พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace) หรือ ที่ชาวฝรั่งเศสรู้จักกันในนาม Château de Versailles เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศฝรั่งเศสที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปเยี่ยมชมความสวยงามกันเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศฝรั่งเศสก็ว่าได้ ซึ่งจากผลสำรวจของเว็บไซต์ The Brussels Times พบว่าในปี 2022 ที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศสกว่า 44 ล้านคน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั้น ได้แก่ ดิสนีย์แลนด์ ปารีส (Disneyland Paris) ซึ่งรับจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 15 ล้านคน และตามมาติดๆ คือที่ วิหาร NOTRE DAME อยู่ที่ 13 ล้านคน อย่างไรก็ตาม พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace) ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของประเทศฝรั่งเศส โดยในปีที่ผ่านมาได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังพระราชวังแห่งนี้กว่า 7.7 ล้านคนเลยทีเดียว
เชื่อว่าสำหรับใครหลายคนที่ยังไม่มีโอกาสไปเยี่ยมชม หรือ ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของพระราชวังแวร์ซายส์อย่างจริงจัง คงจะมองว่าพระราชวังแห่งนี้ ก็ไม่ต่างจากวังอื่นๆ เป็นเพียงพระราชวังที่สวยงาม สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และ มีสวนล้อมรอบพระราชวังอย่างกว้างขวาง แต่รู้หรือไม่ว่า พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นถึงมรดกโลกตะวันตกที่แสดงถึงความมั่งคั่งและประวัติศาสตร์ชาติของฝรั่งเศสก็ว่าได้ และ ที่น่าอึ้งกว่านั้น คือ พระราชวังแวร์ซายส์มีบทบาทอันสำคัญในการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีงามระหว่างประเทศไทย และ ประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย
วันนี้ ARTRALUX บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ จึงได้รวบรวมเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายส์ ความยิ่งใหญ่ และ ความสวยงามตั้งแต่ภายนอกวัง สู่ ภายใน ให้นักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์อย่างเราๆ ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเนื้อหาจะมีอะไรบ้างนั้น เราดูไปพร้อมๆ กันเลย!
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เรื่องราวที่ทำให้พระราชวังแวร์ซายส์ เป็นวังหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
พระราชวังแวร์ซายส์ หรือ ชื่อเต็มๆ Public Establishment of the Palace, Museum and National Estate of Versailles เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ด้วยความงดงาม และ สถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ทำให้พระราชวังแวร์ซายส์ ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก และ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกด้วยนั่นเอง
ในส่วนของประวัติความเป็นมาของพระราชวังแวร์ซายส์นั้น คงจะต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งกรุงฝรั่งเศส ซึ่งในสมัยนั้น ท่านได้เดินทางมาล่าสัตว์ที่เมืองแวร์ซายส์ ซึ่งในอดีตเป็นเพียงเมืองเล็กๆ รายล้อมไปด้วยป่าเขา และเป็นที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ในปี ค.ศ. 1622 ท่านได้ตัดสินใจซื้อแผ่นดิน และ พื้นป่าจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นพื้นที่ส่วนพระองค์ในการล่าสัตว์ และ ชื่นชมธรรมชาติ จากนั้นในปีต่อมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 จึงได้สร้างกระท่อมที่พักขนาดเล็กๆ เพื่อ พักอาศัย และในปี ค.ศ. 1631 จึงได้เริ่มสร้างเป็นพระราชวังขึ้น แต่ยังคงเป็นที่พักขนาดเล็กอยู่
