ยวโมรอคโคอย่างสมบูรณ์แบบ กับ 10 ที่เที่ยวแนะนำ
นอกจากทะเลทรายซาฮาร่าซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ และ เมืองมาร์ราเกช หมู่บ้านอาคารสีฟ้า-ขาว สถาปัตยกรรมอาหรับอันโด่งดังแล้ว ที่ประเทศโมรอคโค ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งในเชิงธรรมชาติ ศิลปะ และ วัฒนธรรม อีกมากมาย ที่ชวนให้หลงใหล จนทำให้ประเทศโมรอคโค เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ศิลปินจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเยี่ยมชมความหลากหลายของศิลปะ ที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของยุโรป และ อาหรับไว้ด้วยกันอย่างลงสมบูรณ์แบบ ซึ่งหากท่านมีโอกาสได้มาเที่ยวโมรอคโค หรือ มาทัวร์โมรอคโคแล้ว อย่าได้พลาด ทั้ง 10 สถานที่เที่ยวเหล่านี้เป็นอันขาด
1. กรุงมาร์ราเกช (Marrakesh)
เมืองมาร์ราเกช เป็นที่เที่ยวโมรอคโคที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมมากที่สุดตลอดทั้งปี โดยในอดีตเมืองนี้ เป็นจุดพักของคาราวานอูฐ ที่ได้เดินทางไกลมาจากทางตอนใต้ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน หากโชคดี ท่านอาจจะได้เห็นฝูงอูฐ แวะพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองก็เป็นได้
จุดเด่นของเมืองนี้ อยู่ที่สถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมอาหรับ มัวร์ และ ตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งแต่ละอาคารจะมีสีเป็นสีชมพูแดง ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก เรียกเมืองนี่ว่า “The Pink City” นั่นเอง
ซึ่งที่เที่ยวโมรอคโค ในกรุงมาร์ราเกชที่พลาดไม่ได้ ที่จะไปถ่ายรูปนั้น มีดังนี้
-
-
จัตุรัส Jemma El Fna Square
ซึ่งเป็นลานกว้างกลางเมือง เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝากพื้นเมือง และ ผู้คนเดินอย่างพลุกพลาน ซึ่งสิ่งนี่เอง จะทำให้คุณได้เห็นวิถีชีวิต และ ความเป็นอยู่ของชาวโมรอคโคอย่างแท้จริง
-
-
-
มัสยิดคูโทเบีย ( Koutoubia Mosque )
ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ หรือ สุเหร่า มีลักษณะโดดเด่นคือยอดหอคอยที่สูงกว่า 70 เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์มุสลิมต้นแบบ และ เป็นอนุสรณ์มุสลิมที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในดินแดนแอฟริกาเหนืออีกด้วย
-
-
-
พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace)
เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งแม้ว่าจะถูกสร้างมานานแล้ว แต่ราชวังแห่งนี้ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ได้ผสมผสานศิลปะของชาวมุสลิม และ ชาวโมรอคโคเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ภายในยังมีความหรูหรา สะอาดตาด้วยการตกแต่งจากการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) และ การวาดลวดลายลงไปบนไม้นั่นเอง
-
2. เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen)
แม้ว่าเมืองเชฟชาอูน จะไม่ใช่เมืองหลวงของโมรอคโก หรือ เมืองที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศขนาดนั้น แต่หากกล่าวถึงที่เที่ยวโมรอคโค ที่นักท่องเที่ยว และ ทัวร์โมรอคโค ต้องมาเยี่ยมชมเพื่อดื่มด่ำความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์แล้วละก็ เมืองเชฟชาอูน ไม่แพ้ที่ไหนในโลก
เชฟชาอูน เป็นเมืองขนาดเล็ก ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 538 ปี โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนสีฟ้า และ สีขาว สะอาดตาทั่วทั้งเมือง จนทำให้เมืองนี้ได้รับฉายาว่า “นครสีฟ้าของโมรอคโค” ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เมืองนี้ มีอาคารบ้านเรือนสีฟ้าทั้งหมดนั้น เกิดจากการอพยพเข้ามาของชาวยิวในช่วงยุคกลางด้วยเหตุผลทางศาสนา ซึ่งพวกเขามีความเชื่อว่า สีฟ้า คือ สีของเทพเจ้านั่นเอง
นอกจากอาคารสีฟ้าที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองนี้คือการภูมิปัญญางานหัตถกรรมผ้าทอพื้นเมือง ซึ่งทำมาจาก ขนอูฐ และ ขนแกะ มาถักทอจนเป็นลวดลายที่สวยงาม ซึ่งชาวบ้านจะพาดไว้ตามผนังบ้าน ตัดเจ้ากับสีฟ้าของตัวอาคาร ได้อย่างสวยงามนั่นเอง
3. เมืองคาซาบลังกา (Casablanca)
