Lofoten

รู้จัก Lofoten มหัศจรรย์แดนเหนือ ที่มีประวัติศาสตร์และธรรมชาติงดงาม

โลโฟเทน (Lofoten Norway) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของประเทศนอร์เวย์ เราอาจเคยเห็นภาพ Lofoten ตามสื่อหรือโปสต์การ์ดต่าง ๆ กันมากบ้างแล้ว โดยจะเป็นหมู่บ้านชาวประมงพร้อมฉากหลังที่เป็นภูเขา ซึ่งดูแล้วมีความสวยงามยิ่งนัก แต่เราขอบอกเลยว่าที่ Lofoten สถานที่จริงนั้นสวยงามยิ่งกว่าที่เราเห็นในภาพหลาย 100 เท่า

 

บทความนี้เราจะพาทุกท่านบินลัดฟ้าพาทุกท่านไปรู้จักกับ Lofoten Islands หมู่เกาะที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รับรองได้ว่าคุณจะต้องหลงรักสถานที่แห่งนี้และอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต

 

รู้จักความงดงามของ Lofoten ดินแดนที่ใคร ๆ ก็หลงรัก

Lofoten

 

Lofoten เป็นชื่อหมู่เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์ดินแดนเหนือสุดของยุโรป หมู่เกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องทิวทัศน์ทางธรรมชาติอันแสนงดงาม โดยเป็นแนวอ่าวอันสลับซับซ้อนรายล้อมด้วยเทือกเขา โดดเด่นด้วยหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งเรียงรายอยู่บนส่วนต่าง ๆ ของชายหาด มีอากาศอันแสนบริสุทธิ์ สภาพพื้นที่ของ Lofoten จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หากมาในช่วงหน้าร้อนคุณจะพบสีสันสีเขียวอันงดงามของทุ่งหญ้า แต่ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นวิวหิมะสีขาวโพลนตัดกับสีของน้ำทะเล เรียกว่ามาช่วงไหนก็จะพบกับความสวยงามที่แปลกออกไปไม่ซ้ำกัน

 

Lofoten Islands มีพื้นที่ทั้งหมด 1,227 ตารางกิโลเมตร มีประชากรพักอาศัยทั้งหมด 24,500 คน ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมายนับร้อยเกาะ แต่จะมีเกาะใหญ่หลัก ๆ อยู่ 5 เกาะคือ เกาะ Austvagoya, เกาะ Gimsoya, เกาะ Vestvagoya, เกาะ Flakstadoya และ เกาะ Moskenesoya โดยแต่ละเกาะหลักนั้นจะตั้งเรียงติดกันและมีการสร้างสะพานเชื่อมแต่ละเกาะให้เดินทางสะดวก ภูมิประเทศของ Lofoten นั้นมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยจะมีตั้งแต่แนวปะการังน้ำลึกอันเป็นบ้านของเหล่าสัตว์ทะเลหลายสายพันธุ์ ส่วนพื้นที่บนบกก็จะมีกวางและนากเป็นสัตว์ท้องถิ่นที่อาศัยอยู่เยอะที่สุด นอกจากนี้ตามชายฝั่งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าบรรดานกทะเลอีกด้วย

 

พื้นที่บริเวณหมู่เกาะ Lofoten มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมานับพันปีตั้งแต่สมัยไวกิ้ง ในฐานะเป็นหมู่บ้านประมงอันสำคัญ โดยจะจับปลาค็อดรวมถึงปลาแซลมอน จนถึงยุคปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นแหล่งทำฟาร์มปลาแซลม่อนนอร์เวย์อันโด่งดังที่ส่งขายไปทั่วโลกอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง Lofoten จะสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันแสนงดงามแบบสแกนดิเนเวีย และกลิ่นอายอารยธรรมของหมู่บ้านชาวประมงโบราณ ซึ่งบ้านเรือนแถบนี้จะมีการทาสีเป็นสีสันต่าง ๆ เช่น สีแดง สีเหลือง ซึ่งเป็นสีท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยยุคไวกิ้ง เหมาะกับผู้ที่ต้องการแวะมาพักผ่อนชมความงดงามของภูมิประเทศ รวมถึงสัมผัสกับวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองมาอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

