เที่ยวดูไบ 15 สถานที่เที่ยวแนะนำ 2024 เมือง Middle East ที่รวยที่สุดในโลก

เที่ยวดูไบ

“เที่ยวดูไบ” เชื่อว่าประโยคนี้เป็นคำพูดที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากสานฝันให้เป็นเรื่องจริงมากที่สุด และหลายคนที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวดูไบกันมาแล้ว จะรู้เลยว่านครดูไบในปี 2024 นั้น คือ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เป็นที่สุดเมื่อพูดถึงเมืองท่องเที่ยวในแทบตะวันออกกลาง (Middle-East) ซึ่งเพราะอะไรกันนะที่ทำให้การท่องเที่ยวดูไบนั้น เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก?  

ดูไบ (Dubai) เป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates)  หรือ UAE แม้ว่าดูไบจะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศเหมือนกับนครอาบู ดาบี (Abu Dhabi) แต่เสน่ห์ของดูไบก็สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวได้ปีละหลายล้ายคน โดยข้อมูลจากเว็บ Global Media Insight เผยว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ (International Visitors) เดินทางมาเยือนดูไบมากถึง 14.36 ล้านคน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี นักท่องเที่ยวหลายคนรู้จักนครดูไบในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ร่ำรวย และ เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักดูไบในฐานะเมืองแห่งสถาปัตยกรรมอันทันสมัย และ ตึกสูงสง่าระฟ้าประหนึ่งได้แตะสวรรค์ 

วันนี้ Artralux บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ สามารถจัดงบ เที่ยวดูไบ 2024 ให้กับคุณได้ จึงได้รวบรวมข้อมูลนครดูไบ เสน่ห์ที่ยากจะเอาชนะ และรวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวดูไบทั้ง 15 แห่งที่ไม่ควรพลาด หากคุณมีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวดูไบ ซึ่งเนื้อหาจะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย!  

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

15 สถานที่เที่ยวดูไบ 2024 Must Visit สักครั้งในชีวิต 

ปฎิเสธไม่ได้ว่า “เที่ยวดูไบ” คือ “Ultimate Traveller’s Dream” หรือ ความฝันอันสูงสุดของนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะที่เมืองดูไบแห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของสถาปัตยกรรมตึกสูงระฟ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างตึก Burj Khalifa, Palm Jumeirah และ Burj Al Arab เป็นต้น มหานครดูไบยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแนวพจญภัย มรดกทางวัฒนธรม และ กิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ที่จะสามารถตอบสนองนักท่องเที่ยวผู้มั่งคั่งที่แสว่งหาความสนุก และ ประสบการณ์ความท้าทายที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก โดยสถานที่เที่ยวดูไบ 15 แห่งที่เราอยากจะนำเสนอนักท่องเที่ยวทุกคน มีดังนี้ 

1.ตึก Burj Khalifa  

เที่ยวดูไบ

เที่ยวดูไบทั้งที สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกที่หากพลาดไม่ได้ไปเยือนความยิ่งใหญ่ บอกเลยว่าคุณมาไม่ถึงนครดูไบ ซึ่งสถานที่นั้น จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากตึก Burj Khalifa (ตึกเบิร์จคาลิฟา) หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันอย่างติดปากว่า Burj Dubai (ตึกเบิร์จดูไบ) โดยจุดเด่นของตึกแห่งนี้คือความยิ่งใหญ่ และ ความสูงเด่นเป็นสง่า ด้วยความสูงทั้งสิ้น 828 เมตร (หรือประมาณ 2,717 ฟุต) ซึ่งเป็นความสูงของตึกที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน ณ เวลาที่เขียน โดยตึกแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างมากถึง 6 ปีด้วยกัน (ตั้งแต่ปี 2004 – 2009) ด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบอิสลามกับสถาปัตยกรรมแบบทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และใช้เงินสร้างตึกแห่งนี้กว่า 1500 ล้านดอลล่าห์ หรือ คิดเป็นเงินไทยได้เทียบเท่ากับ 5 หมื่น 2 พันล้านบาทนั่นเอง 

