เชื่อว่าการเที่ยวมัลดีฟส์สักครั้งในชีวิต เป็นหนึ่งใน Budget List การท่องเที่ยวในฝันของนักท่องเที่ยวหลายคน ไม่เพียงแค่กับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่ชาวต่างชาติเองก็เช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หากนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการใช้เวลาในวันหยุดยาว หรือ ช่วงเวลา Vacation มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยทะเลสีฟ้าใสแบบ 360 องศา ให้ได้ดื่มด่ำความงดงามของโลกได้ท้องทะเลอย่างเต็มที่ แน่นอนว่า มัลดีฟส์ (Maldives) ต้องเป็นคำตอบที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทำให้การเที่ยวมัลดีฟส์ เป็นประสบการณ์อันน่าจดจำของนักท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสวยงามของตัวประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมาก ซึ่งต่างก็มาพร้อมกับบรรยากาศท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ หาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ และ ทะเลน้ำใสที่มองเห็นปะการังอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้เองมัลดีฟส์ (Maldives) จึงเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ และ เอกลักษณ์เฉพาะตัว จนได้รับฉายา “The Last Paradise on Earth” หรือ “สวรรค์บนดินแห่งสุดท้ายบนของโลก” นั่นเอง
เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงกำลังวางแผนท่องเที่ยวมัลดีฟส์ หรือ ไปทัวร์มัลดีฟส์ กันอย่างแน่นอน วันนี้ Artralux บริษัททัวร์ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ และ สถานที่ท่องเที่ยว 10 แห่ง ที่ต้องไม่พลาด จะมาอะไรกันบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
ทำความรู้จักเกาะมัลดีฟส์ (Maldives) สวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย
แม้ว่าทุกคนจะเคยได้ยินชื่อเสียงของหมู่เกาะมัลดีฟส์ (Maldives) กันมาบ้าง แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามัลดีฟส์ เป็นประเทศหมู่เกาะที่มีความเก่าแก่ ตัวประเทศเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จากการทับถมกันของซากปะการังจำนวนมากเป็นระยะเวลากว่าพันปี ด้วยเหตุนี้เอง ประเทศมัลดีฟส์ จึงเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยเพียง 1.5 เมตรเท่านั้น
แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวมัลดีฟส์กัน เราต้องทราบถึงพิกัดของประเทศ และ ข้อมูลการเดินทาง วัฒนธรรม และ อาหารการกินโดยสังเขปซะก่อน เพื่อให้เราสามารถเตรียมตัวเที่ยวมัลดีฟส์ได้อย่างดีที่สุด
มัลดีฟส์อยู่ประเทศอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน
“หมู่เกาะมัลดีฟส์” หรือ “ทะเลมัลดีฟส์” เป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวหลายคนใช้เรียกชื่อประเทศแห่งนี้ มัลดีฟส์ (Maldives) หรือชื่อทางการ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Republic of Maldives) เป็นประเทศที่เกิดจาการรวมตัวของหมู่เกาะปะการังน้อย-ใหญ่จำนวนมากถึง 1,192 เกาะ ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรอินเดีย และ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของ “ประเทศศรีลังกา”