 

สภาพภูมิอากาศของ Lofoten

Lofoten

 

พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลโฟเทนจะมีสภาพอากาศแบบกึ่งขั้วโลก แม้ว่าจะมีอากาศเย็นแต่ในฤดูหนาวกลับไม่หนาวจัดเหมือนภูมิภาคอื่น ๆ ในยุโรปเหนือ เนื่องจากได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นที่พัดเข้ามา ในช่วงฤดูร้อนอาการของ Lofoten จะอยู่ในช่วงเย็นสบายกำลังดีเหมาะกับการท่องเที่ยว ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอาจจะมีลมพัดรุนแรง ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวช่วงนี้อาจพบกับลูกเห็บและหิมะตก สำหรับใครที่ออกไปทำกิจกรรมในช่วงนี้ควรต้องระวังภัยหิมะถล่มกันด้วย

 

ที่ Lofoten คุณจะสามารถพบกับปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ในช่วงฤดูร้อน ประมาณปลายเดือน พ.ค. จนถึงกลาง ก.ค. ส่วนในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ ต้นเดือน ธ.ค. – ต้น ม.ค. พระอาทิตย์จะไม่ขึ้นเลยทั้งวัน สำหรับอุณหภูมิของ Lofoten นั้นเรียกว่ากำลังดี ไม่ได้หนาวมากจนเกินไป โดยอุณหภูมิตามช่วงฤดูกาลจะเป็นดังนี้

 

  • ช่วงฤดูหนาว ธ.ค. – ก.พ. อุณหภูมิประมาณ -2 ถึง 4 องศา
  • ช่วงฤดูใบไม้ผลิ มี.ค. – พ.ค. อุณหภูมิประมาณ 0 – 10 องศา
  • ช่วงฤดูร้อน มิ.ย. – ส.ค. อุณหภูมิประมาณ 9 – 16 องศา
  • ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก.ย.. – พ.ย. อุณหภูมิประมาณ 2 – 12 องศา

 

ที่ Lofoten มีดีอะไร ทำไมถึงควรมาท่องเที่ยว?

Lofoten

 

Lofoten Norway เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน แม้ว่าทริปไปเที่ยวโลโฟเทนนั้นอาจมีราคาแพง เมื่อเทียบกับการไปท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ แต่ต้องบอกเลยว่ามาแล้วคุ้มค่าจริง ๆ และนี่ก็คือ 7 เหตุผลที่สักครั้งในชีวิตคุณควรจะมาเยือนโลโฟเทน

 

  1. สัมผัสกับทิวทัศน์อันตระการตาของธรรมชาติ เนื่องจากภูมิประเทศของ Lofoten เป็นเกาะที่มีภูเขาสูงบนพื้นที่ชายฝั่งอันซับซ้อน ทำให้เกิดทิวทัศน์สวยงามที่หาที่ไหนไม่ได้ เหมาะกับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบธรรมชาติอย่างแท้จริง
  2. เป็นหนึ่งในจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของเกาะ Lofoten ที่อยู่บริเวณใกล้ขั้วโลก ทำให้คุณสามารถชมแสงเหนือบนฉากหลังที่เป็นธรรมชาติอันงดงามในช่วงฤดูหนาว
  3. มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้คุณได้เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า การพายเรือคายัคชมความงามของชายฝั่งทะเล การตกปลา ปั่นจักรยานชมบรรยากาศรอบเกาะ และเส้นทางธรรมชาติมากมายที่รอให้คุณไปสำรวจ
  4. สัมผัสวัฒนธรรมพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากหมู่บ้านชาวประมงที่นี่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เหล่านักท่องเที่ยวจะสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบ้านใน Lofoten หรือถ้าคุณอยากสำรวจประวัติศาสตร์ก็สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Lofoten ในหมู่บ้าน Kabelvåg ได้
  5. เป็นจุดชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนอันสวยงาม คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง หากมาในช่วงฤดูร้อน มอบประสบการณ์สุด Unseen ที่ไม่เหมือนใคร สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ ในตอนเที่ยงคืนได้
  6. ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นแบบ Local โดยเมือง Lofoten แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาค็อดซึ่งเป็นเมนูท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน รวมถึงนักท่องเที่ยวยังสามารถชิมอาหารทะเลสด ๆ ได้ตามร้านค้าต่าง ๆ
  7. เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงสุดชิก เพราะบ้านเรือนที่นี่จะทาสีสันสดใสซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปสวย ๆ สไตล์ Local