นอกจากที่ตึก Burj Khalifa จะเป็นตึกที่ทำลายสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ตึกแห่งนี้ยังได้ทำลายสถิติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตึกที่มีโครงสร้างความเป็นอิสระมากที่สุดในโลก, สระว่ายน้ำที่สูงที่สุดในโลก, จำนวนขั้นบันไดที่เยอะที่สุดในโลก และ อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เอง สถานที่แห่งนี้ จึงกลายเป็นที่เที่ยวดูไบที่ห้ามพลาดไม่ว่าประการใดทั้งปวง โดยจุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 124, 125 และ ชั้น 148 ซึ่งคุณสามารถขึ้นไปยังชั้นดังกล่าวได้ด้วยลิฟท์ โดยใช้เวลาเพียง 35 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกนั่นเอง 

2.เกาะ Palm Jumeirah

เที่ยวดูไบ

อีกหนึ่งที่เที่ยวดูไบ ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของนครดูไบ ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีนั้น คือ เกาะ Palm Jumeirah หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม “หมู่เกาะต้นปาล์ม” เป็นหมู่เกาะที่มีหน้าตาคล้ายกับก้างปลา หรือ ต้นปาล์ม ซึ่งมีใบแยกออกมาเป็น 7 แฉก ความสวยงามดังกล่าว เป็นฝีมือของมนุษย์ และได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก ซึ่งความน่าทึ่งคือการสร้างเกาะแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างไม่นานเลย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 2001 และส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ในปีค.ศ. 2006 ซึ่งการก่อสร้างในครั้งนี้ คือการถนทะเลอาหรับในบางส่วนเพื่อสร้างเป็นเกาะ และไม่มีการใช้โครงสร้างเหล็ก หรือ คอนกรีตแต่อย่างใด โดยใช้แค่ทราย และหินเท่านั้น ถือเป็นความมหัศจรย์?ี่แทบจะเป็ฯไปไม่ได้เลยทีเดียว 

ซึ่งการเดินทางไปที่เกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางวด้วยรถแท๊กซี่ เนื่องจาก เกาะ Palm Jumeirah ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองดูไบเพียงแค่ 24 กิโบเมตรเท่านั้น ซึ่งหากนักท่องเที่ยวต้องการชื่นชมวิวเกาะต้นปาล์มแห่งนี้ในมุมสูง จุดชมวิวที่เราแนะนำนั้น คือจุดชมวิว ณ ตึก Plam Towerที่ชั้น 52 (The View of The Plam) ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลที่ 240 เมตร ซึ่งในบริเวณนี้ คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวเกาะแบบ 360 องศาเลยที่เดียว ในส่วนของค่าเข้าชมนั้น จะอยู่ที่ 100 AED (แต่ในช่วงเวลา 15:00 – 18:00 นั้น จะมีราคาเข้าอยู่ที่ 158 AED)

3.พิพิธภัณฑ์ Museum of the Future

เที่ยวดูไบ

ที่เที่ยวดูไบที่น่าสนใจอีกแห่งนั้นคือ พิพิธภัณฑ์ Museum of the Future ซึ่งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนี่เอง มีความพิเศษ และ เอกลักษณ์ที่แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์โดยทั่วไปที่มักจะเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณเพื่อบอกเล่าเรื่องราวในอดีต แต่ในทางตรงกันข้าม พิพิธภัณฑ์ Museum of the Future ที่เที่ยวดูไบแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของโลกเราในอนาคตที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื่อมในปี ค.ศ 2071 ที่จะถึงนี่เอง โดยการก่อสร้าง และ เนื้อหาภายในนั้น ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปท์  “อนาคตเป็นของผู้ที่สามารถจินตนาการ ออกแบบ และทำให้สำเร็จได้ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะตั้งตารอ แต่คุณจะต้องสร้างมันขึ้นมา และนอกจากที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์การทดสอบในการสร้างนวัตกรรมต่างๆ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของสิ่งแวดล้อม และ สังคมให้กับคนรุ่นใหม่  

ซึ่งพิพิธภัณฑ์ Museum of the Future แห่งนี้ มีขนาดที่ใหญ่ และ เด่นชัด มาพร้อมกับความสูงทั้งหมด 77 เมตรจากพื้นดิน ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนถนน Sheikh Zayed ซึ่งเป็นเส้นถนนที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศ UAE และในส่วนของคอนเซปต์การออกแบบของ Museum of the Future นั้น มาพร้อมกับความหมายที่น่าทึ่ง เช่น รูปทรงวงกลม (Circular Design) นั้น สื่อถึงสัจธรรมความเป็นมนุษย์, เนินดินสีเขียว พื้นที่ตั้งของอาคาร สื่อถึงโลก และ ส่วนช่วงว่างตรงกลาง สื่อถึงโลกอนาคตที่มนุษย์อย่างเราไม่สามารถรับรู้ได้ 

