15 ที่เที่ยวเกียวโตไฮไลท์มาแรงปี 2024 แถมที่เที่ยวลับฉบับไกด์แนะนำ

เที่ยวเกียวโต

 

เที่ยวเกียวโต นับเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังในญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก หลายคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นมักจะเลือกเที่ยวเกียวโตเป็นโปรแกรมแรก ๆ เนื่องจากบรรยากาศของเมืองเกียวโตนั้นจะยังคงวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเดิม ๆ เอาไว้อย่างครบถ้วน สมกับเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นในสมัยก่อน อีกทั้งเกียวโตยังอุดมไปด้วยธรรมชาติอันแสนสวยงามเข้ากับสภาพบ้านเมืองเก่าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เกียวโตยังเป็นเมืองเที่ยวง่าย คุณสามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่โอซาก้าแล้วเดินทางมาเที่ยวเกียวโตได้เลย ซึ่งจะมีทั้งรถไฟและรถประจำทางคอยให้บริการอย่างทั่วถึง สำหรับที่แพลนไว้จะมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่รู้ว่าจะไปเมืองไหนดี มาเที่ยวเกียวโตเนี่ยแหละคือคำตอบ!

แม้ว่าเราจะสามารถเดินทางมาเที่ยวเกียวโต ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ แต่เพื่อให้คุณแวะครบทุกสถานที่พร้อมเดินทางสบาย ๆ  เราขอแนะนำให้คุณเดินทางเที่ยวแบบทัวร์ส่วนตัวกับ Artralux ซึ่งจะทำให้คุณสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมเกียวโตอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยรถเช่าพร้อมคนขับแบบส่วนตัว เลือกเที่ยวได้ตามใจคุณโดยเราจะช่วยวางแผนเที่ยวให้ เก็บสถานที่ไฮไลท์ได้ครบแบบจัดเต็ม เดินทางเที่ยวเกียวโตสุดหรู หรือจะเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นเมืองอื่น ๆ  ก็สามารถปรึกษาเราได้เลย

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเกียวโตนั้น จะมีทั้งวัด ศาลเจ้า พระราชวัง สวนญี่ปุ่น ตลาดโบราณ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่รอให้คุณไปสำรวจ ซึ่งในบทความนี้เราจะนำเสนอ 10 ที่เที่ยวเกียวโตไฮไลท์ที่คุณต้องไปเยือน รวมถึงแถมอีก 5 ที่เที่ยวเกียวโตลับฉบับ 2024 ที่มีความงดงามแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักให้คุณได้ไปเช็กอินก่อนใคร ดังต่อไปนี้

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

1.วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

เที่ยวเกียวโต

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วต้องแวะมา วัดคิโยะมิซุแห่งนี้มีชื่อเรียกที่ติดปากคนไทยว่าวัดน้ำใส เนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเส้นทางน้ำทั้ง 3 สายมาบรรจบรวมกันที่บริเวณน้ำตกโอโตวะ โดยเป็นสายน้ำอันบริสุทธิ์และใสสะอาดจึงเป็นที่มาของคำว่า “คิโยะมิซุ” ที่แปลว่าน้ำอันใสสะอาดนั่นเอง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณเนินเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากใจกลางเกียวโตเล็กน้อย เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้จะเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองทั้งเมือง และหากคุณมาเที่ยวเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน) ก็จะเห็นถึงความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งเนินเขา หรือถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม) ก็จะเห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง ซึ่งเป็นภาพอันสวยงามเหมาะกับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างยิ่ง

 

วัดน้ำใสสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 778 ซึ่งมีความเก่าแก่นับพันกว่าปีเลยทีเดียว ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้อยู่ที่อารามไม้ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม โดยสร้างขึ้นจากการใช้เทคนิคตอกไม้เข้าลิ่มโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความเก่งกาจของช่างไม้ท้องถิ่นยุคโบราณ ด้วยเหตุนี้วัดน้ำใสจึงขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO นั่นเอง อาคารไม้ของวัดน้ำใสนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ยกพื้นด้วยเสาที่มีความสูงประมาณ 13 เมตร มีระเบียงเดินโดยรอบทำให้มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากการชมทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมแล้ว ที่วัดน้ำใสยังโด่งดังในเรื่องการขอพรโชคลาภ สำหรับใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วอยากมูขอพรแนะนำให้มาวัดแห่งนี้เลย ซึ่งสายน้ำทั้งสามสายจะสามารถอธิษฐานขอพรได้ โดยธารน้ำสายที่ 1 มักจะขอพรในเรื่องการศึกษา สายที่ 2 ขอพรในเรื่องความรัก และสายที่ 3 ขอพรเรื่องสุขภาพ รวมไปถึงสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม ส่วนการเดินทางมาวัดแห่งนี้ แนะนำให้นั่งรถไฟสาย Keihan Line ไปลงที่สถานี Kiyomizu Gojo แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย โดยวัดจะเปิดเวลา 6:00 – 18:00 น.

