“เที่ยวอังกฤษ” เป็นประโยคสั้นๆ ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากให้เลือกประเทศท่องเที่ยวในทวีปยุโรปมาหนึ่งประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะคุณจะเป็นรักธรรมชาติ ชอบสถาปัตยกรรม ดื่มด่ำกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สายชอปปิ้งละลายทรัพย์ หรือ เป็นนักชิมตัวยง การเดินทางไปท่องเที่ยวอังกฤษ ไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวท่านไหนต้องผิดหวัง หรือ รู้สึกเสียดายกับเงินที่เสียไปแน่นอน เพราะประเทศอังกฤษแห่งนี้เอง แม้ว่าคุณจะไม่ได้เดินทางไปเก็บครบทุกแลนด์มาร์ก แต่เพียงแค่คุณเดินออกมานอกโรงแรมไปตามถนน และมองสถาปัตยกรรมบ้านเมืองตามทาง เพียงแค่นี้ก็ทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับเสน่ห์ของประเทศอังกฤษในปี 2024 แล้ว
อย่างไรก็ตาม จะไปเที่ยวอังกฤษทั้งที แค่เดินชมกรุงลอนดอน และ นั่ง LONDON BUS เที่ยวอย่างเดียวคงจะเสียเที่ยวแย่ วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ จึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษ 13 แห่ง 2024 ทั่วทั้งประเทศ ครอบคลุมเมืองดัง พร้อมกับข้อมูลการท่องเที่ยวอังกฤษที่ควรทราบก่อนจองตั๋ว และงบในการเดินทาง รวมไปถึงเที่ยวอังกฤษ เดือนไหนดี ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
13 ที่เที่ยวอังกฤษ 2024 มีครบทุกไลฟ์สไตล์การเที่ยว
เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่กำลังมีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวอังกฤษหลายคนคงยังไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว ประเทศที่คนไทยเรียกกันว่า ประเทศอังกฤษ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของ สหราชอาณาจักร (UNITED KINGDOM : UK) ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ประกอบไปด้วยดินแดนทั้งหมด 4 ดินแดนด้วยกัน ได้แก่ อังกฤษ ไอร์แลนด์เหนือ สกอตแลนด์ และ เวลส์ ซึ่งในบทความนี้ เราจะโฟกัสที่สถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษเป็นหลัก
ต้องยอมรับเลยว่าเสน่ห์ที่เปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศอังกฤษกันปีละหลายล้านคนนั้น (ข้อมูลจากเว็บ Statistic พบว่าในปี 2022 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศอังกฤษกว่า 31.2 ล้านคน) หนีไม่พ้นกลิ่นอายของราชวงศ์อังกฤษ (British Monarchy) และ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ที่ต่างสะท้อนผ่านทางสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง และ สถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษอย่างเห็นได้ชัด โดย 15 ที่เที่ยวอังกฤษเหล่านี้ คือที่สถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวที่คุณต้องไม่พลาด หากได้มีโฮกาศเดินทางมาเที่ยวอังกฤษ
1. BIG BEN : หอนาฬิกาบิ๊กเบน
แลนด์มาร์กอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอน และ สหราชอาณาจักรในการท่องเที่ยวอังกฤษ คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากหอนาฬิกา Big Ben หรือ หอนาฬิกา 4 หน้าปัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหอนาฬิกาบิ๊กเบนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ( Palace of Westminster) ที่ในปัจจุบันได้ถูกใช้เป็นรัฐสภาของประเทศอังกฤษ ตัวหอนาฬิกาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังนั่นเอง
หอนาฬิกาบิ๊กเบน ได้ถูกก่อสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับพระราชวัง ผลงานของสถาปนิก Charles Barry และ Augustus Welby Pugin ซึ่งช่วยกันออกแบบโดยการนำสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอทิก ( Gothic Revival architecture) และ สถาปัตยกรรมวิกตอเรีย (Victorian architecture) มาใช้ในการออกแบบ ในส่วนของกลไกหน้าปัดนาฬิกานั้น ออกแบบโดย Edmund Beckett Denison ร่วมกับ Sir George Airy และ Edward Dent จนทำให้หอนาฬิกาบิ๊กเบนแห่งนี้ กลายเป็นหอนาฬิกาที่มีหน้าปัดนาฬิกาที่เที่ยงตรงที่สุดในโลก
