เชื่อว่าการขอวีซ่าไม่ผ่านนั้น เป็นอีกหนึ่งปัญญาที่ผู้ขอยื่นวีซ่าหลายคนกำลังกังวล หรือ กำลังประสบพบเจอ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการยื่นวีซ่าเพื่อเดินทางท่องเที่ยว ทำงาน หรือ เรียนต่อต่างประเทศนั้น เป็นขั้นตอนที่มีความละเอียด และ ซับซ้อนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีขั้นตอนที่เยอะ และ แตกต่างกันไปของแต่ละประเทศแล้ว ยังมีรายการเอกสารที่ต้องเตรียมพอสมควร รวมไปจนถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่าที่นักท่องเที่ยวหลายคนมองว่าเป็นด่านหิน และ ปัจจัยสำคัญสำหรับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สถานทูต ซึ่งแม้ว่าจะเตรียมเอกสารมาครบถ้วนแค่ไหน หากตอบคำถามไม่ตรงกับที่ข้อมูลที่ได้กรอกไปในแบบฟอร์ม หรือ เอกสาร ก็อาจทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้เดินทางลดลงได้นั่นเอง
จริงๆ แล้ว การโดนปฏิเสธวีซ่าไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ หรือ เป็นตัวชี้วัดว่าเราไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด การขอวีซ่าไม่ผ่านนั้น เป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวหลายคนพบเจอ แม้ว่าคุณมีประสบการณ์เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการขอวีซ่าครั้งนี้ของคุณจะราบรื่น วันนี้ทาง Artralux ผู้นำด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการยื่นวีซ่าท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย จึงได้รวบรวมเหตุผลที่ส่งผลให้ขอวีซ่าไม่ผ่าน และ วิธีแก้หากท่านขอวีซ่าไม่ผ่านมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์ สอบถามบริการยื่นวีซ่า
ขอวีซ่าไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร ควรขอใหม่ทันทีไหม
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าในกรณีที่ผู้เดินทางขอวีซ่าไม่ผ่าน หรือ โดนปฏิเสธวีซ่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และสามารถแก้ไขให้ได้รับวีซ่าทันก่อนกำหนดการเดินทางได้ ด้วยเหตุนี้เองทางสถานทูตจึงแนะนำให้ผู้ยื่นวีซ่าทำเรื่องยื่นวีซ่าก่อนกำหนดการวันเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน โดยยื่นได้ล่วงหน้าก่อนวันเดินทางไม่เกิน 3 เดือน เพื่อเป็นการเผื่อเวลาหากเกิดกรณีขอวีซ่าไม่ผ่านแล้วต้องยื่นใหม่ หรือ กรณีที่ต้องรอคิวยื่นเอกสารนาน
ในกรณีที่ผู้เดินทางยื่นวีซ่าไม่ผ่าน ควรจะอย่างไรนั้น จะมีวิธีแก้ไขด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่ 1.) ยื่นอุทธรณ์ 2.) ขอยื่นวีซ่าอีกครั้ง ซึ่งแต่ละวิธีจะมีขั้นตอนและเงื่อนไขแตกต่างกันดังนี้
1.วิธียื่นอุทธรณ์วีซ่า
กรณีที่ผู้ขอวีซ่า โดนปฏิเสธวีซ่า ยกเลิกวีซ่า หรือ เพิกถอนวีซ่า ทางสถานทูตอนุญาตให้ผู้ยื่นวีซ่าทำเรื่องยื่นอุทธรณ์เพื่อขอให้กระทรวงการต่างประเทศทำการตรวจสอบผลการตัดสินวีซ่าอีกครั้งได้ ซึ่งในการยื่นอุทธรณ์ ผู้เดินทางจะต้องทำการยื่นภายใน 1 เดือน (30 วัน) หลังจากที่ได้รับผลพิจารณาวีซ่าจากสถานทูตประเทศนั้นๆ
-
ยื่นอุทธรณ์ผลวีซ่า ประเทศไหนได้บ้าง
การขอยื่นอุทธรณ์ สามารถทำได้แค่การขอวีซ่าบางประเทศเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ ประเทศที่ผู้เดินทางสามารถยื่นอุทธรณ์ได้จะเป็นประเทศในฝั่งยุโรป หรือ วีซ่าเชงเก้น ยกเว้นประเทศอังกฤษ ในส่วนของประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา, แคนนาดา และ ออสเตรเลีย เป็นต้น ทางสถานทูตจะไม่อนุญาตให้ทำการอุทธรณ์ จึงทำได้แค่ยื่นวีซ่าอีกครั้ง หากขอวีซ่าไม่ผ่าน