เที่ยวดูไบ

ซึ่งหากคุณมีโอกาสได้เข้าไปเที่ยวดูไบ ชมการจัดแสดงข้างในพิพิธภัณฑ์นั้น ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยนั้น คือในโซน ‘Vault of Life’ หรือ ‘ห้องสมุด DNA’ ซึ่งโซนนี้นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ความเป็นมาของโลกเรา จากสายพันธุ์สัตว์ พืชพรรณ เมล็ดพันธุ์ และ แมลง รวมกกว่า 2,400 ชนิด ที่ถูกใส่ไว้ในโหล่แก้ว และส่องด้วยแสงไฟ LED อย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสมมุติฐานว่าหากสายพันธุ์เหล่านี้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกพร้อมกันจริงๆ จะมีผลต่อสิ่งแวดล้อม และ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกแค่ไหน 

4.ตึกกรอบรูป Dubai Frame 

เที่ยวดูไบ

เที่ยวดูไบทั้งที อย่าได้พลาดเยือนสาปัตยกรรมอันทันสมัยให้ครบ ซึ่งหนึ่งในแลนด์มาร์กสำหรับการท่องเที่ยวดูไบที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลสถาปัตยกรรม และ วิศวกรรมนั้น คือที่ ‘Dubai Frame’ หรือเจ้า ‘ตึกกรอบรูป’ ซึ่งเป็นตึกรูปทรงประหลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตึกแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 10 ปี ด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากให้นักทอ่งเที่ยวได้ชื่มชมความแตกต่างระหว่างดูไบในอดีต และ ดูไบในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากทำเลที่ตั้งของ Dubai Frame แห่งนี้ อยู่ที่บริเวณสวนสาธารณะ Zabeel Park ในเขต Al Kefaf ซึ่งอยู่ระหว่างเขตแบ่งกั้นดูไบเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี ดังนั้นนอกจากการเดินทางไปชมสถาปัตยกรรมอันงดงามแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวดูไบแบบสองแนวในที่เดียว นั่นคือ เที่ยวดูไบแบบหรูหรา และ เที่ยวดูไบแบบเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์นั่นเอง 

ภายในตึก นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เรื่องราวของประเทศดูไบมากมาย ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการบรรยายความเจริญก้าวหน้าของนครดูไบแบบปีต่อปี ในโซน ‘Past Dubai Gallery’  และในโซน ‘Dubai Frame Exhibition’ นักท่องเที่ยวจะได้ทราบถึงความเป็นมาของเจ้าสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่มีขื่อเสียงแห่งนี้อย่างละเอียดนั่นเอง 

5.ทะเลทราย Desert Safari 

เที่ยวดูไบ

ที่เที่ยวดูไบที่สายพจญภัยห้ามพลาดนั้นคือ Desert Safari ซึ่งเป็นผืนทะเลทรายอาหรับ (Arabian Desert) ที่มีความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก กินพื้นที่กว่า 2,300,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งความพิเศษของทะเลทรายแห่งนี้ ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกนั้น คือ เนินทะเลทราย (Dune) ที่มีความสูงชัน และ ต่ำสลับกันเป็นระยะๆ ดังนั้นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมเล่นกันมากที่สุดเมื่อมาเยือนที่เที่ยวดูไบแห่งนี้ คือการนั่งรถจี๊บ หรือ รถโฟร์วีล ตะลุยทะเลทรายด้วยความเร็วสูงใความดูแลของคนขับรถผู้เชี่ยวชาญของดูไบเขานั่นเอง นอกจากกิจกรรมการนั่งรถท้าทายผู้กล้าแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งอูฐ หรือ จะเล่นสกีทะเลทราย ณ ผืนทะเลทรายอาหรับแห่งนี้ก็ได้เช่นกัน โดย Desert Safari ตั้งอยู่ในหลายโลเคชั่น แต่โซนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั้น คือ บริเวณ al awir desert