จุดเด่นของหอนาฬิกาบิ๊กเบน คือ สถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นจากหิน เหล็กหล่อ และ อิฐ มีความสูงกว่า 97.5 เมตร หรือ เทียบเท่ากับความยาวของ London Bus ซ้อนทับกัน 21 คัน ซึ่งจริงๆ แล้ว หอนาฬิกามีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Elizabeth Tower และ “บิ๊กเบน” นั้นไม่ใช่ชื่อของหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของระฆังที่แขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือของหน้าปัดนาฬิกานั่นเอง
2. LONDON EYE: ชิงช้าสวรรค์แห่งลอนดอน
ยังคงอยู่กันที่กรุงลอนดอนกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศอังกฤษ และ เป็นแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก อย่างที่ London Eye หรือ ชิงช้าสวรรค์ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 135 เมตร และ เป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งวิวจากทุกๆ แคปซูลของ London Eye นี่เอง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเส้นขอบฟ้าของกรุงลอนดอนอย่างเต็ และ สถถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษสำคัญจากมุมสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หอนาฬิกา Big Ben, พระราชวัง Buckingham Palace, St. Paul’s Cathedral , สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ หรือ London Brideg และ อีกมากมาย เพราะ ใน 1 รอบชิงช้าสวรรค์ คุณจะได้ทัศนียภาพของกรุงลอนดอนที่แตกต่างกันออกไปในทุกๆ 25 ไมล์ในทุกทิศทางแบบ 360 องศา
นักท่องเที่ยวที่อยากจะ Experience ประสบการณ์เที่ยวอังกฤษโดยการขึ้นไปชมวิวของลอนดอนจากที่สูงบนชิงช้าสวรรค์ London Eye แห่งนี้ ทาง Artralux แนะนำให้ทำการจองตั๋วผ่านทางเว็บlondoneyeล่วงหน้า เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลาได้แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย ซึ่งราคาเข้าชมจะอยู่ที่ประมาณ 25 ปอนด์ ซึ่งหาก Walk-in ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 45 ปอนด์
3. BUCKINGHAM PALACE : พระราชวังบักกิงแฮม
มาเที่ยวอังกฤษทั้งทีต้องไม่พลาดเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังอันเก่าแก่แห่งราชวงศ์อังกฤษ อายุกว่า 300 ปี อย่างพระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษ และ เป็นที่บริหารของสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามทั้งภายใน และ ภายนอกวังเป็นบางส่วน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าชมพระราชวังบักกิงแฮมได้เพียงแค่ 2 เดือนต่อปีเท่านั้น
- ช่วงเดือนที่ 1 : ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม – วันที่ 31 สิงหาคม เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 09.30-19.30 น.
- ช่วงเดือนที่ 2 : วันที่ 1 กันยายน – วันที่ 1 ตุลาคม เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.30-18.30 น.
และไฮไลท์ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ การชมพิธีการเปลี่ยนเวรยามทหารรักษาพระองค์ (Changing of the Guards) ซึ่งจะจัดขึ้นในบริเวณหน้าประตูพระราชวังบักกิงแฮมในทุกๆ วัน โดยพิธีจะเริ่มตั้งแต่ 11.15 AM จนถึง 12:00 AM ของทุกวัน โดยคุณสามารถตรวจสอบตารางพิธีได้ที่เว็บไซต์นี้
4. COTSWOLDS AREA: อาณาเขตหมู่บ้านชนบทแสนน่ารัก