-
วัตถุประสงค์ของการยื่นอุทธรณ์ ในกรณีที่ยื่นวีซ่าไม่ผ่าน
– เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลที่ทางสถานทูตควรพิจารณาผลวีซ่าอีกครั้ง
– เพื่อยืนยันความครบถ้วน สมบูรณ์ และ ถูกต้องของเอกสารประกอบการยื่นวีซ่าที่ได้ทำมาอย่างดีแล้วและเพราะอะไรท่านถึงไม่ควรได้รับการปฏิเสธวีซ่าในครั้งนี้
– เพื่อโน้มน้าวให้ทางสถานทูต เปลี่ยนจากผลปฏิเสธวีซ่า เป็น การอนุมัติวีซ่าแทน
-
ขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์
ในกรณีที่ผู้เดินทางขอวีซ่าไม่ผ่าน ผู้เดินทางจะได้รับใบปฏิเสธวีซ่า ซึ่งในใบดังกล่าว จะระบุเหตุผลที่ทางเจ้าหน้าที่ตัดสินใจปฏิเสธการยื่นวีซ่าในครั้งนี้ พร้อมกับ ที่อยู่ และ อีเมล เพื่อให้ท่านสามารถส่งจดหมายอุทธรณ์ หากท่านมีความประสงค์ที่จะยื่นอุทรณ์ โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่
1. เขียนจดหมายยื่นอุทธรณ์วีซ่า : นักท่องเที่ยวที่ถูกปฏิเสธวีซ่า และต้องการยื่นอุทธรณ์ จำเป็นต้องเขียนจดหมายยื่นอุทธรณ์วีซ่า (Appeal Letter for Visa Refusal ) เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไมท่านอยากให้สถานทูตพิจารณาเอกสารอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเขียนเสร็จแล้ว ท่านจะต้องแนบจดหมายดังกล่าวไปกับใบปฏิเสธวีซ่าของท่าน
โดยจดหมายยื่นอุทธรณ์วีซ่าดังกล่าวจะต้องมีข้อมูลดังนี้
-
- ชื่อ – นามสกุล ของผู้ยื่นวีซ่า
- หมายเลขหนังสือเดินทาง
- ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์
- ประเทศ, เชื้อชาติ, สัญชาติ
- วัตถุประสงค์ของการเดินทาง (หากไปท่องเที่ยว ควรระบุสถานที่ท่องเที่ยว ระยะเวลาพำนัก และ เหตุผลที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวให้ชัดเจน)
- เหตุผลที่ทำไมเราอยากให้ทางสถานทูตพิจารณาเอกสารการยื่นวีซ่าอีกครั้ง
ซึ่งเราจะต้องกล่าวถึงเหตุผลที่เราคิดว่าเอกสารของเราครบถ้วนดีแล้ว และ ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ในขั้นตอนการยื่นวีซ่า ซึ่งห้ามใช้อารมณ์ หรือ ขอความเมตตา แต่ให้ใช้เหตุผล
โดยท่านสามารถดูตัวอย่างจดหมายยื่นอุทธรณ์วีซ่าได้ที่นี่
2. ส่งจดหมายยื่นอุทธรณ์ : การส่งจดหมายยื่นอุทธรณ์นั้น ควรส่งไปพร้อมกับใบแจ้งผลปฏิเสธวีซ่า ตามที่อยู่ หรือ สามารถแสกนผ่านอีเมลที่ได้ระบุไว้ในจดหมายปฏิเสธวีซ่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์
3. รอผลยื่นอุทธรณ์ : ระยะเวลาในการรอผลยื่นอุทธรณ์นั้น จะมีระยะเวลาโดยประมาณอยู่ที่ 30 วันเป็นอย่างน้อย ซึ่งวิธีนี้จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รีบเดินทาง
2. วิธียื่นวีซ่าอีกครั้ง
วิธีการยื่นวีซ่าอีกครั้ง เป็นวิธีที่ผู้โดนปฏิเสธวีซ่า หรือ ผู้ที่ขอวีซ่าไม่ผ่านนิยมทำมากกว่าการอุทธรณ์วีซ่า ทั้งนี้เพราะระยะเวลาในการยื่นวีซ่า และ พิจารณาเอกสารต่างๆ อีกครั้งนั้น มีระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าการขอผลพิจารณาจดหมายยื่นอุทธรณ์
-
ขั้นตอนการการยื่นวีซ่าอีกครั้ง
ในกรณีที่ท่านต้องการยื่นวีซ่าอีกครั้งหลังจากได้รับผลวีซ่าไม่ผ่านนั้น ท่านสามารถยื่นวีซ่าอีกครั้งได้ในทันที โดยมีขั้นตอนเหมือนกับการยื่นวีซ่าทั่วไป อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านจะทำการยื่นวีซ่าอีกครั้งควรตรวจสอบในแน่ชัดถึงสาเหตุที่ทำให้ท่านยื่นวีซ่าไม่ผ่าน และ แก้ไขให้เรียบร้อย เพื่อให้การยื่นวีซ่าของท่านอีกครั้งไม่มีปัญหา และ ยื่นผ่านนั่นเอง
ยื่นวีซ่าไม่ผ่าน ขอใหม่ หรือ ยื่นอุทธรณ์ วิธีไหนดีกว่ากัน