โดยช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับเที่ยวดูไบ ณ Deserrt Safari นั้น คือ ในช่วงเช้าตรู และ ช่วงเย็น เพราะในช่วงเวลาเหล่านี้ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น และ ตกดินบนผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ นอกจากนี้ ยังเป็่วงเวลาที่มีการจัดแสดงการแสงดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงระบำหน้าท้อง, การเต้นทานูร่า, การแสดงระบำไฟ และ อีกมากมาย  

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

6.Love Lake Dubai

เที่ยวดูไบ

ยังคงเที่ยวดูไบกันที่ทะเลทรายอาหรับ กับสถานที่ท่องเที่ยว Love Lake Dubai หรือ Al Qudra Lake สถานที่ท่องเที่ยวดูไบยอดนิยมสำหรับคู่รัก โดยทะเลสาบแห่งนี้ เป็นทะเลสาบรูปทรงหัวใจเชื่อมต่อกัน 2 ดวง เกิดขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์กินพื้นที่กว่า 550,000 ตารางเมตร ซึ่งนอกจากรูปทรงของทะเลสาบจะน่ารัก และดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวดูไบกันแล้ว ความงดงามของทัศนียภาพโดยรอบก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน โดยหากมองจากมุมสูงนักท่องเที่ยวจะมองเห็นทะเลสาบสีเขียวอัญมณีซึ่งตัดกับสีเหลืองทองของทะเลทรายได้อย่างงดงาม นับว่าเป็น Oasis (โอเอซิส) ที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ เพราะทะเลสาบแห่งนี้ยังรายล้อมไปด้วยพืชไม้นานาพรรณหลายหมื่นทั้งหมด 16,000 ต้นด้วยกัน  

7.ห้างสรรพสินค้า Dubai Mall

เที่ยวดูไบ

มาเที่ยวดูไบ ซึ่งเป็นมหานครแห่งความร่ำรวย เป็นสถานที่พักอาศัย ที่ทำงานของมหาเศรษฐี และ สวรรค์ของสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลกทั้งที จะพลาดไม่มาเที่ยวชมห้างสรรพสินค้า Dubai Mall คงเหมือนจะไม่ได้มาเที่ยวดูไบ โดยแหล่งชอปปิ้งชื่อดังยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และ ผลเมืองของ UAE นั้น คือที่ห้างสรรพสินค้า Dubai Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าแบรนด์เนมที่มีขนาดใหญ่ที่เป็นอันดับ 5 ของโลก กินพื้นที่กว่า 440,000 ตารางฟุต ภายในเรียงรายไปด้วยร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน ร้านอาหาร 200 ร้าน โรงแรม 5 ดาว อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของแหล่งบันเทิงหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรงภาพยนตร์ม ลานสเก็ตน้ำแข็ง และที่พลาดไม่ได้อย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo)

8.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo)

เที่ยวดูไบ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo) เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวดูไบที่พลาดไม่ได้ โดยมี่แห่งนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ชีวิตใต้ท้องทะเลที่ได้รวบรวมสัตว์น้ำนานาชนิดกว่า 33,000 ชนิด มีความกว้างใหญ่ และ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลกอีกด้วย ซึ่งภายในตู้กระจกอะคริลิกดัากล่าว นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับสัตว์ทะเล 33,000 ชนิด แบ่งเป็น 220 สายพันธุ์ มีให้ได้ชมทั้งปลาฉลาม  ปิรันยา ปลากระเบน หรือ สัตว์น้ำสายพันธุ์หายากอีกมากมาย นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Dubai Aquarium) ยังมีการจัดโซนตามระบบนิเวศอย่างเป็นระเบียย โดยแบ่งได้เป็น โซนป่าฝน ชายฝั่งหิน และ โซนมหาสมุทร

9.ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat 

เที่ยวดูไบ

ตลาดพื้นเมือง Souk Madinat เป็นสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และ ศาสนาของพลเมืองชาวดูไบอย่างแท้จริง โดยตลาด Souk Madinat แห่งนี้ เป็นตลาดที่มีการออกแบบโดยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอาหรับ และ สถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลางดั้งเดิมได้อย่างลงตัว ตัวตลาด และ แหล่งชอปปิ้งถูกตัดผ่านด้วยรำน้ำ และ คลองสีเขียวมรกดให้ความรู็สึกเหมือนได้เดินทางไปเที่ยวที่เวนิส ประเทศ อิตาลีอย่างไงอย่างนั้น ซึ่งไฮไลท์ของตลาดแห่งนี้ คือ ร้านขายของพื้นเมือง ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเสื้อผ้า น้ำหอม เครื่องเทศ สินค้าแบรนด์เนม แบะ ร้านอาหารริมคลองมากมาย ซึ่งบอกเลยว่าตลาด Souk Madinat เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมาเที่ยวในตอนหลางคืน ท่านจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ Light Up ที่ตกแต่งไปทั่วตลาดอย่างงดงาม 