ออกจากกรุงลอนดอนมาชมบรรยากาศชนบทอังกฤษอันโด่งดังกันล้างกับพื้นที่อาณาเขต Cotswolds ซึ่งเป็นพื้นที่อาณาเขตป่าชนบทขนาดใหญ่ของประเทศอังกฤษ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 800 ตารางไมล์ ตั้งอยู่ในบริเวณตะวันตกของลอนดอน ความพิเศษของสถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษแห่งนี้ คือ การเป็นพื้นที่ตั้งของหมู่บ้านอังกฤษหลายแห่งที่มีสถาปัตยกรรม และ อายุที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ซึ่งแต่ละหมู่บ้าน จะมีการก่อสร้างโดยการใช้ก้อนหินในการสร้างจนได้ชื่อว่าเป็น Stone Build Village นั่นเอง ดังนั้น นักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากเที่ยวอังกฤษในแนวชื่นชมสถาปัตยกรรมโบราณต้องไม่พลาดเดินทางไปเยี่ยมชม Cotswolds
โดยหมู่บ้านที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้ได้แก่ หมู่บ้าน Bourton on the Water ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในกลาง Cotswolds มีลักษณะเด่นคือบรรยากาศที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม่ใหญ่ และ มีแม่น้ำ River Windrus ไหลผ่านตลอดเส้นทางหมู่บ้าน ซึ่งธรรมชาติที่สวยงามนี้ เบลนเข้ากับสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านชนบทอังกฤษที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 70 ได้อย่างงดงาม ถือเป็นที่เที่ยวอังกฤษที่คุณจะได้สัมผัสกับชีวิตชนบท ห่างไกลความวุ่นวายอย่างแท้จริง
5. WINDSOR CASTLE : พระราชวังวินเซอร์
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษที่หากมาเที่ยวประเทศอังกฤษแล้วไม่ได้มาถือว่ามาไม่ถึงนั้นคือที่ พระราชวังวินเซอร์ (Windsor Castle) หรือที่รู้จักกันดีในนามของ พระราชวัง และ ปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ และ ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีคนอาศัยอยู่ โดยพระราชวังแห่งนี้ มีอายุยาวนานเกือบ 1,000 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามความพิเศษไม่ได้อยู่ที่ความเก่าแก่ และ ความยิ่งใหญ่เพียงเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้ถูกเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญมากมายของพระราชวงศ์อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นพิธีอภิเสกสมรส พิธีเฉลิมฉลอง รวมไปจนถึงพิธีพระศพของเชื้อกษัตริย์มากมาย นอกจากนี้ในพระราชวังวินเซอร์แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บพระบรมศพของกษัตริย์อังกฤษถึง 10 พระองค์เลยทีเดียว
หากมาองจากภายนอก คุณจะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ และ ความอลังการของพระราชวังที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ยุคกลาง รอบล้อมด้วย แนวกำแพงหิน และ ป้อมปราการขนาดยักษ์ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวโชคดีได้เห็นว่ามีธงของสหราชอาณาจักรถูกเชิดอยู่บนหอคอยอันสูงที่สุดของพระราชวัง นั้นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าควีนอลิซาเบธได้มาทรงประทับอยู๋ในพระราชวังขณะนี้
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
6. BRITISH MUSEUM : พิพิธภัณฑ์อังกฤษ
สถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษที่ผู้หลงใหลเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต้องไม่พลาดนั้น คือ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ (British Musuem) ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์แนวหน้าของโลกที่ได้รวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของมนุษยชาติ และ เป็นที่จัดแสดงวัตถุโบราณกว่า 500,000 ชิ้น จาก 8 ล้านชิ้นที่ได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ยุคเปอร์เซีย, อัสสีเรียน, อียิปต์, กรีก, โรมัน มาจนกระทั่งมาจนถึงฝั่งเอเชีย โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะถูกแบ่งออกเป็นโซนตามแหล่งที่มาของวัตถุโบราณที่ได้ถูกจัดแสดง เช่น โซนอียิปต์ โซนกรีก โซนตะวันออกกลฃาง และ โซนเอเชีย เป็นต้น
7. UNIVERSITY OF OXFORD : มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