 

What to do in Lofoten? ไปเที่ยวทั้งที ต้องไปทำอะไร?

Lofoten

 

การมาเยือนหมู่เกาะ Lofoten Islands แห่งนี้ จะมีกิจกรรมให้คุณทำมากมายตามฤดูกาล ซึ่งคุณจะดื่มด่ำกับประสบการณ์อันแสนสุดพิเศษที่ไม่เคยได้รับมาก่อน และนี่ก็คือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราแนะนำให้ทำเมื่อมาเยือนที่โลโฟเทน

  • เดินป่า สำรวจระบบนิเวศรอบเกาะ ซึ่งจะมีเส้นทางเดินทางเดินป่ามากมายที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม คุณจะค้นพบหุบเขาอันน่าทึ่ง และภูมิทัศน์ของฟยอร์ดตามแนวชายฝั่ง ซึ่งจะให้ความสนุกเพลิดเพลินในทุก ๆ ก้าวที่คุณย่างเดิน
  • ตกปลา ทะเลรอบหมู่เกาะ Lofoten นั้นมีความสมบูรณ์ เต็มไปด้วยปลาทะเลหลากสายพันธุ์ เหมาะกับการตกปลาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะคุณจะเป็นนักตกปลามือเก่าหรือมือใหม่ ก็จะมีจุดตกปลาให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นท้าทาย พร้อมกับได้ปลาไปทานเป็นอาหารมื้อค่ำ
  • พายเรือคายัค สำรวจบรรยากาศของฟยอร์ด ถ้ำต่าง ๆ รวมถึงภูมิทัศน์ตามชายฝั่ง บอกเลยว่าคุณจะต้องหลงใหลกับวิวอันน่าทึ่งของหมู่เกาะโลโฟเทนแห่งนี้
  • ชมแสงเหนือในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเมษายน จะเลือกชมแสงเหนือบนเกาะ หรือจะล่องเรือรอบเกาะชมแสงเหนือก็ฟินได้ในอีกแบบ
  • เช่าจักรยาน ขับขี่ท่องเที่ยวสำรวจตามสถานที่ต่าง ๆ เพลิดเพลินไปกับถนนเรียบชายฝั่งอันสวยงาม ไปจนถึงเส้นทางขึ้นเขาอันคดเคี้ยว หากใครเป็นสายปั่นอยู่แล้วต้องชอบแน่นอน
  • สำรวจชีวิตสัตว์ป่าท้องถิ่น ณ ที่ Lofoten แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์บกและสัตว์ทะเลมากมาย เช่นนกทะเลสายพันธุ์ต่าง ๆ แมวน้ำ หรือถ้าโชคดีคุณอาจได้พบกับปลาวาฬด้วย ที่นี่มีแพ็กเกจทัวร์ล่องเรือชมสัตว์น้ำมากมายให้คุณได้เลือก
  • ชมหมู่บ้านชาวประมง โดยหมู่บ้านในโลโฟเทนแห่งนี้ยังคงอนุรักษ์บรรยากาศแบบเดิม ๆ ไว้ เช่นในหมู่บ้าน Reine, หมู่บ้าน Henningsvær, และ หมู่บ้าน Å โดยจะเป็นกระท่อมไม้ที่ตกแต่งด้วยสีสันอันฉูดฉาด หรือถ้าใครอยากสัมผัสกับวีถีชีวิตโบราณของชาว Lofoten เราก็แนะนำให้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของที่นี่ด้วย
  • ถ่ายภาพสวย ๆ ณ หมู่เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยความงดงามธรรมชาติและสภาพบ้านเรือน นับเป็นสวรรค์ของเหล่านักถ่ายภาพอย่างยิ่ง หากคุณชื่นชอบในการถ่ายรูปคุณจะสนุกสนานไปกับการเลือกมุมเก๋ ๆ ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน ๆ
  • พักผ่อนชิล ๆสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำให้ทำก็คือ “ไม่ต้องทำอะไรเลย!” แล้วปล่อยกายปล่อยใจให้ธรรมชาติอันแสนสงบเงียบชาร์จพลังงานให้กับคุณ เรียกได้ว่า Lofoten คือเกาะสวรรค์ที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