หลังจากที่เราได้ทราบแล้วว่า หากขอวีซ่าไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร ซึ่งมี 2 วิธีด้วยกัน นั่นคือ การยื่นอุทธรณ์ และ การยื่นวีซ่าใหม่อีกครั้ง ซึ่งแต่ละวิธีต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
ข้อดี – ข้อเสีย ของการยื่นอุทธรณ์
สำหรับการยื่นอุทธรณ์วีซ่าไม่ผ่านของวีซ่าประเทศเยอรมันนั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม แต่ สำหรับประเทศอื่นๆ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ไม่เท่ากับค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าอีกรอบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการยื่นอุทธรณ์จะมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ก็มีระยะเวลาพิจารณาที่ค่อนข้างนานกว่า 30 วัน ทำให้วิธีนี้จึงเหมาะสมกับผู้ที่ไม่รีบเดินทาง
ข้อดี – ข้อเสีย ของการยื่นวีซ่าอีกครั้ง
สำหรับวิธียื่นวีซ่าอีกครั้ง เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการรีบทำวีซ่าให้ทันกับกำหนดการเดินทาง เพราะขั้นตอน และ ระยะเวลาในการพิจารณาจะไม่เกิน 15 วันทำการ เท่ากับการขอวีซ่าทั่วไป อย่างไรก็ตาม วิธีการยื่นวีซ่าอีกครั้ง ผู้ยื่นวีซ่าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าอีกรอบนั่นเอง
แอดไลน์ สอบถามบริการยื่นวีซ่า
วีซ่าไม่ผ่านเพราะอะไร พร้อมวิธีแก้ไข!
แน่นอนว่าก่อนที่จะทำเรื่องยื่นวีซ่าอีกครั้ง หรือ ทำเรื่องยื่นอุทธรณ์นั้น เราต้องทราบก่อนว่าเหตุผลที่ทำให้วีซ่าไม่ผ่าน เพราะอะไรกันแน่ เพราะการทราบถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่สถานทูตตัดสินใจปฏิเสธการยื่นวีซ่าของเราให้แน่ชัดเป็นอันดับแรก จะทำให้ท่านสามารถเตรียมตัวแก้ไข ให้การยื่นวีซ่าครั้งต่อไปของท่าน เป็นไปได้อย่างราบรื่น และ ลดความเสี่ยงต่อการขอวีซ่าไม่ผ่านนั่นเอง
ซึ่งไม่ว่าประเภทของวีซ่าที่ท่านขอนั้น จะเป็นวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับเดินทางไปยังประเทศใดก็ตาม หรือ แม้แต่เป็นวีซ่าเชงเก้นเอง ต่างก็มีปัจจัยที่ส่งผลให้ขอวีซ่าไม่ผ่านเหมือนๆ กัน โดยปัจจัยดังกล่าวมีดังนี้
1. เอกสารประกอบการยื่นวีซ่าไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ถูกต้อง
ปัจจัยในเรื่องของเอกสารตกหล่น หรือ ไม่ถูกต้องนั้น เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนโดนปฏิเสธวีซ่า ทั้งนี้เนื่องมาจากที่เอกสารประกอบการยื่นวีซ่าเหล่านี้ เป็นเครื่องมือที่สามารถบ่งบอกให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเห็นถึงความพร้อม และ คุณสมบัติของผู้เดินทาง อีกทั้งยังตัวสะท้อนถึงความน่าเชื่อถืออีกด้วย
วิธีแก้ไข : ในวันเดินทางไปยื่นเอกสารที่สถานทูต หรือ ที่ศูนย์ยื่นวีซ่าที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้เดินทางควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตาม ทั้งตัวจริง และ สำเนา (เอาไปเกิน ดีกว่าขาด) นอกจากนี้ เอกสารควรจะถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เพื่อความง่ายต่อการเช็คเอกสารของเจ้าหน้าที่
โดยสถานทูตที่ผู้ยื่นวีซ่าไม่จำเป็นต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ ได้แก่ สถานทูตอเมริกา, เยอรมัน, ออสเตรเลีย และ โปแลนด์ อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจ ขอให้ผู้ยื่นทำการตรวจเช็คกับทางสถานทูตอีกครั้ง เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
2. กรอกแบบฟอร์มยื่นวีซ่า (Visa Application Form) ไม่ถูกต้อง
แบบฟอร์มขอยื่นวีซ่าของแต่ละประเทศ และ แต่ละประเภท จะมีข้อมูลที่นักท่องเที่ยวต้องกรอกคล้ายกัน ได้แก่