การมาเที่ยวมัลดีฟส์นั้น นักท่องเที่ยวต้องผ่าน เมืองมาเล (Malé) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศมัลดีฟส์กันก่อน เนื่องจาก มาเล เป็นที่ตั้งของสนามบิน ซึ่งมีเอกลักษณ์คือเป็นเมืองหลวงที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และ มีประชากรอยู่เพียงแค่ 1 แสนคนเท่านั้น
สภาพอากาศ และ ฤดูกาลในเกาะมัลดีฟส์
เที่ยวนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวมัลดีฟส์ หรือ ทัวร์มัลดีฟส์ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้เนื่องจากประเทศมัลดีฟส์มีสภาพอากาศที่ร้อนทั้งปี และจะมีลมมรสุมบ้างเล็กน้อยในบางช่วงเท่านั้น ซึ่งมัลดีฟส์มีอยู่ 2 ฤดูกาลหลักๆ ได้แก่ ฤดูร้อน และ ฤดูฝน
เที่ยวมัลดีฟส์เดือนไหนดี ที่เที่ยวสวย ราคาถูก
เที่ยวมัลดีฟส์เดือนไหนดี เป็นคำถามที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากได้คำตอบ จริงๆ แล้ว เราสามารถเที่ยวมัลดีฟส์กันได้ตลอดทั้งปี เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ามัลดีฟส์นั้น มีแค่ 2 ฤดูกาล ซึ่งอากาศไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม ช่วง High Seaon ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวมัลดีฟส์ได้มากที่สุด หนีไม่พ้นในช่วงหน้าร้อน
- เที่ยวมัลดีฟส์ฤดูร้อน (เดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม) : เป็นช่วงที่มัลดีฟส์มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28-30 องศา และไม่เคยต่ำกว่า 25 องศาเลย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอาบแดด และ แสงแดดนี้เอง ทำให้ปะการังใต้ทะเล เจริญเติบโต และ มีสีสันที่สดใสกว่าฤดูอื่นๆ เพราะฉะนั้นหากจุดประสงค์ของการเที่ยวมัลดีฟส์ของคุณคือการดำน้ำ ชมสัตว์ทะเลแล้วละก็ หน้าร้อนมัลดีฟส์ คือ ช่วงเวลาทองก็ว่าได้
- เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดำน้ำตื้น และ น้ำลึก ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่มัลดีฟส์มีอายุที่เย็นที่สุด อยู่ที่ประมาณ 27 องศา และ ทะเลไม่มีลมคลื่น ทำให้ทะเลใส อีกทั้งในทะเลยังเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลเขตร้อนมากมาย
- เดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงที่เที่ยวมัลดีฟส์ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยราคาค่าตั๋วเครื่องบิน และ โรงแรมที่ประหยัดกว่าเดือนอื่นๆ เนื่องจากเป็นช่วง Shoulder Season หรือ ช่วงก่อนเริ่มเข้า Low Season โดยในเดือนพฤษภาคม ที่มัลดีฟส์จะเริ่มเข้าหน้าฝน แต่ทะเลยังคงมีความสวยงามอยู่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่อยากดำน้ำ แนะนำให้ไปที่ฝั่งทิศตะวันออกของเกาะ เนื่องจากบริเวณนี้ทะเลยังคงนิ่ง และ ไม่มีมรสุมพาดผ่าน
สกุลเงินที่ใช้ในมัลดีฟส์
สกุลเงินที่ใช้ในมัลดีฟส์ จริงๆ คือ สกุล ‘Maldivian Rufiyaa’ และ ‘Laaree’ หรือ ‘MVR’ แต่เราไม่สามารถแลกเงินบาทเป็นสกุลเงินดังกล่าวได้ ดังนั้น สำหรับนักท่องเที่ยว สามารถแลกเงินเป็น สกุลดอลล่าร์สหรัฐ (USD) ได้ เนื่องจากประเทศมัลดีฟส์ รับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดังกล่าวด้วยเช่นกัน
เดินทางไปมัลดีฟส์ยังไง
เชื่อว่านักท่องเที่ยวไทยหลายคนมีกำลังหาข้อมูลว่าจะเดินทางไปมัลดีฟส์ยังไงดี เนื่องจากในประเทศไทยมีตัวเลือกสายการบินที่เดินทางจากไทยไปลงที่มัลดีฟส์โดยตรงไม่มากนัก ซึ่งสายการบินที่สามารถบินตรง จากประเทศไทย ไปยัง มัลดีฟส์ได้นั้น มีดังนี้