 

2. ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)

เที่ยวเกียวโต

เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีอายุเก่าแก่นับพันปี คนไทยที่เดินทางมาเที่ยวเกียวโตมักรู้จักกันในชื่อศาลเจ้าจิ้งจอก ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้จะอยู่ที่ซุ้มประตูโทริอิซึ่งเป็นเสาประตูสีส้มตั้งเรียงรายบนทางเดินยาวนับพันต้นกระจายตัวทั่วทั้งภูเขา ซึ่งเป็นภาพที่ดูสวยงามมากเหมาะกับการแวะเช็กอินถ่ายรูป สำหรับอินารินั้นเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์และพืชผลซึ่งจะมีสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ผู้ส่งสารประจำตน การสร้างศาลเจ้าแห่งนี้เป็นการสักการะเทพอินาริตามความเชื่อของชินโตยุคโบราณ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพื้นที่โดยรอบอีกด้วย

 

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ นั้นมีพื้นที่อันกว้างขวาง และมีอาคารสถานที่สำคัญกระจายตัวกันทั่วทั้งภูเขา ตามทางเดินแต่ละที่ก็จะมีเสาโทริอิครอบคลุมทางเดินทั่วทั้งหมด โดยจุดที่มีชื่อเสียงนั้นก็คือทางแยกโยซึซึจิ ที่จะเห็นวิวของเมืองเกียวโตอันสวยงาม สภาพบรรยากาศภายในศาลเจ้าจะร่มรื่นแบบธรรมชาติ กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น เหมาะกับการเดินชิล ๆ แวะเช็กอินถ่ายรูป ซึ่งหากเดินทั่วทั้งเขาอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว สำหรับการเข้าชมศาลเจ้าแห่งนี้ ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเกียวโตสามารถเข้าชมได้ฟรี 24 ชั่วโมง ส่วนการเดินทางก็มาง่าย ๆ กับ รถไฟสาย JR Nara Line โดยให้ลงสถานี JR Inari

 

3. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)

เที่ยวเกียวโต

วันนี้คนไทยที่มาเที่ยวเกียวโต มักจะรู้จักกันในชื่อของวัดทอง ซึ่งชื่อของวัดนั้นก็มาจากคำว่าคินคะคุที่แปลกตรงตัวว่าสีทอง ความสวยงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ปราสาทกลางน้ำ โดยเป็นอาคารไม้สามชั้นที่มีความสูงประมาณ 12 เมตร ที่มีการปิดทองทั้งหลัง รวมถึงใช้ของตกแต่งทางสถาปัตยกรรมที่เป็นโทนสีทองทั้งหมด ภายในเป็นที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุองค์สำคัญที่อยู่คู่เมืองเกียวโตมาเป็นเวลานาน หากคุณมาเที่ยววัดแห่งนี้ในสภาพอากาศสดใส คุณจะเห็นภาพสะท้อนปราสาทสีทองในสระน้ำรายล้อมด้วยภูมิทัศน์การจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาพอันสวยงามยิ่งนัก ซึ่งรูปทรงทางสถาปัตยกรรมของปราสาทแห่งนี้จะถูกนำไปใช้สร้างวัด กินคะคุจิ (วัดเงิน) ด้วย

 

วัดทองแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานโดยสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1397 เพื่อเป็นที่ประทับขององค์โชกุนรวมถึงบุคคลสำคัญของบ้านเมือง แต่ในเวลาต่อมาตัวปราสาทก็ถูกปรับพื้นที่ให้กลายเป็นวัดดังเช่นปัจจุบัน ตัวปราสาทสีทองที่เหล่านักท่องเที่ยวเห็นนี้เป็นอาคารใหม่ที่ได้รับการสร้างขึ้นทั้งหลังแทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้ไป แต่รายละเอียดทุกมุมและสถาปัตยกรรมของวัดนั้นยังคงทำออกมาเหมือนของเดิมก่อนที่จะถูกไฟไหม้ไปแทบทุกตารางนิ้ว และด้วยความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้วัดทองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESSCO ด้วย หากคุณเดินทางมาเที่ยวเกียวโตแล้วต้องการเข้าชมวัดแห่งนี้จะเสียค่าเข้าประมาณ 500 เยนต่อคน โดยวัดจะเปิดให้เข้าชมเวลา 9:00 – 17:00 น. เดินทางง่าย ๆ โดยนั่งรถบัสสาย 101, 205 ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi

 

4. ถนนนักปราชญ์ (Philosopher’s Path)

เที่ยวเกียวโต

พักจากวัดและสิ่งปลูกสร้างโบราณมาเดินชมดอกซากุระบานกันบ้างที่ถนนนักปราชญ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกียวโตที่ได้รับความนิยมสูง โดยถนนแห่งนี้เป็นทางคนเดินเล็ก ๆ ที่มีคลองใสสะอาดคั่นกลาง มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ตลอดข้างทางจะเรียงรายไปด้วยต้นซากุระนับร้อยต้นทอดยาวตามแนวคลอง เมื่อถึงเวลาฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระเหล่านี้จะเบ่งบานพร้อมกันเป็นสีชมพูสวยงาม ราวกับว่าเดินอยู่ในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยซากุระ เมื่อใบซากุระสีชมพูร่วงหล่นลงมาปกคลุมทางเดินและผิวน้ำก็จะยกระดับให้ทัศนียภาพสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก ว่ากันว่าถนนนักปราชญ์แห่งนี้เป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดในเกียวโตเลยทีเดียว เหมาะกับการมาเดินแวะชมและหามุมถ่ายรูปสวย ๆ

 

สำหรับที่มาของชื่อถนนนักปราชญ์นี้ ว่ากันว่ามาจากนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในอดีต Nishida Kitaro ที่จะชอบมาเดินบนถนนแห่งนี้เพื่อสงบจิตใจให้เกิดปัญญา ซึ่งดูแล้วท่าทางจะเป็นเรื่องจริงเพราะด้วยบรรยากาศโดยรอบนั้นมีความสวยงามราวกับธรรมชาติสร้างสรรค์ หากได้ลองมาเดินเล่นที่นี่อาจทำให้เราฉลาดขึ้นก็เป็นได้ เมื่อคุณเดินเล่นถ่ายรูปที่ถนนนักปราชญ์จนเหนื่อยแล้ว คุณสามารถพักผ่อนคลายความเมื่อล้าได้จากการแวะพักทางร้านอาหารและร้านคาเฟ่ตามข้างทาง ไปจนถึงแวะซื้อของแอนด์เมดเก๋ ๆ ติดมือกลับไปบ้าน เหมาะกับการมาเที่ยวเกียวโตแล้วตะลอนถ่ายภาพสวย ๆ เก็บไปเป็นความทรงจำ

 

ถนนนักปราชญ์ไม่ได้สวยงามเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ถ้าคุณมาเที่ยวเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและแวะมายังถนนเส้นนี้ ก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงของต้นเมเปิลด้วยเช่นกัน การมาเดินเล่นที่ถนนนักปราชญ์แห่งนี้สามารถเข้ามาชมได้เลยโดยไม่เสียค่าเข้า โดยให้คุณนั่งรถประจำทางสาย 5, 17, 100 ลงป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย

 

5. ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)

เที่ยวเกียวโต

มาเที่ยวเกียวโตทั้งทีต้องแวะมาชมปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ที่มีอายุมายาวนานกว่า 400 ปี โดยปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พำนักของโชกุนโทกุกาวะ อิเอยาสุ บุคคลสำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงยุคปี ค.ศ. 1600 ก่อนที่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกียวโต ปราสาทแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการตกแต่งภายในที่งดงาม โดยยังคงรูปแบบของยุคสมัยโบราณเดิมไว้อย่างครบถ้วน ส่วนอีกไฮไลท์ของปราสาทแห่งนี้คือการจัดวางผังของปราสาทที่สลับซับซ้อนเพื่อป้องกันผู้บุกรุกนั่นเอง เหมาะกับผู้มาเที่ยวเกียวโตแล้วต้องการชมประวัติศาสตร์ของเมือง

 

สำหรับภายในปราสาทจะมีจุดที่ควรแวะชม 3 จุดได้แก่

 