 

7 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ใน 

จากที่เราได้กล่าวไปว่าที่โลโฟเทนนั้นมีความสวยงามและมีกิจกรรมมากมายให้ทำ แม้ว่าจะเป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมายที่รอให้คุณไปเยือน ร่วมพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของ Lofoten Norway กับ 10 สถานที่ไฮไลท์ ที่คุณต้องไปเยือนให้ได้ดังนี้

 

1. เมือง สโวลเวเอร์ (Svolvær)

Lofoten

เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนหมู่เกาะ Lofoten เป็นศูนย์รวมของผู้คนและเศรษฐกิจอันสำคัญ เป็นที่ตั้งของสนามบิน และท่าเรือเฟอร์รีในการเดินทางโดยสารไปยังที่อื่น ๆ บนเกาะ เรียกได้ว่าเป็นประตูบานแรกของเหล่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลโฟเทนเลยก็ว่าได้ ที่เมืองสโวลเวเอร์แห่งนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่สภาพแวดล้อมโดยรวมของเมืองนั้นยังคงมีความสวยงามเพราะเมืองติดกับทะเลและภูเขาอันเป็นธรรมชาติ หากคุณต้องการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Lofoten ที่เหมืองแห่งนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ Lofoten War Memorial Museum ให้คุณได้ศึกษาประวัติศาสตร์

 

2. หมู่บ้านไรน์ (Reine)

Lofoten

 

หมู่บ้านไรน์ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านเหนือของเกาะ Moskenesoya หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในประเทศนอร์เวย์เลยทีเดียว เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมอันสวยงามน่ามหัศจรรย์ ตัวบ้านมีการทาสีแดงสดใสให้ความโดดเด่น ตัดกับพื้นที่ด้านหลังที่เป็นแนวทิวเขาตั้งสูงตระหง่าน ส่วนด้านหน้าของหมู่บ้านก็เป็นน้ำทะเลสีฟ้าเข้มสดใสราวกับคริสตัล เหมาะกับการมาถ่ายรูปรวมถึงแวะพักชมบรรยากาศอันแสน Amazing แห่งนี้ และถ้าหากมีเวลาเราแนะนำให้เดินป่าจุดไปยังจุดชมวิวที่ Reinebringen ซึ่งคุณจะเห็นหมู่บ้านไรน์ในมุมสูงพร้อมพื้นที่ฟยอร์ดที่อยู่โดยรอบ

 

3. หมู่บ้านเฮนนิงสวาร์ (Henningsvær)

Lofoten

 