เมื่อพูดถึงอังกฤษ แน่นอนว่านอกจากเรื่องชื่อเสียงของสถานที่ท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงามแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้อังกฤษ เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลกนั้น คือ เรื่องของการศึกษา โดยเมืองในอังกฤษที่ให้คุณได้หลุดเข้าไปในโลกของการศึกษาอย่างแท้จริงนั้น หนีรไม่พ้นเมืองออกซ์ฟอร์ด (Oxford) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก อีกทั้งยังเป็นมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีอายุมากกว่า 1 พันปีอีกด้วย
ภายในมหาวิทยาลัย นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษคลาสสิกโบราณ และหลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ ซึ่งนั้นเป็นเพราะว่า มหาลัยแห่งนี้นี่เอง เป็ฯสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังอย่างเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ ไครสต์เชิร์ช คอลเลจ (Christ Church College) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของห้องโถงฮอกวอตส์ (The Great Hall) ในมตำนานนั่นเอง
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของส่วนของมหาวิทยาลัยที่ต้องไม่พลาดคือที่หอสมุดบอดเลียน (Bodleian) ซึ่งเป็นหอสมุดที่มีสถาปัตยกรรมอาคารทรงกลมสไตล์ Neo-Gothic ความน่าทึ่งของหอสมัดแห่งนี้ คือ ได้รวบรวมหนังสือทุกเล่มที่ถูกตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษทั้งหมด ซึ่งทำให้นักศึกษาได้สามารถเข้าถึงตำราเรียน และ ความรู้อื่นๆ ที่ทันสมัยได้อย่างง่ายดายนั่นเอง
8. YORK : เมืองยอร์ก
อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวของอังกฤษ ที่คอแฟนภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ต้องไม่พลาดนั้น คือ เมืองยอร์ก (YORK) เมืองเก่าแก่ ก่อตั้งโดยอาณาจักรโรมันตั้งแต่ปี ค.ศ. 71 มีขนาดเล็ก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารักของร้านค้า คาเฟ่ และ สถาปัตยกรรมบ้านเมืองที่สวยงามในทุกมุม ซึ่งไฮไลท์ที่เที่ยวของนครยอร์กแห่งนี้ Artralux ของยกให้ที่ ตรอก The Shambles ซึ่งเปรียบเสมือนถนนคนเดิน ที่เต็มไปด้ววร้านค้าเล็กๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านคาเฟ่ ร้านขายของฝาก ร้านเบเกอร์รี่ และ ร้านขายเนื้อ มีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งวัน อีกทังยังมีการเล่นดนตรีสดอีกด้วย และที่สำคัญตรอกแห่งนี้เอง เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของนักเขียน JK Rowling ในการสร้างตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) นั่นเอง
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของนครยอร์กที่ต้องไปให้ได้นั้น คือ ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) ซึ่งเป็นอาสนวิหารสไตล์กอธิคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ซึ่งด้านนอกว่าสวยแล้ว บอกได้เลยว่าด้านในนั้นงดงามกว่ามากๆ ภายในตกแต่งด้วยกระจกแก้วหลากสี (Stained Glass) ที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และ ศาสนามาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 12 นอกจากนี้ตามกำแพง เสาหิน และ ฝาผนังยังมีจิตกรรมการแกะสลักที่สวยงาม เรียกได้ว่าที่สุดของคำว่าสวยเลยก็ว่าได้ ซึ่งค่าเข้าก็โอเคไม่ได้แพงมาก อยู่ที่ประมาณ 11.5 ปอนด์ เท่านั้น
9. OLD TRAFFORD: สนามกีฬา โอลด์แทรฟฟอร์ด
มาเที่ยวต่อกันที่เมืองแมนเชสเตอร์ (Manchester) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองลงมาจากกรุงลอนดอน ซึ่งหากมีโอกาสได้มาเที่ยวแมนเชสเตอร์ทั้งที สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองที่พลาดไม่ได้ คงจะเป็ฯอัไรไปไม่ได้นอกจากสนามกีฬา Old Trafford (โอลด์แทรฟฟอร์ด) สนามกัฬาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองรับผู้นั่งชมได้มากถึง 76,212 คน ซึ่งค่าเข้าชมนั้นอยู่ที่ประมาณ 15 ปอนด์