10.สุเหร่า จูไมร่า  (Jumeirah Mosque)

เที่ยวดูไบ

สุเหร่า จูไมร่า (Jumeirah Mosque) เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่เที่ยวดูไบที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมอิสลาม (Islamic Architecture) ยังเป็นที่สวดมนต์ของผลเมืองดูไบที่ยิ่งใหญ่ และ ศักดิ์สิทธิที่สุดอีกด้วย โดยสุเหร่าดังกล่าวจะหันหน้าไปทางกรุงเมกกะ ซึ่งเป็นทิศที่ชาวมุสลิมทั้งหลาย จะหันไปเพื่อกล่าวคำสวด ซึ่งจุดเด่นของสุเหร่าแห่งนี้หนีไม่พ้นสถาปัตยกรรมอันงดงาม ซึ่งได้รับการออกแบบในสไตล์สถาปัตยกรรม Fatimid ซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศอียิปต์ จากนั้นนำมาผสมผสานองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของอียิปต์ ซีเรีย อิหร่าน และอิรัก ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมาพร้อมกับสีขาวเบจ ให้ความรู้สึกสะอาดปลอดโปร่ง เป็นอีกสถานที่ศักดิ์สิทธิที่มีความงดงามมากที่สุดอีกแห่งของโลก 

และที่สำคัญสุเหร่าแห่งนี้ ยังเป็นหนึ่งใน 2 สุเหร่าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมเข้าชมความงดงามได้อีกด้วย โดยการเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมแล้ว การท่องเที่ยวที่มัสยิดจูไมราห์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแนะนำตัวเองให้รู้จัก และ เข้าใจถึงวัฒนธรรมและศาสนาของเอมิเรตส์ (Emirati culture and religion) ขณะท่องเที่ยวดูไบนั่นเอง  

11.โรมแรม The Atlantis

เที่ยวดูไบ

แม้ว่าโรมแรม The Atlantis จะเป็นสถานที่พักผ่อนระดับโรงแรมหรู 5 ดาวของดูไบ แต่ด้วยความสวยงาม และ ความอลังการของสถานที่แห่งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกยกย่องให้โรงแรม The Atlantis หรือ ชื่อเต็มๆ Atlantis The Plam เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่ควรค่าแก่การเข้าเยี่ยมชม ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนหมู่เกาะต้นปาล์ม จุดเด่นของสถานที่เที่ยวดูไบแห่งนี้ หนีไม่พ้นความอลังการ ประกอบไปด้วยชั้นทั้งหมด 46 ชั้น ห้องทั้งหมด 1,539 ห้อง แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ได้แก่ ตึกฝั่งตะวันออก (East Tower) และ ตึกฝั่งตะวันตก (West Tower) โดยจะมีสะพานเชื่อมต่อทั้งสองฝั่งที่ขื่อว่า “Royal Bridge Suit” นั่นเอง ความประทับใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกมานอนพักที่โรงแรมระดับ 5 ดาว ราคาแพงหูฉี่แห่งนี้ คือ บริการสไตล์ Arabian Hospitality ที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากนี้ โรงแรมแห่งนี้ยังมีกิจกรรม ที่สร้างความบันเทิงให้แก่นักท่องทเี่ยวอยู่ภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใต้ทะเล สปา ฟิตเนส ร้านระดับไฮเอนด์ ร้านอาหารสุดหรู และ ที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ Dolphin Bay หรือการแสดงปลาโลมาที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเล่นน้ำกับปลาวาฬได้อีกด้วย ดังนั้นที่แห่งนี้ จึงหลายเป็นที่เที่ยวดูไบอีกแห่งที่ต้องไม่พลาดเป็นอันขาด 

12.ดูไบครีค (Dubai Creek)