หลังจากหลายปีต่อมาในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ได้ทำการย้ายถิ่นฐาน จากยเดิมพักอาศัยอยู่ที่กนุงปารีส มาพักที่เมืองแวร์ซายส์ ซึ่งท่านได้ต่อเติมวังเล็กๆ แห่งนี้ ให้มีขนาดที่กว้างขวางขึ้น โดนใช้เวลาต่อเติมอยู่ร่วม 30 ปี โดยเริ่มต้นการต่อเติมวังตั้งแต่ปี ค.ศ 1661 เป็นต้นมา โดยใช้งบประมาณ 500,000,000 ฟรังก์ และใช้คนงานก่อสร้างร่วม 30,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากพระราชวังเสร็๗สมบูรณ์ พระราชวังแวร์ซายส์ ก็กลายเป็นวังหลวงให้แก่เชื้อพระวงค์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ต้องรับแขกบ้านแขกเมือง เพราะสถานที่แห่งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ และ ความรุ่งเรืองของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในสมัยพระนารายณ์ แห่งอยุธยา สยามบา้นเราก็ได้ส่งคณะทูต เดินทางไปสร้างสัมพันธไมตรีกับทางฝรั่งเศสที่พระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 หรือในยุคที่มีการปฏิวัติ และ สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น ท่านได้สั่งเลิกใช้วัง และ ให้พระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ดังนั้น สำหรับชาวฝรั่งเศสแล้ว พระราชวังแวร์ซายส์นั้น เป็นมากกว่าที่พักของพระมหากษัตริย์ แต่สถานที่แห่งนี้ คือ สถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสเป็นอย่างมากนั่นเอง
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
พระราชวังแวร์ซายส์ และ The Garden รอบนอกวัง มีอะไรบ้าง
การสร้าง และ ต่อเติมพระราชวังแวร์ซายส์เรื่อยมานั้น มีแรงบันดาลใจในการสร้างวังที่ “เป็นที่สุดแห่งความเป็นเลิศที่เหนือกว่าความวิจิตรใด” ซึ่งตัวอาคารของพระราชวังแห่งนี้ทั้งหมดถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวในทุกส่วน มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมสไตล์แบบบาโรค และ สไตล์รอคโคโค กินพื้นที่ทั้งหมดกว่า 5,000 ไร่ รอบนอกพระราชวังแวร์ซานส์ถูกรายล้อมไปด้วยสวน (Garden) ที่ตกแต่งอย่างงดงามรูปร่างแบบเขาวงกต พร้อมกับด้วยสวนดอกไม้ที่มีการออกแบบคล้ายคลึงกับรูปทรงเลขาคณิต
ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวมองสวนจากหน้าต่างส่วนกลาง ณ ห้องกระจก (The Hall of Mirrors) ของพระราชวังแวร์ซายส์ ทัศนียภาพที่ท่านจะได้เห็น คือ Grande Perspective ของสวนรอบวัง ที่ทอดตัวยาวไปสู่เส้นขอบฟ้า ประกอบไปด้วยสวนทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ North Parterre, South Parterre และ Water Parterre นั่นเอง ซึ่งสวนรอบวังแห่งนี้ ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง และ เก่าแก่ไม่แพ้กับตัววังแต่อย่างใด โดยได้ถูกออกแบบโดย และ พัฒนาต่อยอดโดยชาวสวนชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า André Le Nôtre นั่นเอง
พระราชวังแวร์ซานส์แห่งนี้ ถูกแบบออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ The Palace, The Gardens, The Estate of Trianon, แและ The Park ซึ่งภายในส่วนของ The Palace หรือ ในส่วนของพระราชวังนั้น ประกอบไปด้วยห้องมากมายกว่า 2,300 ห้อง หน้าต่างถึง 2,153 บาน บันไดกว่า 67 อัน และ เตาผิงมากถึง 1,315 เตาเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละห้องจะมีการประดับตกแต่งด้วยภาพวาด และ งานประติมากรรมแกะสลักมากมาย ซึ่งต่างเป็นงานศิลปะที่สะท้อนให้คุณได้เห็นถึงบุคคลสำคัญ และ เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติฝรั่งเศสนั่นเอง
“ห้องกระจก” (The Hall of Mirrors) ของพระราชวังแวร์ซายส์อันโด่งดัง