ซึ่งภายในสนามกีฬาแห่งนี้ มีพิพิธภัณฑ์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United Museum) อยู่ด้านใน โดยการเข้าชม นอกจากที่คุณจะได้เห็นสนามสีเขียวที่เหล่านักกีฬาฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ซิตี ใช้ในการฝึกซ้อมกันจริงๆ แล้ว คุณยังได้เดินชมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องแถลงข่าว ที่นั่งวิไอพีของเหล่าคนดัง สถานที่รวบรวมถ้วย และ เหรียญต่างๆ ของทีม รวมไปจนถึงการได้เดินผ่านอุโมงค์นักเตะเพื่อเข้าสู่สนาม ราวกับคุณได้สวมวิญญาณเป็นนักแตะ อย่างไรอย่างนั้น
10. WARNER BROS STUDIO : วอร์เนอร์ บราเธอส์ สตูดิโอ ทัวร์ ลอนดอน
มาถึงอีกหนึ่งที่เที่ยวไฮไลท์ของกรุงลอนดอนที่ห้ามพลาดเดินทางมาเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ และ ความอลังการของสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) ณ Warner Bros Studio London สถานที่ที่ให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจไปกับฉาก และ พร๊อตต่างๆ ราวกับคุณได้หลุดเข้าไปในโลกเวทมนต์ ซึ่งตั้งแต่ประตูทางเข้า คุณจะได้พบเจอกับฉากการถ่ายทำภาพยนต์ตั้งแต่ภาคแรก โดยเริ่มต้นกันที่ ห้องใต้บันไดของแฮร์รี่ในตำนาน และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ คุณจะพบกับสถานที่ถ่ายทำ และ ฉากในหนังมากมาย ทำเอาแฟนหนังทั้งหลายตื้นตันกันไปตามๆ กัน
ซึ่งภายใน Warner Bros Studio London จะแยกเป็นโซนต่างๆ อย่างชัดเจน ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นอย่างสมใจ โดยโซนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ได้แก่ ห้องโถงใหญ่ (Great Hall) ของโรงเรียนฮอกวอตส์ของเรา และ ตรอกไดแอกกอน (Diagon Alley) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายของเครื่องใช้เวทย์มนต์ และ ไม่กายสิทธิ์ เหมือนกันในหนังแบบเป๊ะๆ
11. ROMAN BATHS (โรงอาบน้ำโรมันโบราณ)
โรงอาบน้ำโรมัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเก่าแก่ อายุกว่า 2000 ปี ตั้งอยู่ที่เมืองบาธ (Bath) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ด้วยตัวเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรื่อนที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมโรมันโบราณในทุกมุม โรงอาบน้ำโรมัน แห่งนี้ เดิมที่เป็นที่ประกอบพิธีในการชำระล้างสิ่งสกปรกของชาวโรมัน ในสมัยที่ชาวโรมันได้ยึดครองประเทศอังกฤษในอดีต และสิ่งที่น่าทึ่งของบ่อน้ำแห่งนี้ คือ ต้นกำเนิดของบ่อน้ำ ที่ได้มาจากน้ำพุร้อนใต้ดินทางธรรมชาติ อุณหภูมิประมาณ 46 องศาเซลเซียสซึ่งนอกจากบ่อน้ำแล้ว ในสถานที่แห่งนี้ ยังมีส่วนต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม โดยจะแบ่งมุมท่องทเี่ยวเป็นทั้งหมด 4 โซนด้วยกัน ได้แก่ 1. บ่อน้ำพุ (Sacred Spring) 2. วิหารโรมัน (Roman Temple) 3. ห้องอาบน้ำของชาวโรมัน (Roman Bath House) และ 4. พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ นั่นเอง
12. THE BRITISH LIBRARY : ห้องสมุดแห่งชาติอังกฤษ
หนึ่งในที่เที่ยวอังกฤษยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประดั่งสวรรค์ของคนรักหนังสือนั้น คือ British Library หรือหอสมุดแห่งชาติของประเทศอังกฤษ ซึ่งการตามหาหอสมุดแห่งนี้ก็ไม่ได้ยากเลย เพราะหอสมุดดังกล่าวตั้งอยู่ที่ ถนน Euston Road ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนสายหลักของกรุงลอนดอน ซึ่งความพิเศษของหอสมุดที่ว่านี้ คือ เป็นแหล่งรวมหนังสือที่ถูกตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษทุกเล่ม ไม่ว่าจะเปฯหนังสือประเภทไหน ก็จะถูกรวบรวมไว้ ณ หอสมุดแห่งนี้ โดยในแต่ละวัน จะมีหนังสือใหม่ๆ เข้ามามากกว่าวันละ หนึ่งหมื่นชิ้น เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม นอกจากสื่อทางด้านตัวหนังสือแล้ว ที่หอสมุดแห่งนี้ ยังได้รวบรวมแหล่งเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ภาพเคลื่อนไหว ฟังเสียงเล่า และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสื่อต้นฉบับมากมาย เช่น ภาพวาด แผนที่ และ วรรณกรรมต่างๆ