  • นิโนมารุ (Ninomaru) : นิโนมารุ หรือปราสาทชั้นนอก ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโชอิงซุคุริ (Shoin-zukuri) ซึ่งเป็นการตกแต่งด้วยวัสดุไม้เป็นหลัก รวมไปถึงการใช้วัสดุมีค่าอื่น ๆ เช่น ภาพเขียนติดฝาผนัง หรือถ้วยชามสลักลวดลายสวยงาม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหรูหรา และพลังอำนาจของชนชั้นผู้ปกครอง
  • ฮอนมารุ (Honmaru) : นิโนมารุ หรือปราสาทชั้นในเป็นส่วนพื้นที่พำนักอาศัยหลัก และยังเป็นสถานที่รับรองเมื่อคนของราชวงศ์ในสมเด็จพระจักรพรรดิมาเยือน โดยทางเข้าฮอนมารุจะมีประตูโค้งขนาดใหญ่สลักลายนกกระเรียนเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกของเหล่าชนชั้นสูงในอดีต ก่อนที่ในปัจจุบันจะกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเกียวโตที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้
  • สวนและพื้นที่ส่วนอื่นของปราสาท : นอกจากพื้นที่ส่วนอาคารและปราสาทแล้ว ปราสาทนิโจยังมีสวนญี่ปุ่นและกำแพงหินล้อมรอบปราสาทเพื่อให้เดินชมและถือโอกาสถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย

 

สำหรับปราสาทนิโจจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ราคา 300 เยน เปิดให้บริการตั้งแต่ 08:45 – 17:00 น ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเกียวโตสามารถแวะมาชมปราสาทนิโจนี้ได้ด้วยการ นั่งรถโดยสารสาย 9, 12, 50, 101 หรือนั่งรถไฟ มาลงที่สถานี Nijojo-mae Station

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

6. ย่านกิออน (Gion)

เที่ยวเกียวโต

กิออน ถือเป็นย่านเที่ยวกลางคืนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโตเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับการมาตะลอนเที่ยวเกียวโตชมแสงสียามค่ำคืน เพราะเป็นทั้งแหล่งกิน แหล่งช้อปปิ้ง และเดินเที่ยวชิล ๆ แล้ว นอกจากนี้ภายในย่านกิออนยังมีเกอิชา (Geisha) ซึ่งเป็นเหล่าหญิงสาวที่มีความรู้ความสามารถในศิลปะแขนงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับร้อง การเล่นดนตรี หรือการร่ายรำ ตลอดจนการชงชา และการจัดดอกไม้ รวมถึงการสร้างความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอีกด้วย โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของเกอิชา คือ หญิงสาวทาหน้าขาว สวมชุดกิโมโนลวดลายสวยงาม คาดผมด้วยปิ่นปักผมลายดอกไม้ และสวมรองเท้าเกี๊ยะญี่ปุ่น นอกจากนี้ หากมาเที่ยวในช่วงเทศกาลกิออน (Gion Matsuri) ก็จะมีโอกาสได้พบกับงานเดินขบวนพาเหรดสุดอลังการอีกด้วย เรียกได้ว่าย่านกิออนแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกียวโตที่สะท้อนความคลาสสิกของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

 

7. ย่านฮิกาชิยาม่า (Higashiyama)

เที่ยวเกียวโต

เที่ยวเกียวโตสัมผัสเสน่ห์ความคลาสสิกพร้อมรับชมบรรยากาศของเมืองในอดีตกับย่านฮิกาชิยาม่า หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ ‘ย่านการค้าอันเก่าแก่’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารท้องถิ่น หรือร้านขนมโบราณ รวมถึงร้านค้าอื่น ๆ ที่สามารถเลือกซื้อของฝากกลับไปได้ โดยย่านฮิกาชิยาม่าแห่งนี้จะมีระยะทางให้เดินเที่ยวชมช้อปชิมได้ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดคิโยะมิสุหรือวัดน้ำใสไปจนถึงศาลเจ้ายาซากะเลยทีเดียว บอกเลยว่าถ้ามาลองตะลอนเดินเล่นจะได้ทั้งความสนุกสนาน ความเพลิดเพลินใจ สามารถหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปได้ และยังได้ของฝากท้องถิ่นติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอน

 

ทัศนียภาพโดยรวมของย่านฮิกาชิยาม่าแห่งนี้จะตั้งอยู่บริเวณเดิน มีร้านค้าตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทาง ให้บรรยากาศแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เหมาะการเที่ยวเกียวโตชมวัฒนธรรมโบราณ ร้านค้าบริเวณย่านฮิกาชิยาม่าแห่งนี้ จะเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. และจะปิดทำการในเวลา 18.00 น. สามารถเดินมาจากวัดนำใสได้เลย หรือจะนั่งรถไฟมาลงสถานี Kiyomizu-Gojo ก็ได้เช่นกัน

 

8. ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama)

เที่ยวเกียวโต

พักจากศาลเจ้าและวัดมาสัมผัสความงามของธรรมชาติกับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเกียวโตไฮไลท์อย่างป่าไผ่อาราชิยามะ ซึ่งป่าแห่งนี้จะมีทางคนเดินเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไผ่มากมายนับพันต้น คล้ายกับเดินเข้าไปในอุโมงค์ต้นไผ่ จุดเด่นของที่แห่งนี้คือบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ มีความร่มรื่น เมื่อเดินเข้ามายังป่าแห่งนี้คุณจะรู้สึกถึงความสดชื่นจากสีเขียวของต้นไผ่ที่รอบตัวคุณ พร้อมกับแสงแดดจาง ๆ ที่ส่งผ่านริ้วไผ่ลงมาตกกระทบพื้นเบื้องล่าง เมื่อลมพัดมาจะได้ยินเสียงใบไผ่เสียดสีกันเบา ๆ ซึ่งเป็นบรรยากาศอันแสนรื่นรมย์ยิ่งนัก

 

ป่าไผ่อาราชิยามะเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปีศตวรรษที่ 8 โดยมีผู้สัญจรและชาวเมืองต่างเดินทางมาที่แห่งนี้บ่อย ๆ เพื่อมาสงบจิตใจท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ต้นไผ่ยังเป็นไม้มงคลของประเทศญี่ปุ่น เป็นตัวแทนของความโชคดี และความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เยอะ คนญี่ปุ่นจึงใกล้ชิดกับต้นไผ่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

การเที่ยวเกียวโตชมความสวยงามของป่าไผ่อาราชิยามะแห่งนี้จะมีทางเดินทอดยาวกลางป่าไผ่ประมาณ 500 เมตร มีการจัดพื้นที่ทางเดินให้เดินได้อย่างสะดวก จะเดินเล่นชมทิวทัศน์แบบชิล ๆ พร้อมถ่ายรูปสวย ๆ หรือจะปั่นจักรยานชมก็เพลิดเพลินได้ไม่แพ้กัน ส่วนการเดินทางมาที่ป่าไผ่นั้น แนะนำให้นั่ง Kyoto City Bus สาย สาย 63 และ 73 จะสะดวกที่สุด

 

9. วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji is a Zen temple)

เที่ยวเกียวโต

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณชานเมืองของเกียวโต มีไฮไลท์อันโด่งดังคือการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นสวนหินแบบ Zen ขนาด 248 ตารางเมตร มีการดัดแปลงสภาพภูมิประเทศให้สวยงามด้วยการจัดวางก้อนหินอย่างเหมาะสม โดยสวนหินแห่งนี้จะมีความลับที่ซ่อนอยู่ คือจะมีหินทั้งหมดอยู่ในสวนจำนวน 15 ก้อน แต่สำหรับผู้ชมไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตามก็เห็นได้แค่เพียงหิน 14 ก้อน เท่านั้น แฝงให้เห็นถึงความอัจฉริยะด้านการออกแบบที่เล่นกับมุมมองของสายตาผู้ชม หากคุณเดินทางมาเที่ยวเกียวโตแล้วอยากพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของการจัดสวน เราแนะนำให้มาชมวัดเรียวอันจินี้เลย

 

บริเวณพื้นของสวนมีการโรยกรวดขาวที่พื้น พร้อมกับปลูกพืชประเภทมอสส์คอยแซมเป็นพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งสวน มีศาลาไม้ให้คนนั่งชมและมีภูเขาเป็นฉากหลัง ซึ่งให้ความรู้สึกอันแสนสงบบนธรรมชาติที่สวยงาม ทุก ๆ วันจะมีเจ้าหน้าที่คอยกวาดพื้นหินกรวดเพื่อสร้างริ้วเป็นคลื่นซึ่งจะเปลี่ยนไปทุก ๆ วัน ให้ความรู้สึกแบบไม่ซ้ำกันอีกด้วย ว่ากันว่าสวนแห่งนี้จัดเป็นสวนหินที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยมีเหล่าศิลปินชื่อดังมากมายต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานจากการเข้ามาชมสวยแห่งนี้

 

วัดเรียวอันจิ มีชื่อที่แปลงตรงตัวได้ว่ามังกรผู้รักสันติ โดยเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยเฮอัน ในช่วงสมัยศตวรรษที่ 11 เพื่อเป็นบ้านพักของเหล่าขุนนาง แต่ในเวลาต่อมาในปี ค.ศ. 1450 ได้มีการดัดแปลงพื้นที่ให้เป็นวัดนิกายเซน รวมถึงมีการสร้างหมู่บ้านโดยรอบ นอกจากความสวยงามของสวนแล้ว ผู้เขาชมยังสามารถเดินชมอาคารและสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัดได้อีกด้วย ผู้ที่มาเที่ยวเกียวโตสามารถนั่งรถไฟสาย Keifuku Kitano Line ไปลงที่สถานี Ryoanji-michi Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที โดยวัดจะเปิดให้ชมในเวลา 8:00 – 17:00 น. มีค่าเข้าชม 500 เยน