The Hall of Mirror หรือ ห้องกระจก พระราชวังแวร์ซายส์นั้น เป็นห้องในพระราชวังที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของวัง ซึ่งห้องนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนระเบียงขนาดใหญ่ด้านหน้าของพระราชวัง เพื่อเป็นทางเชื่อมห้องพระตำหนักของกษัตริย์กับห้องพระตำหนักของพระราชินีเข้าด้วยกัน โดยห้องนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Jules Hardouin-Mansart ซึ่งเขาเริ่มออกแบบ และ สร้างห้องนี้ตั้งแต่ปีค.ศ 1678 และ ใช้เวลาก่อสร้าทั้งหมด 6 ปีด้วยกันกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ จุดเด่นของห้องกระจก พระราชวังแวร์ซายส์ คือ ความกว้างขวางของห้องนี้ ซึ่งมีความยาวกว่า 73 เมตร กว้าง 10.4 เมตร และมีเพดานสูงถึง 12.2 เมตร นอกจากนี้ ด้วยความที่ห้องนี้ ประกอบไปด้วยหน้าต่างทรงโค้งแบบ Floor to ceiling ที่มองเห็นวิวสวนด้านนอกวัง และ กระจกเจียรไนฝั่งตรงข้ามที่สะท้อนเงาด้านนอกของหน้าต่างอีก 17 บาน ทำให้ห้องกระจก พระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ ยิ่งดูกว้างขวางขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
การออกแบบห้องโถงแห่งนี้ เป็นการแสดงถึงความสำเร็จของประเทศฝรั่งเศส ท้ังในทางการเมือง เศรษฐกิจ และ ศิลปะ ซึ่งความสำเร็จทางการเมืองแสดงให้เห็นผ่านผลงานภาพวาด 30 ชิ้นบนเพดานโค้ง ซึ่งต่างเป็นภาพวาดที่บรรยายถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในช่วง 18 ปีแรกของรัชสมัย จนถึงสนธิสัญญาสันติภาพ ในส่วนของเศรษฐกิจ และ การเงิน นั้น สะท้อนจากจำนวนและขนาดของกระจกทั้งหมด 357 แผ่นที่ประดับบนกระจกทั้ง 17 บานตรงข้ามหน้าต่างของห้อง ซึ่งในสมัยห่อนนั้นกระจกมีราคาที่แพงมากนั่นเอง
และในส่วนของศิลปะนั้น สะท้อนออกมาผ่านทาง งานประติมากรรมเสา Rouge de Rance ที่ด้านบนหัวเสาที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ปิดทองตามการออกแบบใหม่ ที่เรียกว่า “สไตล์ฝรั่งเศส” นอกจากนี้ การจัดตกแต่งของห้องกระจกพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ ยังมีความสวยงาม ประดับเพดานด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์แพงระยับ ที่ตัดกันกับภาพวาดฝาพนังำด้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะในเวลากลางวัยที่แสงจากพระอาทิตย์สอดส่องเข้าสู่ตัวห้องโถง
การเดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซายส์
พระราชวังแวร์ซานส์ เปิดทำการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 09.00 – 17.30 น. อย่างไรก็ตาม จุดจำหน่ายบัตรจะปิดทำการจำหน่าบบัตรตั้งแต่เวลา 16.50 น.
ในส่วนของการเดินทางไปพระราชวังแวร์ซายนั้น เดินทางง่ายมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากเมืองหลวงกรุงปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้เพียงแค่ ประมาณ 20 กม. เท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟ RER (Regional Express Network) ซึ่งเป็นรถไฟที่เน้นการเชื่อมต่อปารีสชั้นในและเขตชานเมืองเข้าด้วยกัน เลือกเดินทางในสาย C และลงที่สถานี Versailles Château – Rive Gauche ซึ่งค่าธรรมเนียมจะอยู่ 8 ยูโรไปกลับต่อคน หลังจากที่คุณลงสถานีแล้ว ให้เดินเพียงแค่ 10 นาที ก็จะถึงจุดหมายปลายทางพระราชวังแวร์ซายส์แล้ว
หรือหากสะดวกเป็นนั่งรถบัส ให้เลือกเป็นนั่งรถสาย 171 ณ ป้าย Pont de Sèvres เมืองปารีส และลงที่ Chateau de Versailles ได้เลย
เที่ยวพระราชวังแวร์ซายส์ ค่าเข้าชมเท่าไร
สำหรับค่าเข้าชมพระราชวังแวร์ซายส์นั้น จะเริ่มต้นที่ 20 ยูโร ไปจนถึง 55 ยูโร ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เดินทางไปเที่ยวชมพระราชวัง โดยอายุของตั๋วเข้าชมนั้น จะมีอายุอยู่ที่ 1 – 2 วัน หลังจากได้ทำการซื้อตั๋วเท่านั้น
นักท่องเที่ยวคนไหนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว และ ชื่นชมความสวยงามของพระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส แต่กังวลเรื่องการเดินทาง กลั;ไปเที่ยวแล้วหลงทาง หรือยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกพักโรงแรมอะไร ในย่านไหน ที่จะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้อย่างง่ายดาย สามารถติดต่อสอบถาม Artralux บริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของไทย นอกจากนี้ Artralux ยังสามารถจัดโปรแกรมท่องเที่ยวส่วนตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่มีข้อแม้อีกด้วย
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว