เที่ยวอิตาลี เราจะมาแนะนำ 25 สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี 2023 มีอะไรดีบ้าง ก่อนที่จะเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเอง เดือนไหนดี ใช้เงินเท่าไหร่ดี ใช้งบเท่าไหร่ เราต้องรู้ที่จะเที่ยวก่อนนั่นเอง แน่นอนว่าทัวร์เดินทางสนุก เมืองอิตาลีไฮไลท์เพียบ ที่จะทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจไปกับมนต์เสน่ห์ที่เที่ยวชื่อดังก้องโลก และกลายเป็นความทรงจำสุดพิเศษที่ยากจะลืมเลือน ซึ่งแต่ละสถานที่เที่ยวอิตาลีจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน
อิตาลี (Italy) หรือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) คือหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก ทั้งด้านประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม อาหาร ตลอดจนศิลปะและแฟชัน รวมไปถึงสถานที่เที่ยวอิตาลีสวยๆ จำนวนมากที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตนเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งในบทความนี้ Artralux ผู้นำด้านการเดินทางที่มีบริการตั้งแต่ รับยื่นวีซ่า วางแผนการเดินทาง รับจัดกรุ๊ปทัวร์ และบริการท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
มิลาน (Milan)
ประเดิมที่เที่ยวอิตาลีแห่งแรกกันที่ มิลาน หนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี ซึ่งเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) ที่ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 5 ศตวรรษ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค (Gothic Art) ที่ให้ความเรียบหรูดูสวยงาม หรือกัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล ที่ 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสุดหรูที่มีประวัติไม่ธรรมดา เพราะห้างกัลเลรีอาเป็นห้างกลางกรุงมิลานที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีนั่นเอง โดยภายในสถานที่เหล่านี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ 7 ดาวที่แรกของโลกอย่าง Town House Seven Stars Gallerie และยังมีร้านแบรนด์เนมสุดหรูอีกมากมาย อย่างเช่น หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuiiton), กุชชี่ (Gucci), หรือ พราด้า (Prada) และแบรนด์ดังอีกมากมาย เรียกได้ว่า หากมีโอกาสมาอิตาลีเมื่อไหร่ สถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลยก็คือกรุงมิลานแห่งนี้นั่นเอง
เวนิส (Venice)
เวนิส เมืองเจ้าของฉายา ‘The City of Ramance’ ซึ่งมาจากการเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวอิตาลีขึ้นชื่อด้านความโรแมนติก เหมาะสำหรับคนรัก ครอบครัว และคนพิเศษ ที่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวด้วยกันเป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงแต่อิตาลีจะเป็นเมืองที่มีความสวยงามทั้งด้านสถาปัตยกรรมและที่เที่ยวธรรมชาติอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยเวนิสเป็นเมืองที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเล จึงทำให้สามารถมองเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเวนิสที่นิยมเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเรือเป็นหลัก รวมถึงการดำเนินกิจวัตรประจำวันต่างๆ ของผู้คนอันเป็นเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเมืองอิตาลีแห่งอื่นจนทำให้หลายคนหลงรัก
ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como)