เป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญ มีร้านอาหารและที่พักมากมาย บรรยากาศของหมู่บ้านแห่งนี้ จะเป็นบ้านที่สร้างยื่นลงไปในทะเล มีทางเดินเป็นสะพานเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันในแต่ละพื้นที่ เหมือนเป็นกลุ่มแพบ้านขนาดใหญ่ลอยน้ำอยู่ ณ หมู่บ้านแห่งนี้คุณจะเห็นเรือจอดเรียงรายอยู่มากมาย ทั้งเรือประมง เรือท่องเที่ยว เรือโดยสาร เรียกได้ว่าเป็น hub ที่รวมเหล่านักท่องเที่ยวของหมู่เกาะ Lofoten เลยทีเดียว คุณจะสามารถหาร้านอาหารทะเลสดใหม่ได้จากหมู่บ้านเฮนนิงสวาร์ แห่งนี้ หรือถ้าใครอยากชมงานศิลปะ ที่นี่ก็มีหอศิลป์ให้คุณได้เยี่ยมชมอีกด้วย

 

4. หมู่บ้านโอ้ (Å)

Lofoten

 

หมู่บ้านชื่อสุดแปลกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณใต้สุดของหมู่เกาะ Lofoten และยังเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอีกด้วย หมู่บ้านโอ้ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแหล่งผลิตปลาค็อดตากแห้งส่งออก นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาดูการจับปลาค็อดได้ที่นี่ ซึ่งจะใช้วิธีการประมงแบบโบราณ นอกจากนี้หากคุณต้องการที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของหมู่บ้านชาวประมง เราก็แนะนำให้ลองแวะไปที่ Norwegian Fishing Village Museum โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวการประมงท้องถิ่นที่สืบทอดมายาวนานกว่าร้อยปี สำหรับใครที่จะมาเที่ยวที่หมู่บ้านโอ้ ก็ต้องแพลนเวลาให้ดี เพราะหมู่บ้านแห่งนี้จะปิดในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง

 

5. หมู่บ้านนุสฟยอร์ด (Nusfjord)

Lofoten

 

เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านชาวประมงที่ควรค่าแก่การมาเยือนหากคุณเดินทางมาเที่ยว Lofoten โดยตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาะ Flakstadøya หมู่บ้านนุสฟยอร์ดเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น จนได้กลายมาเป็นสถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1975 นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้จะค้นพบกับบรรยากาศแบบพื้นเมือง บ้านเรือนถูกสร้างด้วยไม้ มีท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์ด้านการประมงท้องถิ่นให้ได้ชม มีร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ ริมน้ำ รวมถึงยังมีโรงงานผลิตน้ำมันตับปลาอันเก่าแก่ เหมาะกับการเดินเล่นชมความสวยงามของบ้านเรือนชิล ๆ

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

 

6. หมู่บ้านฮัมเนย (Hamnøy)

Lofoten

 

เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ ใกล้กับหมู่บ้านไรน์ หมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ดูแสงเหนืออันสวยงาม จนมีช่างภาพหลายคนเข้ามาถ่ายภาพความมหัศจรรย์ของแสงเหนือที่จนกลายเป็นภาพอันโด่งดังไปทั่วโลก หมู่บ้านฮัมเนยเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ติดอยู่กับชายฝั่ง มีภูเขาหินอยู่ด้านหลัง บ้านแต่ละหลังทาสีแดงสดใสตัดกับสีครามของน้ำทะเล ถ้าคุณมาเที่ยว Lofoten Norway ในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน – ตุลาคม แนะนำให้มาเที่ยวหมู่บ้านฮัมเนยแห่งนี้ เพราะถ้าโชคดีคุณอาจพบกับแสงเหนือที่ปรากฏตัวเหนือเทือกเขาของหมู่บ้าน นับเป็นภาพอันสวยงามยิ่งนัก

 

7. ชายหาดควัลวิก้า (Kvalvika Beach)

Lofoten

 