เที่ยวดูไบ

กิจกรรมที่จะเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวดูไบแบบคลาสสิคให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากที่สุดนั้น คือ การเดินทางไปเที่ยวดูไบครีค (Dubai Creek) หรือ คลองดูไบ ซึ่งความมหัศจรรย์ของคลองแห่งนี้ คือ หน้าที่ที่แบ่งเมืองดูไบออกเป็นสองฝั่ง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม  สถาปัตยกรรม และวิถีชัวิตของชาวพื้นเมืองอาหรับอีกด้วย ดังนั้นคลอง Dubai Creek จึงเป็นที่เที่ยวดูไบที่น่าสนใจอีกแห่ง โดยกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้นั้น คือ การล่องเรือ Abra Ride ซึ่งราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 1 Dirham เท่านั้น แต่ประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับนั้น เกินค่ามากจริงๆ โดยการบ่้องเรือจะข้ามผ่านสถานที่ท่องเที่ยวดูไบทางประวัติศษสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตลาดโบราณ Souk Madinat , อาคารที่ทันสมัย และ ทัศนียภาพอันงดงามของดูไบอีกมากมาย 

13.ตึกเบิร์จ อัล อาหรับ (Burj Al Arab)

เที่ยวดูไบ

โรงแรมที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดูไบที่คำว่า “หรู” นั้น ยังน้อยไปเสียอีกคือ ตึกเบิร์จ อัล อาหรับ (Burj Al Arab) ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 7 ดาวแห่งมหานครดูไบ ซึ่งความ Unique ของโรงแรมนี้ คือสถาปัตยกรรมที่มาพร้อมกับรูปทรงเรือใบตามสัญลักษณ์ของเมือดูไบ มีความสูง 321 เมตร ซึ่งเป็นความสูงที่มากกว่าหอไอเฟลเสียอีก อีกทั้งยังตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ และการเดินทางเข้าไปยังโรงแรมจะต้องขับรถผ่านสะพานเชื่อมจากชายฝั่งเข้ามายังที่โรงแรมโดยเฉพาะนั่นเอง 

เที่ยวดูไบ

ความพิเศษไม่หมดเพียงเท่านั้น ภายในโรงแรมประดับไปด้วยทองคำ 24K ในโซนล็อบบี้ และโซนอื่นรวมกันกว่า 1,790 ตร.ม นอกจากนี้ในห้องอาหาร “Junsui” ยังมีประดับด้วยเพชร และ คริสตัล  Swarovski ได้อย่างโอ่อ่างดงามมากกว่า 24,000 ตร.ม อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่ใด้พักที่โรงแรม Burj Al Arab ดังกล่าว แต่คุฯก็สามารถเดินทางเข้ามารับประทานอาหารได้ โดยจุดเด่นของห้องอาหารที่โรงแรมแห่งนี้คือ วิวตูปลาชขนาดใหญ่ ให้ฟิลล์เหมือนได้รับประทานอาหารใต้ท้องทะเล รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์เที่ยวดูไบสมชื่อว่ามาท่องเท่ยวเมืองมหาเศรษฐีแน่นอน   

14.ห้างสรรพสินค้า Mall of Emirates 

เที่ยวดูไบ

หนึ่งใมนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวดูไบนิยมเมื่อมาเที่ยวดูไบ หนีไมพ้นการชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ และ ขึ้นชื่อของดเมืองดูไบ ซึ่งสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของสายชอป จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจากที่ “Mall of Emirates” ศูนย์การค้าของประเทศสหรัฐเอมิเรตส์ที่ติดอันดับห้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งนอกจากร้านค้าแบรนด์เนมที่มีอยู่มากมายกว่า 100 ร้านแล้ว จุดเด่นที่ห้างแห่งนี้มี และ ไม่เหมือนใครนั้น คือ โซนความบันเทิง และ กิจกรรม Indoor ภายในห้าง ไม่ว่าจะเป็น โซนเล่นเกมอาร์เคด (Magic Planet), โซน Virtual Reality ท่องโลกเทพนิยาย และ โลกแห่งอนาคตเสมือนจริง (Dreamscape) และที่พลาดไม่ได้เลยนั้น คือ โซนสกีในร่ม (Ski Dubai) นั่นเอง ซึ่งในโซนนี้นอกจากที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเล่นสกีท้าหนาวกันได้อย่างสมใจแล้ว ยังสามารถรับชมน้องแพนกิ้วที่จะออกมาทักทายนักท่องเที่ยวเป็นเวลาในทุกวันได้อีกด้วย 