หากพูดถึงที่เที่ยวโมรอคโคแล้วไม่พูดถึงเมืองคาซาบลังกา คงจะไม่ได้ เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ตั้งของสนามบินของประเทศ และ เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง ทั้งในการคมนาคม อาคารบ้านเรือน และ เทคโนโลยี จนทำให้เมืองคาซาบลังกานั้น เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และ อุตสาหกรรมของประเทศ ในส่วนของบรรยากาศบ้านเมือง ค่อนข้างดีมาก เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือเก่าติดทะเล อีกทั้งยังมีผู้คนพลุกพล่าน นอกจากนี้ร้านอาหาร ร้านค้า และ คาเฟ่ต่างๆ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในประเทศฝรั่งเศสก็ว่าได้ เนื่องจากเมืองนี้ เคยเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสมาก่อนนั่นเอง
ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ได้แก่ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) ซึ่งเป็นสุเหร่าขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้กว่า 25,000 คน สถาปัตยกรรมภายนอกเป็นแบบสไตล์โมรอคโคโดยเฉพาะ ความสูงกว่า 210 เมตร
4 .ย่านไอน์เดียบ (Ain Diab)
ย่านไอน์เดียบ เป็นย่านพักตากอากาศ ตั้งอยู่ในเมืองคาซาบลังกา ประเทศโมรอคโค ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนมองว่าย่านนี้ เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของผู้มีฐานะ ผู้มีหน้าตาทางสังคม และ เหล่าดาราฮอลลีวูดมากมาย ทั้งนี้เนื่องจากที่ดินในย่านนี้มีราคาที่สูงมาก เพราะย่านนี้อยู่ติดกับทะเลแถบมหาสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งยังมีต้นปาล์มขึ้นตามสองข้างถนน ทำให้ได้บรรยากาศคล้ายกับที่รัฐลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ว่าได้
5. ทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara Desert)
แน่นอนว่ามาเที่ยวโมรอคโคทั้งที หนึ่งในที่เที่ยวที่ต้องไม่พลาดเดินทางไปถ่ายรูปกันให้ได้นั้น คือ ที่ทะเลทรายซาฮาร่า กับเนินทรายสีส้มสุดอลัง หรือ ที่เรารู้จักกันดีว่า Sand Dune นั่นเอง ซึ่งเนินทรายของทะเลทรายซาฮาร่าที่สวยงาม และ ใหญ่ที่สุดนั้น อยู่ที่ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) ตรงบริเวณ “Erg Chebbi” ซึ่งตรงนี้ นักท่องเที่ยวจะได้พบเจอกับเนินทรายสีส้ม ความสูงกว่า 100 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน นอกจากนี้ บริเวณใกล้ๆ ยังมีหมู่บ้าน เมอร์ซูก้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และ เป็นที่ที่คุณสามารถเช่าอูฐ เดินเที่ยวชมความงดงามของเนินทรายที่ทะเลทรายซาฮาร่าแห่งนี้นั่นเอง
โดยทัวร์โมรอคโกของ Artralux จะพาคุณไปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของทะเลทรายซาฮาร่ากันแบบข้ามวัน ข้ามคืน ด้วยการนอนตั้งแคมป์ที่ทะเลทราย กับที่พัก Sahara Luxury Camp เต็นท์ที่พักกลางทะเลทรายรูซาฮาร่าสุดหรูนั่นเอง
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
6. เทือกเขาไฮแอตลัส High Atlas Mountains
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวโมรอคโคแบบผจญภัย ออกแนว Road Trip เราขอแนะนำให้ท่านเดินทางไปเที่ยวที่ “เทือกเขาไฮแอตลัส” ซึ่งเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ มีความยาวข้ามประเทศ โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ แหลมดรา ของประเทศโมร็อกโก ยาวไปจนถึง แหลมบอง ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศตูนิเซีย
ซึ่งบริเวณเทือกเขาไฮแอตลัสในประเทศโมรอคโคนั้น จะอยู่ที่อุทยานแห่งชาติตูบคาล (Toubkal National Park) ซึ่งภายในมีกิจกรรมการแจ้งให้ได้เล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า และ ปีนเขา รวมไปจนถึงการเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของ ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณเทือกเขาแอตลัสที่พลาดไม่ได้
ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge): มีลักษณะเป็นคูกำแพงหินผาขนาดใหญ่ทั้งสองข้างถนน ซึ่งเป็ฯความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำทอดรา (Todra River) และ แม่น้ำเดดส์ (Dades River) เกิดเป็นจุดช่องแคบตลอดเนินเขา ให้นักท่องเที่ยวได้แวะมาถ่ายรูปชมความงามกัน
7. หุบเขาดาเดส (Dades)
หุบเขาดาเดส เป็นหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศโมรอคโค หุบเขาดังกล่าว เป็นที่เที่ยวโมรอคโค เชิงธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หุบเขาดาเดสในอดีตนั้น อยู่ใต้ท้องทะเล และ เกิดการสะสมของตะกอนบริเวณแนวปะการัง ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เปลือกโลกได้เกิดการเคลื่อนตัว ทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้ได้แห้งลงจนหมด จนทำให้เกิดเป็นหุบเขาที่มีรูปประหลาด ที่สวยงามอย่างที่ได้เห็นกันในทุกวันนี้