- ข้อมูลส่วนตัว
- ประวัติพื้นฐานของผู้เดินทาง
- วัตถุประสงค์ในการเดินทาง
- รายละเอียดในการเดินทาง
- ระยะเวลาในการพำนักในประเทศนั้นๆ
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ขอวีซ่าไม่ผ่านหลายท่านได้ละเลยความสำคัญของข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์ม ทำให้กรอกด้วยข้อมูลเท็จ หรือ ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ส่งผลให้ตอบคำถามสัมภาษณ์วีซ่าไม่ตรงกับข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์ม และ เป็นปัญหาในภายหลัง
วิธีแก้ไข: ผู้เดินทางจะต้องทำการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มด้วยข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และ ชัดเจน และกรอกเป็นภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
3. หลักฐานทางการเงินไม่ชัดเจน
หลักฐานทางการเงินไม่ชัดเจน หรือ ทุนทรัพย์ไม่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนขอวีซ่าไม่ผ่าน ซึ่งหลักฐานทางการเงินที่เจ้าหน้าที่ขอดู ประกอบไปด้วย 1.) รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Bank Statement) 6 เดือน และ 2.) หนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Certification) ของผู้เดินทาง หรือ ผู้รับผิดชอบทางการเงินในการเดินทาง
โดยปัญหาทางการเงินที่พบบ่อยขอผู้ที่ขอวีซ่าไม่ผ่าน มีดังนี้
- ไม่พบจำนวนรายได้ประจำ ในรายการเดินบัญชีย้อนหลัง
- จำนวนรายจ่ายมากกว่ารายรับ
- เงินฝากในบัญชีมีไม่มากพอสำหรับเดินทาง
- เงินเข้าบัญชีเป็นก้อนใหญ่ ก่อนยื่นวีซ่าเพียงไม่กี่วัน
วิธีแก้ไข: เพื่อป้องกันการขอวีซ่าไม่ผ่าน หากผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง ควรเตรียมหลักฐานทางการเงินตั้งแต่เนินๆ เพื่อให้มีการเดินบัญชีที่ดีล่วงหน้า พร้อมศึกษาในรอบคอบว่าท่านควรจะต้องมีเงินในบัญชีเท่าไร สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ สำหรับท่องเที่ยวประเทศในยุโรป จะต้องมีเงินในบัญชีครอบคลุมค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 100 ยูโรต่อวัน + ค่าตั๋วเครื่องบิน และ ค่าที่พัก) ในกรณีที่มีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ หรือ มีสปอนเซอร์ ผู้เดินทางจะต้องนำหนังสือสปอนเซอร์ หรือ Sponsor Letter ซึ่งระบุความสัมพันธ์ชัดเจนกับผู้เดินทางมาด้วย (สามารถดูตัวอย่างการเขียน Sponsor Letter ได้ที่นี่)
4. จดหมายรับรองการทำงาน ระบุข้อมูลไม่ชัดเจน
นักท่องเที่ยวหลายคนมองข้ามความสำคัญของจดหมายรับรองการทำงาน หรือ จดหมายลางาน แต่จริงๆ แล้ว จดหมายดังกล่าวที่ระบุทั้งชื่อบริษัท, ตำแหน่ง, รายได้, ระยะเวลาที่ทำงานที่บริษัทนั้นๆ รวมไปถึง ระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อน สะท้อนให้เจ้าหน้าที่สถานทูตทราบว่า เรามีภาระหน้าที่ที่จะต้องกลับประเทศไทยเพื่อมาทำงานต่อ และไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น เอกสารนี้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการขอวีซ่าไม่ผ่านได้มากพอสมควร
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำงานบริษัท เอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงอาชีพทางการงานนั้น มีดังนี้
- นักเรียน : ใช้เป็นหนังสือรับรองการศึกษาที่ออกโดยสถาบันที่กำลังศึกษาอยู่
- เจ้าของธุรกิจ : ใช้เป็นหนังสือรับรองการจดทะเบียน (DBD) หรือ สำเนาทะเบียนการค้า (พค.0403)
5. ตอบคำถามสัมภาษณ์วีซ่าไม่ได้ หรือ ตอบไม่ตรงกับข้อมูลในเอกสาร