- Bangkok Airway : บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินเวลานา ของมัลดีฟส์เที่ยวมัลดีฟส์ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1 หมื่นต้นๆ (ในปัจจุบัน ณ เวลาที่เขียนปี 2023 ยังไม่ประกาศกลับมาบิน)
- Air Asia : บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินเวลานา ของมัลดีฟส์เที่ยวมัลดีฟส์ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นจะถูกกว่า BangkoK Airway
- Sri Lanka Airline : เป็นอีกหนึ่งสายการบินที่บินไปมัลดีฟส์ได้ในราคาประหยัด คือ สายการบิน Sri Lanka อย่างไรก็ตาม จะต้องพักเครื่องกันที่เมือง โคลอมโบ ประเทศศรีลังกาก่อน แล้วจึงเดินทางต่อไปยังประเทศมัลดีฟส์ได้
ดังนั้นจะเดินทางไปมัลดีฟส์ยังไงนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว และ งบประมาณการท่องเที่ยวของคุณนั่นเอง
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
10 ที่เที่ยวมัลดีฟส์แนะนำที่ไม่ควรพลาด
มัลดีฟส์ มีชื่อเสียงในเรื่องน้ำทะเลสีฟ้าใส และ ที่พักรีสอร์ทกลางทะเล อย่างไรก็ตาม มัลดีฟส์ไม่ได้มีดีแค่ทะเลเท่านั้น ที่มัลดีฟส์ ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ทั้งมนเชิงธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และ ประวัติศาสตร์ที่ซ้อนอยู่นประเทศเล็กๆ แห่งนี้มากมาย โดย 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด หากมาเที่ยวมัลดีฟส์ หรือ มาทัวร์มัลดีฟส์ นั่น มีดังนี้
1. เมืองมาเล่ เมืองหลวงมัลดีฟส์
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากดื่มด่ำกับวัฒนธรรมมัลดีฟส์อย่างแท้จริง เมืองมาเล่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมัลดีฟส์คือคำตอบ สถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และ อาหารพื้นเมืองที่ต้องลิ้มลองมากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประชากรนับถือศาสนาอิสลาม ทำให้นักท่องเที่ยวต้องระวังในเรื่องการแต่งกายกันสักนิด นอกจากนี้ที่เมืองนี้ จะไม่มีเมนูที่มีส่วนผสมของหมู หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเมืองนี้ลดลงเลยแม้แต่น้อย โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่หากมาเที่ยวมัลดีฟส์แล้ว ต้องมาเยี่ยมชมให้ได้นั้น คือ อนุสาวรีย์สึนามิ
- อนุสาวรีย์สึนามิ เป็นอนุสรณ์สร้างเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 มีลักษณะเด่นเป็นแกนแท่งเหล็ก ประกอบไปด้วยลูกบอลกลมๆ ทั้งหมด 21 ลูก ซึ่งหมายถึงหมู่เกาะทั้ง 21 หมู่เกาะ และ มีการจารึกรายชื่อผู้สูญหายจากเหตุการณ์ด้วยนั่นเอง
2. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมัลดีฟส์
แม้ประเทศมัลดีฟส์ จะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากตัวประเทศตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยหมู่เกาะมากมาย แต่จริงๆ แล้ว การเที่ยวมัลดีฟส์ ในเชิงประวัติศาสตร์นั่น ก็เป็นอีกนึ่งประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เนื่องจากประเทศมัลดีฟส์ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานนับ 1000 ปี โดยพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมัลดีฟส์ เป็นแหล่งรวมวัตถุโบราณที่สำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของอดีตสุลต่าน และ พระราชินี, งานแกะสลักหินของชาวมุสลิม, งานปักผ้าฝีมือของชาวมัลดีฟส์ รวมไปจนถึง โบราณวัตถุที่นักโบราณคดีท่านหนึ่งได้เก็บรวบรวมจากทั่วโลกมาไว้ ณ ที่แห่งนี้