 

10. พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต (Kyoto Railway Museum)

เที่ยวเกียวโต

เดินชมวัดและช้อปปิ้งในย่านการค้ากันมาแล้ว เราขอพาผู้เดินทางมาเที่ยวเกียวโตไปเดินชมพิพิธภัณฑ์กันบ้างกับพิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต ซึ่งบอกเลยว่าคนที่ชอบรถไฟต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมเนื้อหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของรถไฟญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการชมหัวรถจักรโบราณกว่า 50 ขบวน ไล่เรียงตั้งแต่หัวรถจักรไอน้ำรุ่นแรก ๆ หัวรถจักรดีเซล ไปจนถึงหัวรถจักรความเร็วสูงทุก ๆ รุ่น ซึ่งคุณสามารถเข้าไปชมและถ่ายรูปข้างในขบวนได้อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว

 

นอกจากจะชมหัวรถจักรแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังจัดแสดงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการรถไฟอีกมาก เช่น ชุดพนักงานรถไฟ ป้ายรถไฟ ชุดนิทรรศการที่ให้ความรู้ด้านรถไฟ และอีกหนึ่งไฮไลท์คือจุดชมวิวลอยฟ้าเพื่อให้ผู้คนได้ชมขบวนรถไฟจักรของจริงที่วิ่งอยู่บนราง ซึ่งจะเป็นรถไฟสาย J R Kyoto Line และ Tokaido Shinkansen ที่กำลังใช้งานจริง สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวเกียวโตแล้วอยากมาสัมผัสกับนวัตกรรมรถไฟญี่ปุ่นก็เดินทางมาง่าย ๆ ด้วยรถไฟสายดังกล่าว โดยพิพิธภัณฑ์จะเปิดให้เข้าชมเวลา 10.00 – 17.00 น. มีค่าเข้าชมท่านละ 1,300 เยน

 

11. วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple)

เที่ยวเกียวโต

หลังจากที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเกียวโตไฮไลท์กันไปแล้ว เราจะมาเผยที่เที่ยวเกียวโตลับที่มีความงดงามแต่คนยังไม่รู้จักกันต่อ ซึ่งเราขอประเดิมด้วยวัดเบียวโดอิน วัดพุทธอันเก่าแก่ใจกลางเกียวโตที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 998 ในสมัยเฮอัน ซึ่งจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือโถงนกฟินิกซ์ที่สร้างขึ้นโดย ฟูจิวาระ โนะ โยริมิจิ ในปี ค.ศ. 1053 โถงแห่งนี้มีโครงสร้างด้านสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแบบญี่ปุ่นโบราณ โดยผังอาคารจะประกอบด้วยอาคารหลัก มีปีกสองข้างที่เป็นระเบียงและมีทางเดินทะลุไปด้านหลังคล้ายกับปีกและหางของนก ส่วนหลังคาจะเป็นทรงปีกนก มีงานประติมากรรมนกโฮโอหรือนกฟินิกซ์ประดับอยู่สองข้าง จึงเป็นที่มาของชื่อโถงฟินิกซ์นั่นเอง

 

ตัวอาคารโถงฟินิกซ์รายล้อมด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ เมื่อมองมาจากด้านนอกจะเห็นเงาสะท้อนราวกับว่าอาคารกำลังลอยน้ำอยู่จริง ๆ ภายโถงจะมีงานจิตรกรรมและประติมากรรมมากมายที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาซึ่งมีความงดงามอย่างมาก และด้านในสุดของห้องโถงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระอมิตาพุทธเจ้า นอกจากโถงฟินิกซ์แล้วโดยรอบวัดยังมีสวน ระเบียงทางเดิน และพิพิธภัณฑ์ ให้ถ่ายรูปสวย ๆ ได้เต็มที่

 