การสัมภาษณ์วีซ่าไม่ผ่านนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ขอวีซ่าไม่ผ่าน เพราะถึงแม้ว่าผู้เดินทางจะเตรียมเอกสารมาอย่างครบถ้วน แต่ไม่สามารถตอบคำถามเพื่ออธิบายวัตถุประสงค์ในการเดินทางของท่าน หรือ ตอบคำถามไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ท่านได้ทำการกรอกไว้ในแบบฟอร์มยื่นวีซ่า จะทำให้ท่านขาดความน่าเชื่อถือในทันที ส่งผลให้ขอวีซ่าไม่ผ่านนั่นเอง
วิธีแก้ไข: ผู้เดินทางควรเตรียมความพร้อม และ ข้อมูลในการตอบคำถามที่สอดคล้องกับข้อมูลที่ท่านได้กรอกลงในแบบฟอร์มยื่นวีซ่ามาอย่างดี
เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นถึงความมุ่งมั่น ควรพยายามตอบด้วยภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม หากไม่เข้าใจคำถาม ให้ขอทวนคำถามทันที อย่าตอบไปมั่วๆ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ และถ้าตอบเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้จริงๆ ให้ขอเจ้าหน้าที่ตอบเป็นภาษาไทย เพราะสถานทูตของบางประเทศ เจ้าหน้าที่สามารถพูดภาษาไทยได้นั่นเอง
6. ปกปิดข้อมูลว่าเคยโดนปฏิเสธวีซ่ามาก่อน
การขอวีซ่าไม่ผ่าน หรือ การโดนปฏิเสธวีซ่านั้น ไม่ใช่เรื่องไม่ดี หรือ ทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้เดินทางลดลงแต่อย่างใด แต่การที่ผู้เดินทางได้ปกปิดข้อมูลดังกล่าวนั้น ทำให้ทางเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยว่าทำไมท่านถึงต้องปิดบังข้อมูลในส่วนนี้ เพราะในเอกสารแบบฟอร์มยื่นวีซ่า จะมีส่วนให้ผู้เดินทางกรอกข้อมูลว่าท่านเคยโดนปฏิเสธวีซ่าหรือไม่ ในส่วนนี้ ให้ผู้เดินทางกรอกข้อมูลตามความเป็นจริง เพราะหากท่านเคยขอวีซ่าไม่ผ่านแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตมีข้อมูลเก็บไว้นั่นเอง
สรุป
คำถามที่ว่า “ขอวีซ่าไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร” นั้น วิธีแก้ไขกรณียื่นวีซ่าไม่ผ่าน สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การยื่นอุทธรณ์ และ การยื่นวีซ่าอีกครั้ง ซึ่งจะเลือกวิธีไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความเร่งรีบในการรับวีซ่าของท่าน หากต้องการเดินทางเร็ว แนะนำให้เลือก วิธีการยื่นวีซ่าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเยอะ และ มีเวลาก่อนการเดินทางมากกว่า 1 เดือน เราแนะนำเป็นการทำเรื่องอุทธรณ์วีซ่าแทน หลังจากที่ได้ท่านทราบแล้วว่า เหตุผลที่ขอวีซ่าไม่ผ่าน เพราะอะไร และ หากเกิดกรณีที่ขอวีซ่าไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร เราหวังว่าการขอวีซ่าของท่านไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ ท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือ พำนักระยะยาวในต่างประเทศของท่านครั้งหน้านั้น จะราบรื่น และ ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่สถานทูตโดนไม่มีข้อติดขัดใดๆ
สำหรับนักเดินทางคนไหน ที่ต้องการทำวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ แต่ยังมีความกังวล ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ขั้นตอนเป็นอย่างไร รายการเอกสารมีอะไรบ้าง รวมไปถึง แปลเอกสารอย่างไร ทาง Artralux เรามาพร้อมกับบริการรับทำวีซ่า ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เราพร้อมให้คำปรึกษา และ ดำเนินเรื่องยื่นวีซ่าของท่าน ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้ท่านได้อุ่นใจ มีเวลาไว้จัดกระเป๋าเดินทางแบบชิลๆ แน่นอน
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์ สอบถามบริการยื่นวีซ่า