3. เกาะอาลิ อาโทลล์ (ARI ATOLL ISLAND)
อีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวมัลดีฟส์ แน่นอนว่าคือการชื่นชมความงดงามของชายหาด นอนอาบแดด และ ดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และ มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางน้ำมากที่สุดนั้น ได้แก่ เกาะ Ari Atoll Island ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศมัลดีฟส์
เกาะ Ari Atoll Island เป็นที่ตั้งของ ‘แนวปะการัง Manta Reef’ ซึ่งถือว่าเป็นจุดชมแนวปะการัง และ จุดดำน้ำที่สวยงามที่สุดของมัลดีฟส์ โดยในจุดนี้ คุณจะได้เห็น “ปลากระเบนราหูยักษ์” ซึ่งเป็นปลากระเบนน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ในทางตอนใต้ของเกาะ หรือ บริเวณ South Ari Atoll Island ยังเป็นจุดรวมตัวของปลาฉลามวาฬที่หาชมได้ยากอีกด้วย ดังนั้น เที่ยวมัลดีฟส์ทั้งที เกาะนี้ไม่ควรพลาด
4. SANDBANK มัลดีฟส์
อีกหนึ่งที่เที่ยวมัลดีฟส์ที่เราเห็ฯกันตามโซเชียลมีเดียบ่อยๆ หนีไม่พ้น การนอนบนเนินหาดทรายสีขาว หรือ Sand Bank ที่โพลดขึ้นมาเหนือผิวน้ำในช่วงน้ำลง ซึ่งความมหัศจรรย์ของ Sand Bank ที่มัลดีฟส์นั้น คือ ตัวเนินทรายจะมีสีขาวบริสุทธิ์ ปลายเนินจรดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสซึ่งสามารถมองเห็นแนวปะการังได้แม้จะอยู่บนเนินทราย นอกจากนี้ รูปร่างของเนินทรายนั้น จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อน้ำขึ้น และ ลงอีกครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นความงดงามทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง
ซึ่งที่ตั้งของเจ้าเนินทรายสีขาวนี้ ไม่ตายตัว แต่รับรองว่าหากมาเที่ยวมัลดีฟส์ในวันที่ฟ้าเปิด คุณจะสามารถพบเจอ Sandbank ได้มากมาย ตามท้องทะเล
5. เกาะวาวู อาโทลล์ (VAAVU ATOLL)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเที่ยวมัลดีฟส์แบบเน้นความเป็นส่วนตัว “เกาะวาวู อาโทลล์” เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวมัลดีฟส์ที่ไม่ควรพลาด โดยเกาะแห่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความสงบ ทั้งนี้เนื่องจากมีประชากรอาศัยอยู่เพียงแค่ 2,000 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเกาะแห่งนี้จะสงบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรทำ เพราะเกาะแห่งนี้ มีจุดดำน้ำกว่า 30 จุดก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งดำน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด เต็มไปด้วยแนวปะการังที่สวยงาม และ ปลาน้อยใหญ่ หลากหลายสายพันธุ์ จนติดหนึ่งใน 5 ของโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ บนเกาะแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยรีสอร์ทสุดหรูระดับ 4-5 ดาว ซึ่งถึงแม้จะอยู่บนเกาะ แต่ก็มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น ดังนั้น สำหรับใครที่เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเองแล้วละก็ เกาะแห่งนี้ คือ สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรมองข้าม