วัดเบียวโดอิน ยังมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือวัฒนธรรมการชงชา นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับประเพณีการชงชาเขียวอุจิญี่ปุ่นในโรงน้ำชาโบราณ ซึ่งใบชาประเภทนี้ถูกเก็บเกี่ยวจากไร่ชาของเมืองอุจิหรือฟาร์มใกล้เคียง โดยมีอาจารย์สอนชงชาอันเลื่องชื่อจะเป็นผู้ชงชาเสิร์ฟให้คุณดื่มด้วยตัวเอง แนะนำว่าหากใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วอยากสัมผัสกับประเพณีชงชาแบบโบราณ ก็ให้แวะมาที่วัดเบียวโดอินนี้เลย ส่วนการเดินทางนั้น แนะนำให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line แล้วไปลงที่ สถานี Uji จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

 

12. หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine – Funaya)

เที่ยวเกียวโต

ขอนำทุกท่านเดินทางออกมาไกลเกียวโตนิดหน่อย แต่ขอแนะนำว่าหากมาเที่ยวเกียวโตแล้วต้องลองแวะมาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อิเนะฟุนายะนั้นเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกียวโต นั่งรถบัสจากเกียวโตมาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จุดเด่นของเมืองนี้คือบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ บ้านเรือนจะถูกปลูกตามชายฝั่งตามแนวโค้งของอ่าวอิเนะซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ลักษณะของการสร้างบ้านที่อิเนะแห่งนี้จะค่อนข้างแปลกตา บ้านเรือนส่วนมากจะเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นที่จอดเรือ ส่วนด้านบนเป็นที่พักอาศัย สะท้อนให้เห็นถึงอาชีพของชาวประมงสมัยก่อนที่ทุกบ้านจะมีเรือเพื่อออกไปหาปลานั่นเอง

 

เมืองอิเนะในทุกวันนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลอันสดใหม่ ซึ่งจะมีปลามากมายที่จับขึ้นสด ๆ ในอ่าวให้เลือกรับประทาน อีกทั้งที่นี่ยังมีโฮมสเตย์พื้นบ้านให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศในเมืองอย่างใกล้ชิด และหากคุณมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเห็นทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งทำให้ทิวทัศน์โดยรวมงดงามยิ่งขึ้นไปอีก นับเป้นอกีหนึ่งที่เที่ยวเกียวโตลับ ๆ ที่คนยังไม่นิยมแต่ความสวยงามนั้นให้ 10 เต็ม 10 เลย

 

13. โทเอะ เกียวโต สตูดิโอ พาร์ค (Toei Kyoto Studio Park)

เที่ยวเกียวโต

ขอแนะนำสถานที่เที่ยวเกียวโตลับอีกที่กับ Toei Kyoto Studio Park สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ธีมญี่ปุ่นโบราณ เบื้องหลังของความบันเทิงผ่านหน้าจอทีวี ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะมีการตกแต่งแบบบ้านเมืองญี่ปุ่นยุคโบราณสำหรับถ่ายภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ โดยมีการแสดงโชว์เป็นรอบ ๆ ให้ได้รับชม เหมาะกับเหล่าเด็ก ๆ หรือผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง

 

สตูดิโอแห่งนี้เป็นของบริษัท โทเอ หนึ่งในสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ อเนิเมชั่น และรายการโทรทัศน์ชั้นนำของญี่ปุ่น มีการก่อสร้างพื้นที่ให้ย้อนยุคไปในสมัยเอโดะ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์แนวซามูไร ซึ่งได้มีภาพยนตร์ดัง ๆ หลายเรื่องได้ถูกถ่ายทำ ณ สตูดิโอแห่งนี้ ไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นการแสดงโชว์ ซึ่งจะมีการต่อสู้แบบซามูไรให้ได้เห็นกันสด ๆ รวมถึงการแสดงผาดโผนต่าง ๆ เพื่อเอ็นเตอเทรนเหล่าผู้ชม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากต่อสู้เหตุการณ์จริง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเหล่านักแสดงนั้นแอ็คชั่นแบบจัดเต็มมาก ๆ ดูแล้วสนุกเพลินตากันเลยทีเดียว

 

หากชมการแล้วยังไม่จุใจ คุณสามารถดื่มด่ำไปกับความเป็นญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมได้ ด้วยการเช่าชุดญี่ปุ่นมาถ่ายรูปคู่กับฉากหลังที่เป็นบ้านเรือนแบบโบราณ ซึ่งจะมีชุดซามูไร ชุดนินจา ชุดกิโมโนสมัยเอโดะ ฯลฯ ให้เลือกมากมาย สำหรับการเดินทางมาเที่ยวโทเอะ เกียวโต สตูดิโอ พาร์ค นั้น แนะนำให้นั่งรถไฟสาย JR Saganoมาลงสถานี Umahori แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย ส่วนค่าเข้าชมนั้นจะมีหลายราคาตามแพ็กเกจ แนะนำให้เช็กราคาค่าเข้าผ่านเว็บไซต์โทเอ สตูดิโอ ได้เลย หรือถ้าใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วอยากเข้าชมก็ใช้บริการให้ Artralux ช่วยจองตั๋วให้ได้เช่นกัน