8. ป้อมไอท์เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou)
เชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยวโมรอคโค ที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาดูความยิ่งใหญ่ และ ความสวยงามทางสถาปัตยกรรมนั้น หนีไม่พ้น ป้อมไอท์เบนฮาดดู แน่นอน ซึ่งป้อมไอท์เบนฮาดดูนั้น เป็นป้อมหินทราย หรือ ที่คนพื้นเมืองเรียกกันว่า คซาร์ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยหินทรายแห้ง สีแดง เรียงตัวกันเมืองขนาดเล็ก
ในอดีต เมืองไอท์เบนฮาดดู ที่รอบล้อมด้วยป้อมปราการ แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยชนเผ่านักรบที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาแอตลัส เพื่อป้องกันการโจมตีของฆ่าศึก อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างเงียบๆ แม้วสภาพอากาศภายนอกจากสูงถึง 42 องศา แต่พวกเขาสามารถทำมาหากินกันได้จากรายได้การถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง รวมถึงซีรีส์ยักษ์ใหญ่ชื่อดังอย่าง Game of Throne อีกด้วย นอกจากนี้เมืองนี้ ยังเป็นเมืองที่ได้รับการดูแลจาก UNESCO อีกด้วย
9. เมืองมิเดล (Midelt)
เป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอตลัส เป็นอีกที่เที่ยวโมรอคโค ที่หากมีเวลาเหลือ แนะนำให้มาเยี่ยมชมให้ได้ เพราะเมืองมิเดลนี่เอง เป็นเมืองที่ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศกลิ่นอายของอาหรับอย่างสมบูรณ์แบบ ชื่อเสียงของเมืองมิเดลคือ เป็นเมืองศูนย์การค้า และ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศโมรอคโค ซึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือ การเดินชมตลาด และ ซื้อผ้าทอ และ ผ้าห่ม ซึ่งเป็นงานฝีมือท้องถิ่นของเมืองติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยนั่นเอง
10. โรงฟอกหนังโบราณ (Chouara Tannery)
เราขอปิดท้ายทริปเที่ยวโมรอคโคกัน ที่ทัวร์โมรอคโคของ Artralux ต้องพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมกันอย่างแน่นอนนั้น คือ ที่โรงฟอกหนังโบราณ Chouara Tannery เมือง Fiz ประเทศโมรอคโค โดยโรงฟอกหนังนี้ อยู่ในย่าน Souq ของเมือง Fiz เป็นโรงฟอกหนังที่ได้ดำเนินกิจการมากว่า 1,000 ปี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และยังคงรักษาไว้ซึ่งประเพณี วิธีการผลิต และ วัฒนธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย
ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวให้รีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปกับแทบไม่ทันนั้น คือ พื้นที่ฟอกหนัง ที่ประกอบไปด้วยหลุมหินขนาดใหญ่ที่เอาไว้ใส่ของเหลวสำหรับการฟอกสี ที่ได้เรียงรายกว่า 100 หลุม ซึ่งหากมองจากมุมสูง จะให้ลักษณะเหมือนกับรังผึ้งนั่นเอง
ซึ่งทั้ง 10 ที่ที่เราได้กล่าวมานั้น เป็นเพียงแค่ไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆ น้อยๆ ของประเทศโมรอคโคเพียงเท่านั้น เพราะถ้าให้กล่าวถึงประเทศ Morocco และ ที่เที่ยวทั้งหมดของประเทศนี้ บทความนี้คงจะมีความยาวเท่ากับหนังสือรายงานเลยทีเดียว
ประเทศโมรอคโค เป็นอีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวที่มากด้วยเสน่ห์ ซึ่งรอให้คุณได้ไปเปิดประสบการณ์ สัมผัสบรรยากาศ และ อารยธรรมอาหรับที่หาไม่ได้จากไหนด้วยตาของตัวเอง สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่กำลังวางแผนเที่ยวโมรอคโค แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน, ไม่ทราบว่า Morocco ที่เที่ยวดีๆ มีที่ไหนบ้าง, สถานที่ท่องเที่ยวโมรอคโคที่ไหนมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม, หรือ จะต้องพักโรงแรมไหนถึงจะได้รับประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่นั้น ทาง Artralux เรามาพร้อมกับโปรแกรมทัวร์โมรอคโค ด้วยระยะเวลากว่า 11 วัน 8 คืน ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 20 แห่ง คุณจะได้ดื่มด่ำกับอารยธรรมอาหรับที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตกได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ เราจะพาคุณไปทานอาหารพื้นเมือง ในโรงแรมระดับภัตตาคาร และ พักผ่อนอย่างหรู ณ โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือ เทียบเท่า
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