ขอบอกเลยว่าที่ Lofoten ไม่ได้มีดีแค่หมู่บ้านชาวประมงเท่านั้น แต่ที่หมู่เกาะแห่งนี้ยังมีชายหาดธรรมชาติอันสวยงาม มีน้ำทะเลสดใส และหาดทรายสีขาว ไม่แพ้กับชายหาดอื่น ๆ เลยทีเดียว การเดินทางมาเที่ยวชายหาดควัลวิก้าสามารถเดินทางมาได้จากหมู่บ้านเฟรดวัง เพียงชั่วเวลาแค่อึดใจคุณจะค้นพบกับหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ น้ำทะเลสีฟ้าคราม บนฉากหลังที่เป็นเทือกเขาสูง ราวกับว่าเป็นสถานที่มหัศจรรย์ที่ค่อนข้าง Contrast ต่างจากบรรยากาศของยุโรปเหนือ ณ ชายหาดแห่งนี้คุณสามารถเข้ามาพักผ่อนชาร์จพลังได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับการมานั่งปิกนิกหรือว่ายน้ำรับความสดชื่นของมหาสมุทรอาร์กติก

 

8. วิหารโลโฟเทน (Lofoten Cathedral)

Lofoten

 

ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Kabelvåg ความโดดเด่นของวิหารแห่งนี้คือโครงสร้างทำมาจากไม้ทั้งหมด เรียกว่าเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนอร์เวย์เลยทีเดียว รวมถึงเป็นศาสนสถานที่มีขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดในหมู่เกาะ Lofoten เลยก็ว่าได้ วิหารโลโฟเทนสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1890 เพื่อเป็นสถานที่ทางศาสนาสำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะแห่งนี้ ตัววิหารมีความโดดเด่นด้วยงานแกะสลักไม้อันวิจิตรประณีต และหน้าต่างก็ประดับประดาด้วยกระจกสีสันต่าง ๆ เรียกได้ว่าวิหารโลโฟเทนเป็นความงดงามแบบลงตัวเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของ Lofoten ได้เป็นอย่างดี

 

9. พิพิธภัณฑ์ไวกิ้งแห่งบอร์ก (Viking Museum at Borg)

Lofoten

 

โลโฟเทนเป็นหมู่เกาะที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานนับพันปีตั้งแต่สมัยไวกิ้งครองมหาสมุทร และแน่นอนว่าทุกวันนี้ร่องรอยอารยธรรมของชาวไวกิ้งก็ยังคงหลงเหลือให้ได้ชิมกันที่หมู่เกาะ Lofoten ด้วย ดังเช่นอาคารท้องพระโรงไม้ขนาดยาวของชาวไวกิ้งที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านบอร์ก ที่ยังคงตั้งตระหง่านบ่งบอกความยิ่งใหญ่ของชาวไวกิ้งให้ทุกท่านได้ชม อาคารแห่งนี้ได้รับการบูรณะและดูและมาเป็นอย่างดีโดยคงรักษารูปแบบโครงสร้างเดิมไว้ โดยเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติศาสตร์ของชาวไวกิ้งให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ชม คุณจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไวกิ้งได้ ณ ที่พิพิธภัณฑ์ไวกิ้งแห่งบอร์ก

 

10. โทรลล์ฟยอร์ด (Trollfjord)

Lofoten

 

พื้นที่ชายฝั่งของ Lofoten นั้นเต็มไปด้วยฟยอร์ดมากมาย แต่จุดที่สวยที่สุดนั้นอยู่ที่โทรลล์ฟยอร์ด โดยเป็นช่องแคบผืนน้ำทะเลกินพื้นที่เข้าไปยังบนแผ่นดิน สองฝั่งรายล้อมด้วยหน้าผาอันสูงชัน มีความสลับซับซ้อนทางธรรมชาติอันสวยงาม การสัมผัสความงดงามของโทรลล์ฟยอร์ดแห่งนี้ต้องนั่งเรือท่องเที่ยวเข้ามาชม ซึ่งบอกเลยว่าฟินสุด ๆ นอกจากความงามของธรรมชาติแล้วคุณจะยังเห็นสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ อินทรีทะเล แมวน้ำ และสัตว์ป่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งด้วย

 

How to go to Lofoten Norway? เดินทางไปเที่ยวโลโฟเทนยังไงได้บ้าง?