 

14. ศาลเจ้าเฮอัน (Heian Shrine)

เที่ยวเกียวโต

เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบเมืองอายุ 1,100 ปี โดยเป็นศาลเจ้าใหม่แต่สร้างขึ้นในรูปแบบสไตล์สมัยเฮอัน จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือเสาประตูโทริอิขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า โดยมีความสูงขนาด 24 เมตร ตั้งตระหง่านตัดกับเส้นขอบฟ้า ตัวฐานเสาทั้งสองข้างถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรงโดยมีความหน้าถึงข้างละ 3.6 เมตร เลยทีเดียว นับเป็นเสาโอริอิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ผู้คนที่มาเที่ยวเกียวโตมักจะแวะมาถ่ายรูปที่เสาแห่งนี้

 

บริเวณโดยรอบศาลเจ้าจะรายล้อมด้วยต้นซากุระ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระก็จะเบ่งบานพร้อมกันทำให้เป็นทิวทัศน์น่าชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ที่ศาลยังมีประติมากรรมตามความเชื่อสัตว์เทพ 4 ทิศของญี่ปุ่นประดับตามมุมต่าง ๆ รวมไปถึงสวนชินเอ็นที่เฮอัน ที่ถูกจัดอย่างธรรมชาติให้คุณได้ชม

 

15. ศาลเจ้าคิฟุเนะ

เที่ยวเกียวโต

ขอปิดท้ายที่เที่ยวเกียวโตลับกับศาลเจ้าคิฟุเนะ ที่ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของเมือง ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าหากใครชอบถ่ายรูปสวย ๆ ต้องแวะมาที่นี่เลย เพราะทางขึ้นวัดแห่งนี้จะเป็นบันไดหินทอดยาว ประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงบริเวณทั้งสองข้างทาง หากมาในช่วงเวลาค่ำ ๆ ไฟจะสว่างตลอดสองทางเดินจึงมีมุมถ่ายรูปสวยมากมาย อีกทั้งที่แห่งนี้คนยังเที่ยวน้อย ถ่ายรูปไม่ค่อยติดคน รับรองว่าจะถ่ายมุมไหนก็ขึ้นกล้องแน่นอน ส่วนช่วงฤดูที่เหมาะกับการถ่ายรูปนั้นแนะนำว่าให้มาในช่วงฤดูหนาว เพราะคุณจะเห็นทัศนียภาพสีขาวโพลนของกองหิมะตัดกับสีแดงของเสาโคมไฟ ทำให้ถ่ายรูปออกมาโดดเด่นสวยงามยิ่งขึ้น

 

ศาลเจ้าคิฟุเนะ เป็นศาลเก่าแก่คู่เมืองเกียวโตมาเป็นเวลานับพันปี โดยเป็นศาลเจ้าแบบชินโตที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพทาคาโอะเทพเจ้าแห่งน้ำและฝน เมื่อเดินผ่านบันไดทางเข้ามาแล้วก็จะพบก็บศาลเจ้าด้านในที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายให้บรรยากาศอันแสนสงบเงียบ สำหรับการไหว้ขอพรกับศาลเจ้าแห่งนี้จะเน้นการขอเรื่องความรัก ว่ากันว่าหากใครที่มาเที่ยวเกียวโตแล้วมาขอพรที่นี่ก็จะได้คนรักสมหวัง แต่ถ้าใครมีคู่อยู่แล้ว ความรักก็จะมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก โดยกิมมิคที่น่าสนใจของการของพร ณ ศาลเจ้าแห่งนี้คือใบเซียมซีลอยน้ำที่ต้องแช่น้ำไว้ก่อน แล้วคำทำนายจึงจะปรากฏ! นับเป็นการขอพรคำทำนายที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำที่ใด สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปศาลเจ้าคิฟุเนะ แนะนำให้นั่งรถบัสสาย 33 แล้วลงที่ป้าย Kibune จากนั้นเดินต่ออีกเล็กน้อย

 

เกียวโตเป็นอดีตเมืองหลวงยุคญี่ปุ่นโบราณที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์อันน่าหลงใหล เป็นเมืองที่เที่ยวได้สนุก ที่พักและอาหารการกินนั้นหาง่าย เดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเดินทางมาในช่วงเวลาไหนก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างเสมอ 

 

สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)

📞 | 02-047-0083

💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

SHARES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า