13. OXFORD STREET : ถนนชอปปิ้งออกซ์ฟอร์ด
ปิดท้านสถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษยอดฮิตกันที่ถนนออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นถนนชอปปิ้งสายสำคัญใจกลางกรุงลอนดอน รายล้อมไปด้วยร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างห้าง Selfridges ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอีกด้วย โดยถนนสายนี้ เป็นถนนสายหลักของย่าน city of Westminster กลางลอนดอน และมีความยาวมากถึง 1.6 กิโลเมตรเลยทีเดียว นอกจากร้านค้า และ บรรยากาศของถนนที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว แลนด์มาร์กที่เป็นไฮไลท์ของถนนเส้นนี้อีกแห่งเห็นจะเป็นห้าง House of Fraser ซึ่งเป็นห้างขนาดเล็ก รวบรวมสินค้าวัยรุ่นนำเทรนด์มากมาย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเดินทางมาชมบรรยากาศถนนเส้นนี้ เราแนะนำให้มาเที่ยวอังกฤษหน้าหนาว เนื่องจาก ในหน้าหนาว หรือ เทศกาลคริสต์มาสนั้น ถนนเส้นนี้จะมีการประดับตกแต่งไปด้วยไฟอย่างสวยงาม และ ในวันที่ 26 ธันวาคม หรือ วัน Boxing Day นั้น ร้านค้าต่างๆ จะทำการลดราคาสินค้าในระดับที่เรียกว่า Hard sell สุด ๆ ซึ่งเป็ฯบรรยากาศที่ครึกครื้น และ Festive สุด ๆ
คำถามที่พบบ่อยในการเดินทางไปเที่ยงอังกฤษ
Q.1 : เที่ยวอังกฤษ เดือนไหนดี
ถ้าถามว่าเที่ยวอังกฤษเดือนไหนดี คิดว่าสำหรับคนไทยแล้ว ฤดูหนาว หรือในช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์นั้น จะเป็นช่วงที่คนไทยนิยมเดินทางไปทัวร์อังกฤษมากที่สุด เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศอังกฤษมีอากาศที่หนาวเย็นมาก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ถึง -7 องศาเซลเซียส และเป็นช่วงที่มีหมอกหนาแน่น มีหิมะตกในบางพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือของประเทศ อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษมีเสน่ห์มากที่สุด เพราะบ้านเมืองประดับไปด้วยแสงไฟสุดอลังการ ในทุกๆ สถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษก็ว่าได้ เที่ยวอังกฤษหน้าหนาว จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ Christmas Magical อย่างแท้จริง
Q.2 : เที่ยวอังกฤษต้อง งบเท่าไร
เที่ยวอังกฤษ งบเท่าไรดีนะ ? สำหรับการเดินทางไปทัวร์อังกฤษ หรือ ท่องเที่ยวอังกฤษในระยะเวลา 1 อาทิตย์ นักท่องเที่ยวควรเตรียมเงินไปอย่างน้อย 45,000 บาท (ไม่รวมค่าที่พัก และ ค่าตั๋วเครื่องบิน) เนื่องจาก ค่าอาหาร เฉลี่ยมื้อละ 500 บาท หรือ 1,000 – 1,500 บาท ต่อวัน, ค่าสถานที่ท่องเที่ยว วันละ 700 – 1,500 บาทต่อวัน และ ค่าเดินทางท่องเที่ยวด้วยระบบขนส่งสาธารณะอยู่ที่ 150 – 500 บาท ต่อวัน ดังนั้น ค่าใช้จ่ายต่อวันในการท่องเที่ยวอังกฤษจะอยู่ที่ 3,500 – 4,500 บาท นั่นเอง
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวอังกฤษ แต่ไม่รู็ว่าจะเริ่มตรงไหนดี วางแผนยังไงให้ครอบคลุม จองตั๋วเครื่องบิน และ โรงแรมเมื่อไรให้คุ่มค้าที่สุด สามารถปรึกษา Artralux บริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของไทย ด้วยบริการจัดโปรแกรมของเราที่เน้นความยืดหยุ่น เราสามารถรังสรรค์โปรแกรมเที่ยวอังกฤษให้ตอบโจทย์นักทอ่งเที่ยวได้อย่างไม่มีข้อแม้ ที่สำคัญบริการของเราครอบคลุมทุกขั้นตอนในการท่องเที่ยว ตั้งแต่ทำวีซ่า จองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน วางแผนการเดินทาง ไปจนบริการเช่ารถพร้อมคนขับ สนใจติดต่อเราเลย
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