Lofoten

 

แม้ว่าหมู่เกาะ Lofoten Islands จะตั้งอยู่บริเวณแดนเหนืออันห่างไกล รวมถึงสภาพบ้านเมืองนั้นจะดูบ้าน ๆ ไม่ได้เจริญเหมือนเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปที่ Lofoten ได้ตามเส้นทางดังนี้

 

  1. เดินทางด้วยเครื่องบิน บนหมู่เกาะ Lofoten นั้นมีสนามบินเป็นของตนเอง ซึ่งก็คือสนามบิน Leknes Airport ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Vestvågøy มีสายการบินในประเทศบินมาจอดที่สนามบินแห่งนี้ หากคุณเดินทางจากไทยก็นั่งเครื่องบินไปลง Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ก่อน จากนั้นก็ต่อสายการบินท้องถิ่นเพื่อบินมายัง Lofoten ได้ หรืออีกทางคือนั่งเครื่องบินไปลงยังสนามบิน Harstad/Narvik ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ แล้วนั่งรถบัสหรือเช่ารถขับเพื่อมายัง Lofoten
  2. นั่งเรือเฟอร์รี่ คุณสามารถนั่งเรือจากแผ่นดินใหญ่ฝั่งนอร์เวย์ไป Lofoten ได้ ด้วยการนั่งเรือเฟอร์รีที่เมือง Bodø เพื่อข้ามไปยัง Lofoten ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง โดยระหว่างนั่งเรือคุณสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามของแนวชายฝั่งได้
  3. ทางรถยนต์ โดยคุณสามารถเช่ารถขับมาที่ Lofoten ได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข E10 ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมเกาะต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถแวะสถานที่ท่องเที่ยวตามรายทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีรถบัสโดยสารบริการจากเมืองอื่น ๆ ในนอร์เวย์มาที่ Lofoten โดยตรงอย่างสายรถบัสที่เมือง Bodø และ Narvik
  4. ซื้อแพ็คเกจเรือสำราญ เนื่องจากมีเรือสำราญบางบริษัทมีเส้นทางบริการมายัง Lofoten ด้วย เมื่อถึงจุดแวะหมู่บ้านต่าง ๆ ของ Lofoten คุณสามารถเช่ารถหรือจักรยานขับตะลอนเที่ยวได้อย่างอิสระ

 

Lofoten Islands นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันน่ามหัศจรรย์ คุณจะค้นพบความสวยงามของธรรมชาติ รวมถึงหมู่บ้านชาวประมงอันแสนสวยงาม ถ้าคุณมีแพลนมาท่องเที่ยวที่นี่สักครั้งในชีวิต จะต้องวางแผนการเดินทางให้ดี รวมถึงต้องเตรียมงบประมาณท่องเที่ยวให้เหมาะสม เนื่องจากคุณต้องใช้เวลาเดินทางหลายต่อ และค่าครองชีพประเทศนอร์เวย์ จะดีกว่าไหมถ้าคุณมีตัวเลือกที่จะเดินทางเที่ยว Lofoten อย่างสบาย ๆ ด้วยการใช้บริการกับ Artralux โดยเราจะช่วยวางแผนท่องเที่ยวให้กับคุณ จองตั๋วที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน บริการรถเช่าพร้อมคนขับ ตลอดจนทำวีซ่าเดินทางเข้าประเทศนอร์เวย์

 

แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว

เพิ่มเพื่อน

 

SHARES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ของเรา

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว บันทึกการตั้งค่า