เที่ยวดูไบ

15.เมืองเก่าดูไบ (Al Bastakiya)

เที่ยวดูไบ

มาถึงที่เที่ยวดูไบที่สุดท้ายที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนให้ได้ก่อนกลับไทยนั่นคือ ย่านเมืองเก่าดูไบ หรือ Al Bastakiya ซึ่งบอกเลยว่าแค่มาเล่นเดินก็คุ้มแล้ว เพราะย่านนี้ ถูกรายล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19-20 มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบ Arabia Gulf ซึ่งเป็นช่วงที่ดูไบยังไม่ได้เจริญเหมือนในปัจจุบัน โดยในโซนนี้จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากย่านอื่นๆ ในเมืองดูไบอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากเดินเล่นแล้ว นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวยังได้ชอปของฝากพื้นเมืองจากที่นี้ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวดูไบที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดหากเดินทางมาเที่ยวดูไบ 

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเที่ยวดูไบ

หลังจากที่เราได้ศึกษาที่เที่ยวดูไบที่น่าสนใจไปทั้งหมด 15 แห่งแล้ว แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเดินทางไปท่องเที่ยวดูไบให้ได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดนั้น นักท่องเที่ยวควรจะเตรียมตัว และ วางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ ซึ่งในบทความนี้ Artralux ได้รวมรวบคำถามที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากทราบก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวนครดูไบ (Dubai) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) มาฝาก

Q.1 : เที่ยวดูไบต้องทำวีซ่าไหม

ไปเที่ยวดูไบต้องขอวีซ่าไหม? ขั้นตอนการขอวีซ่าดูไบเป็นอย่างไร?  ใช้เวลนานไหม? ยื่นวีซ่าดูไบที่ไหน? เชื่อว่าคำถามเหล่านี้คงจะเป็นคำถามอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่กำลังมีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวดูไบกันอย่างแน่นอน ซึ่งการเดินทางไปเที่ยวดูไบนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องทำการยื่นวีซ่าสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ (Dubai UAE Visa) ซึ่งสำหรับนักท่องทเี่ยวชาวไทย ผู้ถือพาสปอร์ตประเทศไทย ส่วนใหญ่จะได้ช่วงเวลาท่องเที่ยวดูไบไม่เกิน 90 วัน ซึ่งขั้นตอนการยื่นวีซ่าดูไบนั้น จะแตกต่างจากการยื่นวีซ่าของประเทศอื่นๆ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องทำการยื่นวีซ่าดูไบผ่านสายการบินในประเทศสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ หรือ ยื่นวีซ่าดูไบโดยตรงกับโรงแรมที่พัก ณ นครดูไบ 

ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจยื่นวีซ่าผ่านสายการบิน จำเป็นต้องเช็คให้รอบคอบก่อนว่าสายการบินนนั้นๆ มีบริการยื่นวีซ่าสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ (Dubai UAE Visa) หรือไม่ โดยสายการยินที่จะมียริการนี้แน่นอน ได้แก่ สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ (Etihad Airways), สายการบินฟลายดูไบ (FlyDubai), และ สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates) นั้นเอง 

ในส่วนของเอกสารที่นักท่องทเี่ยวจะต้องเตรียมสำหรับการยื่นวีซ่าดูไบมีดังนี้ 

  • แบบฟอร์มยื่นคำร้องขอวีซ่า : ซึ่งแบบฟอร์มดังกล่าว สามารถหากรอกทางออนไลน์ได้ตามเว็บไซต์ของสายการบินที่คุณเลือกเดินทาง และ เลือกที่จะยื่นวีซ่าผ่าน
  • หนังสือเดินทาง : คุณจะต้องสแกนหน้าหนังสือเดินทาง ซึ่งหนังสือเดินทางของคุณนั้น จะต้องเป็นหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป  
  • รูปถ่ายหน้าตรง : เป็นรูปถ่ายพื้นหลังสีขาว ขนาด 600 x 600 พิกเซล
  • ใบยืนยันการจองตั๋วเครื่องบิน: ตั๋วเครื่องบินจรากประเทศไทยไปยัง นครดูไบ ที่ได้รับการยื่นยันเป็ฯที่เรียบร้อยแล้ว 
  • ใบยืนยันการจองโรงแรมที่พัก : ใบรับรองการจองโรงแรมที่พัก ณ นครดูไบ หรือ เมืองอื่นๆ ในประเทศสหรัฐเอมิเรตส์ที่ได้รับการยื่นยันเป็นที่เรียบร้อย 