6. เกาะสวยมีมู (MEEMU ATOLL ISLAND)
เกาะสวยมีมู เป็นอีกหนึ่งเกาะในมัลดีฟส์ที่มีวิวทะเลมัลดีฟส์งดงามที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวสายทะเล ที่หลงใหลชีวิตใต้ท้องทะเล และ กิจกรรมทางน้ำนั้น เกาะแห่งนี้ คือ สวรรค์บนดินดีๆ นี่เอง เกาะสวยมีมู เป็นจุดชมปลาโลมาที่มีชื่อเสียง เพราะในบริเวณนี้ เป็นที่ที่เดียวในมัลดีฟส์ ที่คุณจะมีโอกาสได้เห็นปลาโลมาอยู่รวมกันเป็นฝูง นอกจากนี้ คลื่นทะเลบริเวณเกาะนี้ค่อนข้างจะแรงมาก ทำให้นักกีฬาเสริฟ นิยมเดินทางมาโต้คลื่นกันที่นี้ (คลื่นแรง ไม่เหมาะสำหรับมือสมัครเล่น)
สำหรับกิจกรรมดำน้ำที่เกาะแห่งนี้ ก็ไม่แพ้เกาะไหนในทะเลมัลดีฟส์ เพราะมีตัวเลือกให้ทั้ง ดำน้ำลึก (สกูบ้า) และ น้ำตื้น (สน็อกเกิ้ล) เพื่อชมความอุดมสมบูรณ์ของทะเลมัลดีฟส์ที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งรายล้อมไปด้วย ปลานานาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น ปลาผีเสื้อ, ปลากระเบนราหู, ปลาฉลามวาฬ และ เต่าทะเล ที่ว่ายข้างๆ เราในระยะกระชั้นชิดเลยทีเดียว ฃ
7. เกาะวาดูห์ (Vaadhoo Island)
เกาะวาดูห์ เป็นเกาะท่องเที่ยวมัลดีฟส์อีกหนึ่งแห่งที่มีชื่อเสียงสำหรับการเที่ยวฮันนีมูนในหมู่คู่รัก เนื่องจากเกาะแห่งนี้ มีบรรยากาศแสนโรแมนติก เงียบสงบ และ ไม่วุ่นวาย เพราะมีประชากรอาศัยอยู่บนเกาะไม่ถึง 1 พันคน นอกจากนี้ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของเกาะแห่งนี้นั่น ได้แก่ ปรากฏการณ์ทะเลดาว หรือ Sea of Stars ที่สะท้อนแสงสีฟ้าท่ามกลางความมืดบนพื้นชายหาด และ ผิวน้ำทะเลในเวลากลางคืน
ซึ่งทะเลดาวดังกล่าว เกิดจากกลุ่มแพลงก์ตอนหรือพืชกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลต ที่ได้เก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และ ปล่อยแสงออกมาในตอนกลางคืน ซึ่งเราจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Bioluminescence นั่นเอง และด้วยผิวทะเลมัลดีฟส์ที่เคลื่อนไหวตลอดทั้งคืน ทำให้ทะเลดาวเหล่าที่เคลื่อนไหวไปตามน้ำ เสมือนกาเล็กซี่บนดินเลยทีเดียว
8. เกาะอิฮุรุ (Ihuru)
เกาะอิฮุรุเป็นเกาะกลางทะเลมัลดีฟส์ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมาเล่เท่าไรนัก เพียงแค่ 17 กิโลเมตร เท่านั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือสปีดโบ๊ทมาจากเมืองมาเลได้ โดยจะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น และ เนื่องจากเกาะแห่งนี้ มีขนาดไม่ใหญ่มานัก ทำให้มีรีสอร์ทเพียงแห่งเดียว นั่นก็คือ อังสนา อิฮุรุ รีสอร์ท (Angsana Ihuru) ซึ่งเป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาว รายล้อมไปด้วยธรรมชาติป่าเขา และ วิวทะเลอันสงบร่มรื่น ซึ่งมีการตกแต่งภายในที่เรียบง่าย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวมัลดีฟส์
นอกจากวิวทะเลที่สวยงาม และ บรรยากาศที่พักอันเป็นส่วนตัวแล้ว เกาะแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนดำน้ำที่ดีที่สาุดในประเทศมัลดีฟส์ เนื่องจากทะเลมัลดีฟส์ที่เกาะแห่งนี้ เปรียบเสมือนสวรรค์บนดินของนักดำน้ำ เพราะใต้ท้องทะเลนั้น มีสัตว์ทะเลมากถึง 140 สายพันธุ์เลยทีเดียว
9. ร้านอาหารใต้ทะเลแห่งแรกของโลก Ithaa Undersea