ขอแนะนำทะเลสาบโคโม่ สถานที่เที่ยวอิตาลีซึ่งเปรียบดั่ง Unseen ยุโรป ที่มีลักษณะเป็นรูปตัว Y หัวคว่ำ และมีขนาดใหญ่กว่า 146 ตารางกิโลเมตรจะกลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของอิตาลีด้วย โดยทะเลสาบแห่งนี้ นอกจากจะมีความสวยงามเป็นอย่างมากแล้ว ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ทำกันอีกมากมายด้วย หนึ่งในนั้นคือการล่องเรือชมทะเลสาบโคโม่เพื่อสัมผัสกับทัศนียภาพความงดงามของธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ของเมืองต่างๆ ที่เรือล่องผ่านนั่นเอง โดยจะมีเส้นทางเดินเรืออยู่ 3 เส้นทางหลักได้แก่
- เมืองโคโม่-เมืองโคลิโค่ (Como-Colico)
- เมืองโคโม่-เมืองเบลลาจิโอ-เมืองเวเรนา-เมืองเมนากจิโอ (Como-Bellagio-Verena-Menaggio)
- เมืองเลกโก-เมืองเบลลาจิโอ (Lekko-Bellagio)
ฟลอเรนซ์ (Florence)
ถ้าอยากรู้ว่าเมืองอิตาลีมีอะไรดี ให้มาที่เมืองฟลอเรนซ์ เมืองที่มีจุดกำเนิดเริ่มต้นนับตั้งแต่ในสมัยโรมันจนปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในด้านการเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มีผลงานโดดเด่นมากมายนับตั้งแต่ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือยุคเรเนซองส์ (Renaissance) ทั้งนี้ หากมาเที่ยวอิตาลีด้วยตนเอง หรือมาเที่ยวอิตาลีกับทัวร์ จะต้องไม่พลาดกับสถานที่เที่ยวอิตาลีสุดฮิตอย่าง อาสนวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Cathedral of Santa Maria Del Fiore), ปิเอซ่า มิเคลันเจลโล (Piazzale Michelangelo), และหอศิลป์อุฟฟิซี (Uffizi Gallery)
โรม (Rome)
กรุงโรม หรือที่หลายคนมักเรียกติดปากว่า โรม เป็นเมืองหลวงของอิตาลีที่มีขนาดเมืองใหญ่ที่สุดและมีประชากรอยู่อาศัยมากที่สุดอีกด้วย ที่สำคัญโรมยังเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความรู้แขนงต่างๆ ที่สำคัญมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรโรมันอีกด้วย โดยเมืองโรมจะมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มากมายที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเฟื่องฟูนับตั้งแต่ในสมัยของอาณาจักรโรมันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น สนามโคลอสเซียม (Colosseum) หรือวิหารศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน (Pantheon) เป็นต้น
นครรัฐวาติกัน (Vatican City)
พบกับวาติกัน นครรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ตั้งอยู่ภายในกรุงโรม เมืองอิตาลี ด้วยขนาดพื้นที่เพียง 250 ไร่ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ผ่านยุคสมัยของความรุ่งเรืองจนกระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านศาสนาและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากนี้นครรัฐวาติกันยังได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย โดยที่เที่ยวอิตาลีที่น่าสนใจในนครรัฐวาติกัน เช่น มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter’s Basilica) หรือพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) เป็นต้น
เนเปิลส์ (Naples)
เมืองเนเปิลส์ หรือนาโปลี (Napoli) เป็นเมืองอิตาลีที่หลายคนอาจเคยได้ยินแต่ไม่เคยไปเยือนมาก่อน ซึ่งเราขอแนะนำอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่เมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีสถานที่เที่ยวมากมาย แต่ด้านวัฒนธรรมเองก็มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัฒนธรรมด้านอาหาร เนื่องจาก ต้นกำเนิดของพิซซ่า เมนูแป้งแผ่นบางที่มีหน้าหลายแบบเองก็มาจากเมืองแห่งนี้นี่เอง ทั้งนี้ หากจะให้เราแนะนำเพิ่มเติมละก็ พิซซ่าหน้ามาร์เกรีต้าเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพิซซ่าที่มีวัตถุดิบสีสันคล้ายกับธงชาติอิตาลีนั่นเอง ดังนั้น สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวสถานที่สวยๆ และทานอาหารอร่อยต่างๆ มากมาย เนเปิลส์คือคำตอบที่เหล่านักเดินทางไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
เกาะโปรซิดา (Procida Island)
พูดถึงเนเปิลส์ในด้านอาหารกันไปบ้างแล้ว มาลองดูถึงสถานที่เที่ยวแลนด์มาร์กที่น่าสนใจของเนเปิลส์กันบ้างกับเกาะโปรซิดา อันเป็นเกาะขนาดเล็กเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองอิตาลี แต่เป็นที่เที่ยวที่มีประวัติไม่ธรรมดาเลย เนื่องจากเกาะโปรซิดาได้มีการค้นพบตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15-16 แล้ว และในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เที่ยวอิตาลีที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย โดยเกาะโปรซิดาจะมีพื้นที่สำหรับเดินทางเพียง 4 กิโลเมตร แต่ตลอดทางเดินจะสามารถเห็นอาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่มีสีสันหลากหลายสวยงาม บอกได้เลยว่า ไม่ว่าใครที่มาจะต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน
ปราสาทซันตันเจโล (Castel Sant’Angelo)
ปราสาทซันตันเจโล หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สุสานเฮเดรียน (Mausoleum of Hadrian) มีที่มาจากในสมัยจักรพรรดิฮาดริอานุสแห่งอาณาจักรโรมัน (Publius Aelius Hadrianus) เพื่อเป็นสุสานของราชวงศ์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และที่เที่ยวที่สำคัญของเมืองอิตาลีไปแล้ว โดยภายในห้องหรือโซนต่างๆ จะเป็นโถงที่รวบรวมงานศิลปะแขนงต่างๆ เช่น ภาพจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงาม หรือวัตถุโบราณที่สำคัญต่างๆ นับตั้งแต่ในยุคสมัยโรมัน
ปอมเปอี (Pompeii)
สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชาติอิตาลีผ่านเมืองปอมเปอี หนึ่งในนครเก่าแก่ของอิตาลีที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 700-800 ปีก่อนคริสตศักราช โดยในช่วงยุคแรกเริ่ม ปอมเปอีเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงยุคสมัยโรมัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด (Eruption of Mount Vesuvius) ทำให้เมืองดังกล่าวล่มสลาย ก่อนที่ในช่วงปี 1534 จะมีการค้นพบเมืองดังกล่าว และในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์อิตาลีที่มีนักเดินทางหลั่งไหลมาเยือนอยู่เสมอ
หอเอนปิซา (Pisa Tower)
พบกับที่เที่ยวอิตาลีสุดไอคอนิกอย่างหอเอนปิซาซึ่งเป็นหอระฆังสูงรูปทรงกระบอกที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยหลายคนอาจคุ้นเคยกันดีกับเหตุการณ์การทดลองการตกของสองวัตถุของกาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) นักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี โดยจุดเด่นของหอเอนปิซาคือลักษณะของหอระฆังที่มีความเอนเอียงไปทางด้านนึง เนื่องจาก หอดังกล่าวถูกสร้างขึ้นบนชั้นดินทรายและดินโคลนจึงทำให้ฐานไม่มั่นคงนั่นเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีนักวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไข จนกระทั่งในปัจจุบันได้กลายเป็นที่เที่ยวอิตาลีสุดฮิต ที่แม้จะยังคงเอียงอยู่ แต่รับรองว่าสามารถมาเที่ยวเล่นพร้อมถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่เลย
ชายฝั่งอมาลฟี (Amalfi Coast)
ใครที่เหนื่อยๆ หรืออยากหาสถานที่พักผ่อนอยู่ ให้มาปล่อยกายและใจที่ชายฝั่งอมาลฟี ซึ่งเป็นแนวชายฝั่งทะเลสีฟ้าครามที่มีวิวธรรมชาติสวยงามและยังอยู่ติดกับเมืองต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองอมาลฟี (Amalfi), เมืองราเวลโล (Ravello), เมืองปรายาโน (Praiano), เมืองโปซีตาโน (Positano), และยังมีเมืองอิตาลีอื่นๆ อีกมากมายที่ใกล้ชายฝั่งอมาลฟีและรอให้นักเดินทางทุกคนมาสัมผัสด้วยตนเองอยู่
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เวโรนา (Verona)
ร่วมสำรวจแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ณ เมืองเวโรนา เจ้าของฉายา ‘Little Roman’ ซึ่งเกิดจากสภาพอาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมืองที่ยังคงความเป็นโรมันไว้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ถูกนำมาอ้างอิงในวรรณกรรมสุดคลาสสิกย่างโรมิโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) ผลงานความรักอมตะจากปลายปากกาของวิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักกวีชาวอังกฤษอีกด้วย เรียกได้ว่า นอกจากจะได้มาเที่ยวเมืองอิตาลีสวยๆ บรรยากาศดีๆ แล้ว ทุกคนยังจะได้สัมผัสถึงความโรแมนติกที่อบอวลไปทั่วเมืองอีกด้วย
ปราสาทสฟอร์เซสโก (Sforzesco Castle)
มาถึงอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่เที่ยวอิตาลีห้ามพลาดอีกแห่งอย่างปราสาทสฟอร์เซสโก ซึ่งเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มิลาน โดยความน่าสนใจของที่เที่ยวแห่งนี้คือครั้งหนึ่งปราสาทสฟอร์เซสโกเคยเป็นป้อมปราการของตระกูลวิสคอนติ (Visconti) ตระกูลขุนนางที่สำคัญของอิตาลี ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะกลายเป็นที่พำนักอาศัยของตระกูลสฟอร์ซา (Sforza) และท้ายที่สุดก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะที่สำคัญของอิตาลีให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมได้ ทั้งนี้ ปราสาทสฟอร์เซสโกยังเป็นสถานที่เที่ยวอิตาลีซึ่งอยู่ในโปรแกรม Unseen Switzerland & Italy ของ Artralux ด้วยเช่นกัน
สวนสาธารณะปาร์โก เซมปีโอน (Parco Sempione)
ใครที่ชื่นชอบสถานที่เที่ยวอิตาลีแนวธรรมชาติ ขอแนะนำสวนสาธารณะปาร์โก เซมปีโอน สวนขนาดใหญ่ในมิลานซึ่งล้อมรอบด้วยธรรมชาติอย่างสวนและต้นไม้สีเขียวให้ได้เพลิดเพลินกัน โดยสวนแห่งนี้ยังเป็นที่เที่ยวอิตาลียอดฮิตที่หลายคนเลือกจะมาปิกนิก เดินเล่น หรือออกกำลังกาย กันด้วย นอกจากนี้ สวนสาธารณะปาร์โก เซมปีโอนยังอยู่ใกล้กับปราสาทสฟอร์เซสโกอีกด้วย เรียกได้ว่าเดินทางสะดวกแถมยังได้พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
เซียนา (Siena)
ชวนร้จักเมืองเซียนาซึ่งเป็นเมืองอิตาลีเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยก่อนคริสตกาล โดยเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องอดีตเมืองการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองจนกระทั่งในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เที่ยวที่สำคัญอีกด้วย โดยภายในเมืองเซียนายังมีสถานที่เที่ยวอิตาลีที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารเซียนา (Duomo di Siena), มหาวิหารซานโดเมนิโค (Basilica of San Domenico), และที่เที่ยวอิตาลีอื่นๆ อีกมากมาย
ชิงเคว เตร์เร (Cinque Terre)
ชิงเคว เตร์เร เป็นนชื่อเรียกของเมืองอิตาลีอันเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานนับพันปี โดยภายในเมืองแห่งนี้จะมีทั้งอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยพื้นที่ป่าไม้และภูเขา รวมทั้งทะเลและแนวผาที่จะมอบทัศนียภาพอันงดงามให้กับผู้ที่เดินทางมาเยือน ณ เมืองแห่งนี้ นอกจากนี้ ภายในเมืองยังมีถึง 5 หมู่บ้านให้ได้เยี่ยมชมกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Corniglia, Manarola, Monterosso, Riomaggiore, และ Vernazza
ทาโอร์มินา (Taormina)
หากรู้สึกอยากเที่ยวสถานที่สวยๆ นอกเหนือจากเมืองอิตาลีชื่อดังอย่าง มิลาน เวนิส หรือเนเปิลส์ ขอแนะนำให้รู้จักกับเมืองทาโอร์มินา ซึ่งตั้งในแคว้นซิซิลี (Sicily) 1 ใน 20 แคว้นแห่งอิตาลี โดยภายในเมืองแห่งนี้นั้นจะมีแลนด์มาร์กที่น่าสนใจหลายแห่ง อย่างเช่น มหาวิหาร จตุรัสคนเดิน สวนสาธารณะ ตลอดจนจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟเอตนา (Mount Etna) อีกหนึ่งภูเขาไฟในยุโรปที่ในปัจจุบันก็ยังคงปะทุอยู่
วิหารมอนเรอาเล (Monreale Duomo)
แนะนำสถานที่เที่ยวอิตาลีอีกแห่งในแคว้นซิซิลีกับวิหารมอนเรอาเล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองปาแลร์โม (Palermo) โดยวิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ที่มีความสวยงามและโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ สังเกตได้จากภายในวิหารที่ตกแต่งด้วยภาพวาดฝาผนังที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ ตลอดจนประตูหรือกรอบหน้าต่างตามจุดที่แกะสลักลวดลายเรขาคณิตที่ให้รูปทรงสวยงาม
มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)
มหาวิหารเซนต์มาร์ก มีอีกชื่อหนึ่งว่ามหาวิหารซานมาร์โค (Basilica di San Marco) เป็นหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นศาสนสถานในรูปแบบมหาวิหารที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ โดยมหาวิหารเซนต์มาร์กยังมีอีกฉายาว่า โบสถ์ทองคำ (Chiesa d’oro) อีกด้วย ทั้งนี้ ภายในวิหารแห่งนี้จะมีสถาปัตยกรรมในรูปแบบของไบแซนไทน์ปิดด้วยทองสวยงาม จึงทำให้ใครที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้จะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการและความหรูหราอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ มหาวิหารเซนต์มาร์กยังมีการแบ่งโซนเที่ยวชม ได้แก่ Basilica, Museum, Pala d’Oro, Treasury, และ Campanile
ซอร์เรนโต้ (Sorrento)
ชวนมาปล่อยกายและใจกันที่เมืองพักอากาศขนาดเล็กแต่ไม่ธรรมดาอย่างเมืองซอร์เรนโต้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งอมัลฟี (Amalfi Coast) ที่ให้ทันศนียภาพความสวยงามของทะเลสีครามและท้องฟ้าแจ่มใส โดยเมืองแห่งนี้ยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย เนื่องจากซอร์เรนโต้เป็นเมืองเกษตรกรรมที่มีการส่งออกผลผลิตมากๆ อย่างเช่น ไวน์ พืชผล และเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา เป็นต้น เรียกได้ว่าเมืองอิตาลีแห่งนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบท่องเที่ยว อยากทานอาหารอร่อย และสัมผัสวิวธรรมชาติสวยๆ
ถ้ำสีน้ำเงินแห่งเกาะคาปรี (Blue Grotto, Capri Island)
รับชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยากจะพบเห็นผ่านถ้ำสีน้ำเงิน หรือ Blue Grotto ซึ่งเป็นถ้ำติดชายฝั่งของเกาะคาปรี โดยเกาะแห่งนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนทำให้ภายปากทางเข้าถ้ำมีช่องว่างที่ทำให้เหล่านักเดินทางสามารถทำกิจกรรมอันเป็นไฮไลท์ของถ้ำแห่งนี้อย่างการนั่งเรือเข้าไปในถ้ำเพื่อสัมผัสแสงสีน้ำเงินสวยงามซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ลุกกา (Lucca)
มาถึงเมืองอิตาลีน่าเที่ยวจากทางฝั่งแคว้นทัสคานี (Tuscay) กันบ้างอย่างเมืองลุกกา เมืองขนาดเล็กที่มีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่ 180 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอิตาลียอดนิยมที่เปิดให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเยือนเพื่อเยี่ยมชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็น กำแพงเมืองลุกกา (The walls of Lucca) อันเป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่จากในอดีต หรือจัตุรัสอัลฟีแตโทร (Piazza dell’Anfiteatro) ซึ่งเคยเป็นลานสนามประลองอันยิ่งใหญ่ของนักรบโรมัน
ตูริน หรือ โตริโน (Turin / Torino)
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเที่ยวเมืองไหนในอิตาลีดี ขอแนะนำให้รู้จักกับเมืองตูริน หรือที่ชาวอิตาลีเรียกว่า โตริโน หนึ่งในเมืองอิตาลีน่าเที่ยวในแคว้นปิเยมอนเต (Piedmont) ที่มาพร้อมกับอาคารบ้านเรือนอันสวยงามและสถาปัตยกรรมแสนเก่าแก่ ทั้งนี้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ตูรินยังเป็นที่เที่ยวอิาลีที่มีชื่อเสียงในด้านการเป็นแหล่งผลิตช็อกโกแลตที่ดีที่สุดของประเทศ รวมทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มชนิดที่ขึ้นชื่อ อย่างเช่น พาสต้า ไอติมเจลาโต แคนดี้ หรือไวน์ เป็นต้น
เจนัว (Genoa)
ปิดท้ายที่เที่ยวอิตาลีแห่งสุดท้ายกันที่เมืองเจนัวแห่งแคว้นลิกัวเรีย (Liguria) ซึ่งหลายคนคงนึกออกว่าเมืองดังกล่าวเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักเดินเรือและนักสำรวจชื่อดังก้องโลกอย่างคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) อีกด้วย โดยเจนัวจะเป็นเมืองท่าติดชายฝั่งทะเลที่มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งย่านถนนคนเดินที่มีร้านค้าและกินเที่ยวชอปกันแบบจุใจ หรือจัตุรัสใจกลางเมืองอย่าง Piazza De Ferrari ที่เป็นทั้งจุดนัดพบยอดนิยมของชาวอิตาลี และยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ มากมาย
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับที่เที่ยวอิตาลี
นอกจากสถานที่เที่ยวอิตาลีทั้ง 25 แห่งที่มีความน่าสนใจแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยจากเหล่านักเดินทางที่กำลังเตรียมตัวจะไปเที่ยวอิตาลีมาฝากด้วย ดังนี้
เที่ยวอิตาลีเดือนไหนดี
ประเทศอิตาลี จะมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน, ฤดูหนาว, ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง โดยเดือนที่เราแนะนำคือช่วงตุลาคมถึงธันวาคม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
เที่ยวอิตาลีงบเท่าไหร่ดี
เที่ยวอิตาลีใช้เงินเท่าไร หรือเที่ยวอิตาลีงบเท่าไหร่ดีนั้น เป็นหนึ่งในคำถามที่เหล่านักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว งบท่องเที่ยวนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานที่เที่ยว จำนวนวันที่เดินทาง ตลอดจนกิจกรรมหรือสิ่งที่อยากทำด้วย จึงยากที่จะอธิบายในเรื่องดังกล่าวได้ แต่เราขอแนะนำให้พกไปเฉลี่ยวันละ 150 ยูโร หรือประมาณ 6,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพียงพอต่อการเดินทาง ค่าอาหาร และที่พักหรือโรงแรม 3 ดาว
เที่ยวอิตาลีแบบไหนดีระหว่างเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเองหรือเที่ยวอิตาลีกับทัวร์
ในการท่องเที่ยวอิตาลีด้วยตนเองหรือเที่ยวอิตาลีกับทัวร์ต่างก็มีข้อดีแตกต่างกัน เราจึงขอแนะนำสำหรับใครที่อยากได้ผู้ช่วยวางแผนการเดินทาง พร้อมอำนวยความสะดวกในการไปเยือนสถานที่เที่ยวต่างๆ ให้ไปกับทัวร์จะดีกว่า ซึ่งทาง Artralux เองก็มีบริการด้านการเดินทางด้วยเช่นกัน
ประเทศอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนยกให้เป็น Unseen Europe เลยทีเดียว ซึ่งเราเชื่อว่า 25 ที่เที่ยวอิตาลีที่ได้เลือกมาให้กับทุกท่านล้วนผ่านการคัดสรรมาแล้วอย่างดี ทั้งนี้ เพราะทุกการเดินทางล้วนมีความหมาย ดังนั้นแล้ว สำหรับใครที่อยากจะท่องเที่ยวอิตาลีหรือประเทศอื่นๆ และกำลังมองหาผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางอยู่ สามารถติดต่อ Artralux ได้เลย
สนใจติดต่อ Artralux ที่ 02-047-0083 หรือ ผ่านช่องทางไลน์ Line: @Artralux (มี @ นำหน้า)
📞 | 02-047-0083
💬 | (Line) https://bit.ly/3I9BJ42
แอดไลน์เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