Q.2 : เที่ยวดูไบ งบเท่าไหร่

ได้ชื่อว่าเที่ยวดูไบ เมืองแห่งน้ำมัน และ มหาเศรษฐี แน่นอนว่าหลายคนคงจะคิดว่าเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างประเทศที่แพงแสนแพง แต่จริงๆ แล้ว การเที่ยวดูไบนั้น ไม่ได้แพงไปมากกว่าการท่องเที่ยวในประเทศยุโรปประเทศอื่นๆ สักเท่าไร เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐเอมิเรตส์นั้น ใช้สกุลเงิน United Arab Emirates Dirham (AED) ซึ่ง 1 AED ในปัจจุบัน ณ เวลาที่เขียน (มกราคม 2567) นั้น มีค่าเท่ากับ 9.49 บาทไทย 

ซึ่งสำหรับค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว สำหรับเที่ยวดูไบ 7 วันนั้น จะอยู่ที่ประมาณไม่น้อยกว่า 5x,xxx บาทไทย (ค่าใช้จ่ายต่อวันในการท่องเที่ยวดูไบด้วยตัวเอง อยู่ที่วันละ AED 1,014 หรือ ประมาณ 9,632.70 บาทไทย) โดยค่าโรงแรมระดับ 3 ดาวจะมีราคาต่อคืนไม่น้อยกว่า 1,800 บาท ในขณะที่ราคาต่อคืนสำหรับโรงแรมระดับหรูจะอยู่ที่ประมาณ 5,xxx บาทต่อคืน ในส่วนของราคาการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ด้วยแท็กซี่ หรือ ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน อยู่ที่ประมาณ AED 57 ต่อวัน 

Q.3 : เที่ยวดูไบ เดือนไหนดีที่สุด 

เที่ยวดูไบ

การท่องเที่ยดูไบ ประเทศสหรัฐเอมิเรตส์ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม เดือนท่องเที่ยวยวดูไบที่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางไปดูไบมากที่สุดนั้น คือในช่วงฤดูหนาว (เดือนตุลาคม – มกราคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ดูไบมีสภาพอากาศที่เย็นสบาย และมีอากาศแจ่มใส โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 17°C – 25°C ทำให้การท่องเที่ยวแบบ Outdoor Activity ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดร่ม ขับรถลุยทะเลทราย และ การเดินชอปปิ้งรอบเมือง สนุกมากยิ่งขึ้น  

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวดูไบในราคาที่ถูกกว่า และ ในฤดูกาลที่คนเที่ยวไม่เยอะมากนั้น เราแนะนำเป็นในช่วงฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน – สิงหาคม) เพราะเป็นช่วงที่ดูไบมีอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25 ° C – 38 °C นั่นเอง

นักท่องเที่ยวคนไหนที่กำลังมีแพลนท่องเที่ยวดูไบแบบพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเที่ยวในรูปแบบทัวร์ดูไบส่วนตัว หรือ อยากท่องเที่ยวด้วยตัวเองแบบอิสระ Artralux มาพร้อมกับบริการทัวร์ดูไบ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวนครดูไบในรูปแบบทัวร์ เพื่อกินหรู-อยู่สบาย สไตล์ Artralux และ บริการวางแผนโปรแกรมท่องเที่ยว (Itinerary) ทั่วเมืองดูไบ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวด้วยตัวเอง แต่อยากได้แผนการเที่ยวที่ครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจว่าการท่องเที่ยวในครั้งนี้จะมีแต่ความสุข และ คุ้มค่า โดยบริการของเราแตกต่างจากที่อื่น เพราะ Priority ของ Artralux คือการออกแบบโปรแกรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งคุณสามารถ Custom สายการบิน เส้นทางการเดินทาง ระดับโรงแรมที่พัก และ แลนด์มาร์กที่อยากไปเที่ยวได้อย่างดั่งใจฝัน เที่ยวดูไบ ให้ Artralux ดูแล !   

สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)

📞 | 02-047-0083

💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

SHARES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า