การมาท่องเที่ยวมัลดีฟส์นั้น มีกิจกรรมมากมายนอกเหนือจากการดำน้ำ และ อาบแดด อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลย คือการมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารใต้น้ำที่ร้านอาหาร Ithaa Undersea ของโรงแรม Conrad Maldives Rangali Island ซึ่งเป็นโรงแรมหรู ระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่บนเกาะ South Ari Atroll ของมัลดีฟส์นั่นเอง
ร้านอาหารแห่งนี้ เป็นร้านอาหารใต้ทะเลแห่งแรกของโลก ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ผิวน้ำกว่า 16 ฟุต นอกจากจะมีเมนูอาหารจะอร่อยถูกคอแล้ว ยังมาพร้อมกับวิวระบบนิเวศใต้ท้องทะเลของเกาะมัลดีฟส์อันสวยงาม ที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกโค้งบานใหญ่ 270 องศา เสมือนอยู่ในอควาเรียมเล็กๆ ที่มีสายพันธุ์ปลาให้เราได้ดูกัน มากกว่าในอควาเรียมทั่วไปนั่นเอง
10. Bluetribe Moofushi
เราขอปิดท้ายกันด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม ที่นักท่องเที่ยวสายผจญภัย ห้ามพลาดเป็นอันขาด นั่นคือ ที่ Bluetribe Moofushi ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะมัลดีฟส์ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรมทางน้ำหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำลึก – น้ำตื้น, พายเรือคายัก – เรือแคนนู, เล่นกีฬาเสริฟ, และ อีกมากมาย ซึ่งนอกจากกิจกรรมทางน้ำแล้ว ที่เกาะแห่งนี้ ยังมีกิจกรรมบนบกให้นักท่องเที่ยวมัลดีฟส์ได้สนุกกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเล่นวอลเลย์บอลชายหาด, นั่งดื่มไวน์ ชมวิวทะเลที่ร้านอาหารสุดหรูบนเกาะ, นอนอาบแดดบนหาดทรายสีขาว ที่ทางเกาะได้จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว และ อีกมากมาย เรียกได้ว่า มาเกาะเดียว คุณอยู่เที่ยวได้ทั้งวันแน่นอน
ไปมัลดีฟส์ ใช้เงินเท่าไร ควรเอาเงินไปเท่าไร
คำถามที่ว่า ไปมัลดีฟส์ ใช้เงินเท่าไร นั้น จริงๆ แล้ว ค่าใช้จ่ายเที่ยวมัลดีฟส์นั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ท่องเที่ยว, ปัจจัยในด้านของราคาที่พัก และ ฤดูกาลที่ท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวมัลดีฟส์นั้น ไม่ได้แพงอย่างที่คิด เนื่องจค่าครองชีพของมัลดีฟส์ไม่ได้สูงมากนัก โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 800 บาท / วัน ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวไปเที่ยวมัลดีฟส์ในระยะเวลา 5 วัน 4 คืน เตรียมเงินไป 25,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน 15,000 บาท และ ค่า โรงแรมอีกคืนละ 5,000 บาท ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่กำลังสนใจเที่ยวมัลดีฟส์ ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวแบบกลุ่ม หรือ เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเอง ทาง Artralux มาพร้อมกับบริการรับจัดโปรแกรมทัวร์มัลดีฟส์ สำหรับผู้ที่ต้องการไปทัวร์มัลดีฟส์ แบบส่วนตัวเฉพาะกับคนในครอบครัว และ บริการรับเขียนโปรแกรมท่องเที่ยวมัลดีฟส์ เพื่อให้คุณได้เดินทางไปท่องเที่ยวอย่างอิสระ พร้อมกับโปรแกรมที่ครอบคลุมแลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาด
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว